SILA
|
ความคิดเห็นที่ 735 เมื่อ 22 พ.ย. 13, 09:42
|
|
แซฟแทตฟื้นขึ้นใหม่ในยุคกลางได้ไม่นานก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของสาธารณรัฐแรกูซา ชื่อเมืองเป็นภาษาโครเอเชียที่แปลงมาจากภาษาละติน Civitas Vetus ซึ่งแปลว่าเมืองเก่า บ่งบอกถึงต้นกำเนิดและสายสัมพันธ์กับดูบรอฟนิค
และ บ่ายวันนี้การเดินทางสู่ดูบรอฟนิคจะย้อนรอยอดีตกาลโดยทางเรือตั้งต้น จากท่าเรือในแซฟแทต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 736 เมื่อ 22 พ.ย. 13, 09:54
|
|
ทำเลที่ตั้งของแซฟแทตอยู่บนพื้นที่ลาดของคาบสมุทร Rat และ Sustjepan พื้นที่ลึกเข้าไปเป็นหุบเขาโคนาวอด - Konavle ที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งน้ำจืดของ แซฟแทตที่ในสมัยโรมันได้มีการสร้างท่อส่งน้ำ (aqueduct) ไว้เช่นกัน
ภาพจากเน็ท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 737 เมื่อ 22 พ.ย. 13, 10:00
|
|
ตลอดช่วงศตวรรษที่แล้ว แซฟแทตคือจุดหมายเพื่อการพักผ่อนตากอากาศของ เศรษฐีโครเอเชียที่ได้มาสร้างคฤหาสน์ไว้ที่นี่ ทั้งยังเป็นแหล่งศิลป์ที่เหล่าศิลปินเดินทางมา พำนักและสร้างสรรค์ผลงาน ปัจจุบันแซฟแทตเป็นเขตเทศบาลเล็กๆ อยู่ชายฝั่งทะเลใต้สุดของโครเอเชีย
ภาพจากเน็ท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 738 เมื่อ 22 พ.ย. 13, 10:05
|
|
ที่ท่าเรือ รอขึ้นเรือ(ลำขวามือ)ที่จะพาล่องขึ้นไปดูบรอฟนิค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 739 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:07
|
|
เรือแล่นออกจากท่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 740 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:09
|
|
ผ่านพ้นปลายคาบด้านซ้ายมือ แลเห็นเกาะในทะเลเอดริแอติค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 741 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:10
|
|
ทางขวามือคือชายฝั่งเชิงเขา หาดทรายเป็นสิ่งหายาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 742 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:15
|
|
ระหว่างการล่องเรือเข้าฝั่ง ขอเปิดหน้าประวัติศาสตร์ย้อนรอยอดีตกาล ผ่านการเกิด เจริญรุ่งเรือง เสื่อมลง และสงครามในดูบรอฟนิค
ตำนานสร้างเมืองเล่าว่า เริ่มจากการเป็นเกาะที่พักพิงสำหรับชาวเมืองใกล้เคียง ในช่วงศตวรรษที่ 7 แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบโบราณวัตถุกรีกเป็นจำนวนมาก ที่ท่าเรือ, โบสถ์เก่าแก่และหลักฐานบางส่วนจากกำแพงเมืองกับถนนสายหลักบ่งชี้ว่า การก่อร่างสร้างเมืองที่นี่มีมาแต่ศตวรรษที่ 6 หรือก่อนหน้านั้นที่บางข้อมูลอ้างว่ามีมาก่อน สากลศักราช (Commom Era - CE) นักวิชาการบางท่านได้ตั้งทฤษฎีว่า ดูบรอฟนิคถือกำเนิดจากนักเดินเรือชาวกรีก โดยคำนวณความเร็วของเรือที่แล่นกับระยะทางที่ต้องจอดพักค้างคืนบนที่ๆ มีน้ำจืดให้ใช้ แล้วตกที่ตำแหน่งของดูบรอฟนิคซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างถิ่นฐานที่กรีกมาตั้งรกรากในแถบนี้พอดี
ทิวเกาะ Bobara ทางด้านซ้าย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 743 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:24
