sLOVEnia Croatia Album

[SILA]

             ภายในบริเวณกักกันนี้มีอาคาร 5 หลัง พร้อมอ่างเก็บน้ำ คณะแพทย์, กัลบก
(ในสมัยนั้นซึ่งจะทำหน้าที่มากกว่าเพียงตัดผม), นักบวช และ ผู้ช่วยทำหน้าที่ดูแล,
ควบคุมกฎที่เข้มงวด
              อาคารแห่งนี้ได้ทำหน้าที่จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 แล้วก็ถูกทิ้งให้เสื่อมโทรมลง
จนกระทั่งได้รับทุนช่วยเหลือจาก  World Monument Fund จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซม
จนคืนสภาพ ปัจจุบันที่นี่เป็นที่ต้งของ Desa กลุ่มจัดตั้งในปี 1993 เพื่อให้ความช่วยเหลือ
หญิงผู้สูญเสียจากภัยสงครามปี 1991 และเป็นหนึ่งในอาคารกักกันไม่กี่หลังที่ยังเหลืออยู่
ในยุโรป

ภาพจากเน็ท

[SILA]

           ดูบรอฟนิคเป็นรัฐแรกที่ได้ออกมาตรการด่านกักกันนี้เมื่อมีการระบาดของกาฬโรค
ในศตวรรษที่ 14 โดยมหาสภาได้ออกมาตรการ quarantine ในปี 1377 กำหนดให้
ผู้มาเยือนที่มาจากดินแดนซึ่งมีโรคระบาดต้องถูกกักกันอยู่ในเกาะ Mrkan, Bobara และ
Supetar ซึ่งอยู่นอกชายฝั่งแซฟแทต
            ต่อมาในศตวรรษที่ 15 จึงได้มีการสร้างสถานที่กักกันบนพื้นดินและยกเลิกการกักกัน
บนเกาะ  เรียกว่า lazarettos หรือ
    
             quarantine ซึ่งคำนี้มีกำเนิดที่นี่จากคำท้องถิ่น Venetian - Italian dialect
ที่แปลว่า 40 มาจากจำนวนวัน(40 วัน) ของการกักกันผู้มาเยือนไว้ในเกาะหรืออาคารเพื่อ
สังเกตอาการก่อนเข้าเมือง

ภาพ Lazaret (อาคารริมฝั่งขวามือสุด) เมื่อมองจากกำแพงลงมา

[SILA]

            Lazaret หรือ Lazarettos หลังเก่าก่อนที่สร้างในศตวรรษที่ 15 อยู่ทาง
ตะวันตกของเมือง ต่อมาได้ขยับขยายสร้างเพิ่มในศตวรรษที่ 16 ที่เกาะโลครุม ก่อนจะ
มาเป็นอาคารหลังนี้ที่สร้างในช่วงศตวรรษที่ 16 - 18 ณ ชายฝั่งใกล้ประตู Ploce และ
อยู่ริมถนนสายที่กองคาราวาน(caravan แครแวน) ของชาวเตอร์คที่ลงมาจากดินแดน
หลังเขาเดินผ่านการจับตามองของเจ้าหน้าที่จากหอขนาดเล็กริมถนน

ภาพ Lazaret ริมถนนจากเน็ท

[SILA]

          เรือแล่นเข้าใกล้ท่าเทียบเรือ เมื่อหันกลับมามองทางด้านซ้ายแลเห็น
                            
                            Porporela
 
          สันเขื่อนกันคลื่นลมสร้างขึ้นในปี 1873 ยื่นยาวออกมาสิ่งก่อสร้างสูงตระหง่าน
น่าเกรงขามที่เห็นมาแล้วแต่ไกล ทำหน้าที่พิทักษ์ท่าเรือมายาวนานหลายศตวรรษ นั่นคือ
ป้อม Saint John

[SILA]

           ปัจจุบันสันเขื่อน Porporela คือทางทอดยาวสำหรับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว
มาเดินเล่นหรือนั่งรับลมชมทะเล

[SILA]

อีกมุมมองของ Porporela จากเน็ท

[SILA]

          ใกล้ท่าเทียบเรือเข้าไปอีก แลเห็นป้อมเซนต์ จอห์น สูงล้ำเกินระดับสายตา
สูงใหญ่มหึมาแค่ไหนเทียบดูได้กับขนาดของคนที่ยืนอยู่ตรงตีนป้อม

[SILA]

           หันกลับมาทางด้านขวา เรือแล่นผ่านสิ่งก่อสร้างกีดขวางทางเข้าท่าที่จัดเป็น
มรดกโลกด้วย นั่นคือ
 
                    กำแพงกันคลื่น Kase Breakwater หรือ Kase moles

           สร้างเมื่อปี 1485 ออกแบบโดย Paskoje Milicevic (วิศวกรผู้ออกแบบและ
อำนวยการสร้างท่าเรือเก่านี้) เพื่อป้องกันท่าจากคลื่นลมใต้/ตะวันออก และขวางทางศัตรู
ผู้รุกรานให้ต้องหยุดชะงักแล้วถูกยิงโจมตีลงมาจากป้อม St John

[SILA]

           นอกจากนี้ตัวกำแพงยังช่วยย่นความยาวของโซ่ที่เคยใช้ขึงขวางทางเข้าท่า
ระหว่างป้อม St John ไปยังหอคอย St Luke ซึ่งอยู่เยื้องริมฝั่งตรงข้ามทุกยามเย็นด้วย

ในภาพจะเห็นหอคอย St Luke อยู่ตรง(ข้าม)กับป้อม St John ที่ริมขวาของภาพ

[SILA]

          กำแพงกั้นสร้างจากหินก้อนขนาดใหญ่ทับถมลงบนรากฐานโครงไม้

ภาพจากเน็ท

[SILA]

            เรือเข้าจอดที่ท่าเทียบอย่างเรียบร้อย จากบริเวณท่าเรือเก่าแห่งนี้

                             The Old Port
 
           เมื่อเหลียวมองรอบกาย มิวายจะตื่นตาตื่นใจกับความใหญ่โตโก้หร่านของอาคาร
สถานที่รายล้อม

ภาพ Panorama จากเน็ท

[SILA]

            กำแพงสูงชัน ป้อมประชันระหว่างป้อม St John ทางขวา และ ป้อมแยก Revelin
ที่อยู่เยื้องเบื้องซ้ายบนฝั่งที่ยังมีหอคอย St Luke เคียงคู่อยู่ไม่ห่าง หอระฆังเหง่งหง่างของ
อาราม Dominican ยืนสูงตระหง่าน กับอาคารคลังแสงเล็กทางซ้ายและใหญ่ทางขวา

[SILA]

มองจากน้ำขึ้นไปชายฝั่งแผ่นดินใหญ่

           ตรงกลางภาพที่เห็นเป็นอารามดอมินิกันซึ่งแลละม้ายป้อมปราการและหอระฆัง
ถัดลงมาด้านล่างทางขวามือคือหอ St Luke ถัดไปอีกเป็นสะพานจากประตูเมือง Ploce
ทอดไปยังป้อม Revelin ส่วนที่ขอบล่างทางซ้ายมือคืออาคารคลังแสงเล็ก   

[SILA]

             แม้อยู่ในย่านชุมชนทั้งเขตเมืองเก่าและเขตเมืองขยายขึ้นชายเขาแต่น้ำทะเล
บริเวณท่าเก่าก็ยังใส

[SILA]

          น้ำใสเซาะหาดทรายริมชายเขา ไม่ไกลจากท่า นับว่าเป็นของหายากและมีน้อย