SILA
|
ความคิดเห็นที่ 870 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 10:49
|
|
ระหว่างทางไปสู่หอกลมขนาดมหึมา มีหอโค้งครึ่งวงกลม The Strong Saint James
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 871 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 10:52
|
|
และอีกสี่หอเหลี่ยมขนาดย่อมรายเรียงเป็นระยะ -
หอ The Drezvenik Tower, The Tower above Vital Saint, The Tower Saint Lucy
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 872 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 10:56
|
|
กับหอ The Tower Saint Barbara ก่อนถึงหอ Minceta
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 873 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 11:00
|
|
ผู้คนบนกำแพงมากมาย ต้องค้นภาพปลอดคนเดินจากเน็ท ป้อมปราการงานยักษ์แห่งนี้มีก้อนหินกี่แสน กี่ล้านก้อน?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 874 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 12:00
|
|
ฝั่งบกทิศเหนือเป็นอีกจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อาจถูกศัตรูจู่โจม จึงต้องเพิ่มความแข็ง แกร่งให้กับปราการ ตัวกำแพงทางตอนเหนือมีความหนา 4 - 6 ม. (2 - 3 เท่าของส่วนอื่น) และบางช่วงสูงถึง 25 ม. นอกจากนี้ยังเพิ่มกำแพงลาดตรงส่วนล่างเพื่อป้องกันกระสูนปืนใหญ่ตกลงทำลาย ตีนกำแพงโดยตรง ตามแนวกำแพงยาวยังสร้างเสริมรายเรียงด้วยป้อมขนาดใหญ่และย่อม เท่านี้ยังไม่พอที่ตีนกำแพงด้านนอกยังขุดคูเมืองขวางตามทางยาวกำแพงเป็นแนวขวางกั้น ส่วนบนกำแพงก็ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเขี้ยวเล็บด้วยปืนหลายกระบอกที่ส่วนใหญ่หล่อ ขึ้นในเมืองช่วงวิกฤต ปืนใหญ่จำนวนมากกว่า 120 กระบอกถูกติดตั้งรายเรียงช่วยเสริมเติม เต็มการปกป้องกันเมือง
ภาพจากเน็ท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 875 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 12:02
|
|
หอ Minceta ที่สุดสูงตั้งเด่นอยู่กึ่งกลางระหว่างสองประตูหลัก(Pile และ Ploce) คืองานสถาปัตยกรรมงามล้ำกว่าป้อมอื่นใด ชื่อของหอมาจากชื่อตระกูล Mincetic ผู้ครอบครองพื้นดินที่เป็นที่ตั้งของหอแห่งนี้ เริ่มแรกสร้างในปี 1319 โดยนายช่างท้องถิ่นขึ้นรูปเป็นป้อมสี่ด้าน ต่อมาหลังจากที่ กรุง Constantinople ถูกเตอร์คเข้ายึดครองในปี 1453 แล้วตามด้วย Bosnia ในปี 1463 ดูบรอฟนิคจึงต้องเร่งสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้กำแพงเมือง ทางการได้เชิญสถาปนิกเรืองนาม Michelozzo di Bartolomeo of Florence ให้มาทำการออกแบบสร้างเสริมระบบการป้องกันเมืองในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดในช่วงกลาง ศตวรรษที่ 15 ด้วยเงินค่าจ้างอย่างสูงลิ่วสมความเป็นผู้เชี่ยวชาญงานสร้างสิ่งปกป้องเมือง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 876 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 12:06
|
|
นายช่างของตระกูล Medicis ผู้นี้เป็นที่ยกย่องว่าเป็นนายช่างวิศวกร และ ศิลปินระดับแถวหน้า ในภาคประติมากรท่านรังสรรค์งานศิลป์(อ่อนช้อยนุ่มนวล) ส่วน ในภาคสถาปนิกท่านก็ใส่ความแข็งแกร่งลงไป คาถากำกับการสร้างสำหรับนายช่างยุทธศาสตร์นั้นมีอยู่ว่า การแพ้ชนะสงคราม ขึ้นอยู่กับสถาปนิกมากกว่านายพล ทั้งนี้เนื่องจากการสงครามในสมัยนั้นใช้ยุทธวิธียกทัพ มาประชิดปิดล้อมอยู่นอกกำแพงเมืองแล้วพยายามข่มขู่หรือเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ Michelozzo สร้างหอทรงกลมขึ้นล้อมรอบป้อมทรงสี่เหลี่ยมเดิมโดยปรับให้เข้า กับกลยุทธของสงครามแผนใหม่และเชื่อมต่อกับระบบกำแพงแบบใหมที่มีการสร้างเนิน ลาดชันเสริมหน้าป้อมปราการ