|
|
ส่วนประวัติของดูบรอฟนิคที่กล่าวถึงโดยทั่วกันนั้นเขียนว่า
เริ่มก่อร่างสร้างบ้านเมืองราว 1300 ปีก่อนบนเกาะโดยผู้อพยพมาจาก Epidaurus ของกรีซ (หรือ Epidaurum ซึ่งปัจจุบันคือ Cavtat ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น) และตั้งชื่อถิ่นฐานบ้านเมือง ว่า Laus ในภาษาละตินแปลว่า หิน (Lausa - rock) ที่ต่อมาเปลี่ยนเป็น Ragusa - Rausa ในขณะที่บนฝั่งตรงเชิงเขา Srd Mountain (ออกเสียงว่า surge) พวกสลาฟก็มาตั้งถิ่นฐาน และเรียกบ้านเมืองว่า Dubrovnik จากภาษาโครเอเชีย Dubrava แปลว่า oak woods ที่ขึ้นอยู่ รอบบริเวณนั้น
ชื่อละตินว่า Ragusa นี้ใช้เรียกขานบ้านเมืองต่อเนื่องในยุคกลางจนถึงศตวรรษที่ 15 จึงใช้ ชื่อปัจจุบันโดยรับ(ข้ามช่องแคบ)มาจากฝั่งตรงข้ามที่เชิงเขา Srd ทั้งนี้มีบันทึกชื่อดูบรอฟนิคปรากฏ ครั้งแรกในเอกสารจากบอสเนียเมื่อปี 1189 และใช้ชื่อดูบรอฟนิคอย่างเป็นทางการภายหลังจาก การล่มสลายของจักรวรรดิ ออสโตร-ฮังการี
ภาพจากเน็ท - Srd Mountain ถ่ายจากเกาะใกล้ดูบรอฟนิค (Lokrum)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 744 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:39
|
|
หลังก่อร่างสร้างเมืองแล้ว และหลังจากการล่มลงของอาณาจักรของพวก Ostrogoth ที่ครอบครอง Italy แล้วเลยมาถึงดินแดนแถบนี้ช่วงปี 493 ถึง 553 (พวกนี้เป็นหนึ่งในสองสาขา ของพวก Goths ที่เป็นGermanic people ตะวันออก) จักรวรรดิไบซันทีนก็แผ่อำนาจมาถึง ดูบรอฟนิคได้เข้าอยู่ใต้อารักขาของจักรวรรดิไบซันทีนที่ได้ออกแรงช่วยเหลือในสงครามกับมุสลิม Saracens (886- 887), Bulgaro - Macedonians (988) และ Serbs (1184)
ในศตวรรษที่ 10 และ ปลายศตวรรษ 11 ช่องแคบระหว่างเกาะและแผ่นดินใหญ่ได้ถูกถมลง รวมเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน(ปัจจุบันคือถนน Placa หรือ Stradun ในเขตเมืองเก่า) จากนั้นในศตวรรษ ที่ 12 ประชากรสายละตินบนเกาะและโครแอทบนฝั่งก็ได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างผสมกลมกลืนจนเป็น โครแอทไปในที่สุดเมื่อศตวรรษที่ 14 หลังจากที่ชาวเกาะและชาวบกรวมกันในศตวรรษที่ 11 ได้ไม่นานนักชาวเมืองก็ได้สร้างกำแพง เพื่อปกป้องการรุกรานจากนานาศัตรู ได้แก่ อาหรับ, เวนิส, มาซีโดเนีย, เซิร์บ เป็นต้น จนทั้งเมืองถูก โอบด้วยกำแพงในศตวรรษที่ 13
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 745 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:44
|
|
จากศตวรรษที่ 12 ดูบรอฟนิคได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญทรงอำนาจในย่าน เมดิเตอเรเนียน ต่อมาในช่วงหลังสงครามครูเสดครั้งที่สี่ระหว่างปี 1205 - 1358 นักรบที่กลับจาก สงครามได้ใช้หนี้ค่าเดินทางให้กับเวนิสโดยการบุกยึดครองแดลเมเชียรวมทั้งดูบรอฟนิคด้วย ดูบรอฟนิคตกเป็นของเวนิสนานถึง 150 ปี ในช่วงปี 1205 จนถึง 1358 (ระหว่างนี้ ในปี 1296 ได้เกิดอัคคีภัยเผาไหม้เมืองเกือบทั้งหมดจนต้องสร้างบ้านแปลงเมืองขึ้นใหม่) ดูบรอฟนิคจึงหลุดพ้นจากเวนิส เป็นสาธารณรัฐอิสระที่เป็นคู่แข่งทางการค้าทางทะเลกับเวนิส มีกองเรือค้าขายไปไกลถึง Egypt, Syria, Sicily, Spain, France และ Turkey
