sLOVEnia Croatia Album

[SILA]

         เก็บรูปภาพ ซึมซาบบรรยากาศบนยอดภู เดินดูร้านขายของที่ระลึกแล้ว
ก็ได้เวลาขาลงจากภู (ขวามือคือขอบป้อมอิมพีเรียล)

[SILA]

          กลับสู่สถานีล่าง ได้ยืนตรงส่วนหน้า

[SILA]

          เคเบิ้ล คาร์เคลื่อนลงอย่างไม่ช้า ไม่มีสะดุด

[SILA]

          หวิวนิดหน่อย ไม่ถึงกับแทบหยุดหายใจ

[SILA]

          เบื้องล่างข้างหน้า ป้อมปราการอันโอฬารที่ได้ไปสัมผัสแลเล็กลงเหลือนิดเดียว
จนอาจทำให้บางคนรู้สึกหวาดเสียวอยู่บ้าง

[SILA]

           

[SILA]

           ลงจากภูเขาเข้าสู่ดูบรอฟนิค เมืองเก่าชายทะเลที่แม้จะเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับ
Pisa, Genoa และ Venice แต่ก็คงความภาคภูมิใจในอิสระ - จากสิทธิปกครองตนเอง
และสิทธิของประชากรเมือง ด้วยคติของเมืองที่ยกย่องความเป็นอิสระ ดูบรอฟนิคจึงเป็น
            หนึ่งในกลุ่มประเทศแรกๆ ที่รับรองประเทศเกิดใหม่ในปี 1776 (สหรัฐอเมริกา)
          ผลจากการดำเนินนโยบายแยบยลในการประคองตนโดยให้สองมหาอำนาจคานกัน
ระหว่างเวนิสและออตโตมาน ดูบรอฟนิคจึงคงสภาพรัฐ(ค่อนข้าง)อิสระและคงความรุ่งเรือง
ไว้ได้นานนับหลายศตวรรษ
          แม้ว่าอำนาจการปกครองและครอบครองพื้นที่ของดูบรอฟนิคทั้งมวลตกอยู่ในมือของ
ชนชั้นสูง แต่ก็ได้วางระบบการตรวจสอบควบคุมถ่วงดุลอำนาจไว้เพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจตก
อยู่ในมือของผู้ที่เป็นภัยต่อบ้านเมือง
          ความมั่งคั่งมาจากการค้า แต่คนธรรมดาก็มีงานการที่ดี มีสิทธิ มีความเป็นอยู่ดี ที่นี่จึง
มีแต่ความสงบสุขปราศเหตุการณ์วุ่นวาย

[SILA]

           ดูบรอฟนิคคือตัวอย่างเด่นชัดของเมืองพร้อมกำแพงจากสมัยยุคกลางที่ได้รับ
การอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่ง ส่วนที่จัดได้ว่าเป็นอนุสาวรีย์แห่งยุคเรเนซองและบาร็อคภายใน
กำแพงสูงสง่าและประตูเมืองโอ่อ่านี้ ได้แก่

           ศาลากลางเมือง วังเจ้าเมือง จากศตวรรษที่ 11
           อาราม  Franciscan Monastery สร้างในศตวรรษที่ 14 แต่รูปลักษณ์
ปัจจุบันนี้เป็นบารอค
           อาราม  Dominican Monastery
           อาสนวิหาร (Cathedral) สร้างใหม่หลังจากเหตุแผ่นดินไหวในปี 1667
           ศุลกสถาน (Customs House) ที่มีรูปแบบผสมผสานจากผลงานผ่านหลายมือ
และหลายปี
            โบสถ์สไตล์บารอค  St Blaise

[SILA]

           ส่วนที่เป็นมรดกโลกแต่แรกเริ่มนั้น ประกอบด้วย สิ่งก่อสร้างปกป้องนครและตัวเมือง
ภายในกำแพง ต่อมายังรวมไปถึงเขตชานเมืองที่อยู่ในแผนพัฒนาในศตวรรษที่ 15 และ
ป้อม Lawrence ที่ตั้งอยู่บนหน้าผานอกเมือง
            นอกจากนี้ยังรวมถึงอาคาร Lazarets สร้างเมื่อศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นสถานกักกัน
สังเกตอาการคนเข้าเมืองที่ป่วยด้วยกาฬโรค
            กำแพงกันคลื่น Kase moles สร้างในตอนปลายศตวรรษที่ 15 และ ป้อม Revelin

          มรดกสถาปัตยกรรมของเมืองผสานกับวิถีชีวิตยุคใหม่ภายใต้หลักการอนุรักษ์อย่าง
เคร่งครัดไม่อาจแยกออกจากกัน หากแต่มีปฏิสัมพันธ์กันในด้านการใช้พื้นที่อย่างมีสมดุล
ทางทัศนียภาพ

[SILA]

          การเดินทัศนา(จร)ไปในเมืองเก่าช่วงบ่ายนี้เริ่มต้นที่ แผนที่ของเมืองเก่า และ
แผนที่แสดงอาคารซึ่งได้รับความเสียหายจากสงครามในปี 1991 เมื่อพวกเซิร์บได้ระดม
ยิงระเบิดถล่มเมือง ก่อนหน้านั้นดูบรอฟนิคที่ได้ใช้การเมืองนำหน้าในการรักษาตัวรอดปลอดภัย
ท่ามกลางสิงห์เสือขนาบข้างยังไม่เคยประสบพบกับภาวะสงครามรุนแรงเช่นนี้มานับศตวรรษ
           กองกำลังเซิร์บถล่มโจมตีดูบรอฟนิคทั้งเขตเมืองใหม่และย่านเมืองเก่า ที่มีเด็กและ
ผู้หญิงหลบภัยอยู่หลายชีวิต ถนนทุกสายสู่ดูบรอฟนิคถูกตัดขาด รวมทั้งเส้นทางน้ำและอากาศ
ประชากร 50,000 คนขาดแคลนน้ำและอาหาร ต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้

[SILA]

                  แผนที่แสดงบาดแผลสงครามของตัวเมือง

ความเสียหายแทนด้วยเครื่องหมายประกอบด้วย

    สามเหลี่ยมทึบสีดำ   Roof damaged by direct hit

    สี่เหลี่ยมทึบสีแดง     Burnt-down building
  
    สามเหลี่ยมโปร่ง      Roof damaged by shrapnel
          
    วงกลมทึบสีดำ        Direct hit on the pavement  
    

[SILA]

Shrapnel ระเบิดที่บรรจะกระสุนเล็กมากมายอยู่ภายใน และจะแตกกระจายออกเมื่อระเบิด

[SILA]

สงคราม คือ ความโหดร้าย

(ประมาณนาทีที่ 7.20 เป็นภาพป้อม Saint Saviour และป้อมยักษ์เซนต์ จอห์น ถูกยิงถล่ม)
 
         

[SILA]

ความตาย ความสูญเสีย

           

[SILA]

            สงครามผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ยังทิ้งร่องรอยความทรงจำอันเจ็บปวดไว้ตามอาคาร
บ้านเรือนและในจิตใจของชาวเมืองผู้สูญเสีย ทว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง

ห้องจัดแสดงภาพและอาวุธจากสงครามอยู่ในห้องค่อนข้างมืดสลัว ดวงไฟส่องไม่สว่าง แต่
ยังมีช่องทางให้แสงจ้าจากภายนอกสาดส่องเข้ามา
(ภาพพิพิธภัณฑ์สงครามที่ป้อม Imperial บนภูเซอร์จจาก flickr)