ภาพจากเน็ท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 877 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 12:09
|
|
กำแพงของหอใหม่นี้หนา 6 ม. พร้อมที่ติดตั้งปืน นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมกำแพง 20 ฟุต ล้อมรอบ กำแพงส่วนล่างแยกจากกำแพงดั้งเดิมเป็นที่รองรับกระสุนระเบิดเพื่อไม่ให้ตกต้อง กระทบตัวหอ เรียกว่า scarp wall Juraj Dalmatinac สถาปนิกและประติมากรยุคกลางจากซาดาร์ผู้ผ่านงานในเวนิส มาแล้ว (ผลงานชิ้นเอกของท่านคือวิหารแบบกอธิคที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกในชิเบนิค - บ้าน เกิดของท่าน) ได้เข้ามารับช่วงดำเนินงานสร้างต่อ Juraj ออกแบบสร้างหอกลมสูงขนาดย่อมกว่าแล้วเพิ่มเติม Battlement ในเวลาต่อมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 878 เมื่อ 22 ม.ค. 14, 12:11
|
|
วิกกี้อธิบายว่า
เชิงเทิน (Battlement หรือ Crenellation) เป็นสิ่งก่อสร้างทางยุทธศาสตร์ เช่น บนกำแพงเมืองหรือปราสาทที่ประกอบด้วยกำแพงบัง (parapet) ที่เป็นกำแพงเตี้ย ที่บากออกเป็นช่องๆ เป็นระยะๆ เพื่อใช้ในการยิงธนูหรือเครื่องยิงอื่นๆ ออกจากกำแพง ส่วนที่บากหรือตัดออกไปเรียกว่า “ช่องกำแพง” (Embrasure) ส่วนที่เป็น กำแพงเรียกว่า “ใบสอ” (Merlon) พื้นเชิงเทินมักจะมีช่องที่เปิดได้ระหว่างคันทวยที่ใช้ ในการหย่อนหินหรือของร้อนลงมายังหรือยิงศัตรูที่อยู่ข้างล่าง ส่วนนี้เรียกว่าช่องเชิงเทิน (machicolation)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 879 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:01
|
|
หลังการก่อสร้างสำเร็จลงในปี 1464 หอ Minceta (ที่บางคนว่ารูปร่างหน้าตา เหมือนเค้กแต่งงาน) ก็ได้กลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งอัปราชัย(น.ความไม่แพ้) ไม่มีใคร พิชิตได้ของดูบรอฟนิค
ภาพด้านนอก(จากเน็ท) ของหอคอย Minceta "หอประติมากรรม" ผลงานของสองสถาปนิก ผู้มีชื่อเสียงด้านประติมากรรม หนึ่งสไตล์เรเนซองและอีกหนึ่งสไตล์กอธิค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 880 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:03
|
|
จากระเบียงส่วนบนสุดซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดของเมือง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทัศนียภาพ อย่างกว้างไกลของกรุงเก่า ที่มีทะเลเอดริแอติคเป็นฉากหลังและเกาะ Lokrum เป็นพร็อพ ประกอบฉาก (อีกภาพจากเน็ท)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 881 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:07
|
|
เมื่อมาอยู่บนกำแพงขนาดใหญ่ ที่แลเห็นเด่นไกลทั้งจากทางบกและทะเล ทั้งกลางวัน และกลางคืน เมื่อพินิจก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อเรียงกันขึ้นมาเป็นปราการ เป็นป้อม เป็นหอ นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์แห่งผลงานของสองมือมนุษย์ กี่ร้อย กี่พันคน จึงจะได้เป็นหนึ่งในกำแพงที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ข้าศึกไม่สามารถฝ่าผ่านเข้ามาได้ (แต่เมื่อถึง คราวจะเสียท่า กลับเป็นเพราะว่าเปิดประตูให้กองทัพนโปเลียนเข้าเมือง) จนอาจจะเรียกได้ว่านี่คือ ผลงานแห่ง หัตถา(คุ้ม)ครองพิภพจบสากล ของเพศพ่อ
(ภาพจากเน็ทอีกแล้ว)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 882 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:13
|
|
จากหอกลมสูงลิ่วลงเดินต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 883 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:14
|
|
ตามแนวกำแพงที่ทอดยาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 884 เมื่อ 24 ม.ค. 14, 10:40
|
|
หมุดหมายหลักต่อจากนี้ไปคือ จุดยุทธศาสตร์แห่งที่สี่บริเวณทางเข้าเมืองด้านตะวันตก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|