หลังสนธิสัญญาสันติภาพที่ซาดาร์ในปี 1358 ดูบรอฟนิคก็ผลัดร่มเงาเข้าสู่ใต้อำนาจ ของราชอาณาจักร ฮังการี-โครเอเชีย โดยได้รับสิทธิในการปกครองตนเองแต่ต้องส่งบรรณาการ ถวายแด่กษัตริย์และส่งกองทัพช่วยรบ ศตวรรษต่อมาดูบรอฟนิคได้ปกครองตนเองเป็น Independent Republic of Ragusa
ภาพ Medieval Dubrovnik
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 746 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:51
|
|
ดูบรอฟนิคได้เป็นพันธมิตรกับ Ancona (เมืองท่าชายฝั่งเอดริแอติคอยู่ตอนกลาง ของอิตาลี) ซึ่งเป็นคู่แข่งกับเวนิสอยู่นานหลายศตวรรษ ทั้งสองร่วมกันดำเนินการค้าผ่าน เส้นทางเลือกสายต่างจากของเวนิส ช่วงเวลาศตวรรษที่ 15 และ 16 นี้เองที่ดูบรอฟนิคเจริญรุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดในฐานะ ซึ่งเป็น Dubrovnik Republic อย่างสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 16 ดูบรอฟนิคมีเจ้าเมืองที่ เลือกตั้งกันเอง, มีการตรากฎหมาย, แต่งตั้งกงสุลต่างแดน ตลอดจนมีระบบเงินตราและธงเมือง ภายใต้แรงกดดันจากการแผ่ขยายอำนาจของเตอร์คในปี 1526 รัฐเล็กๆ ที่ไม่มีกองทัพ อย่างดูบรอฟนิคต้องอาศัยกโลบายเพื่อรักษาตัวรอด โดยจำยอมอยู่ใต้ความคุ้มครองและส่ง บรรณาการถวายสุลต่านเตอร์คซึ่งมีผลตอบแทนกลับคืนเป็นสิทธิในการค้าขายเสรีในจักรวรรดิ ของเตอร์คโดยต้องเสียภาษีสินค้าในอัตราเพียง 2 % ช่วงยุคทองสองศตวรรษที่ 15 และ 16 ดูบรอฟนิคเป็นฐานการกระจายแร่เงินและตะกั่ว จากเหมืองในบอสเนียและเซอร์เบียสู่ยุโรป โดยดูบรอฟนิคใช้สินค้าสำคัญของเมืองคือเกลือ (ที่ได้ผ่านตาไปแล้วระหว่างทางที่สตอน) สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนกับแร่ทั้งสองนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 747 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 09:57
|
|
ตอนกลางศตวรรษที่ 16 ดูบรอฟนิคมีเรือสินค้าขนาดใหญ่ 180 ลำล่องไปไกล ใน Mediterranean, Black Sea, England North sea จนถึง India และ America มีกงสุลใน 80 เมือง ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดกองเรืออันเกรียงไกรของดูบรอฟนิคนั้น ขึ้นชั้นเทียบได้กับเวนิส แต่ในศตวรรษถัดมาเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1667 ส่งผลให้อาคารบ้านเรือน พังทลายลงราบแทบทั้งเมือง ประกอบกับวิกฤตทางเดินเรือในแถบเมดิเตอเรเนียน จากการเปิด เส้นทางการค้าสายใหม่ไปแถบตะวันออกและการค้นพบทวีปอเมริกา ดูบรอฟนิคที่รุ่งเรืองสูงสุด ก็ต้องพบกับความตกต่ำในที่สุด ฝ่ายบริหารปกครองได้พยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะฟื้นฟูบ้านเมืองแต่ก็ไม่อาจหวน คืนอดีตอันรุ่งโรจน์
จากวิกฤตการเดินเรือในทะเลเมดิเตอเรเนียนและแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงในปี 1667 (ที่จะถูกกล่าวถึงต่อๆ ไปอีกหลายๆ ครั้ง) ดูบรอฟนิคก็เริ่มเข้าสู่ยุคเสื่อม ในปี 1699 ดูบรอฟนิคขาย ดินแดนบางส่วนให้กับออตโตมาน(ที่ปัจจุบันนี้คือ เนม ของบอสเนียซึ่งได้ผ่านตาไปแล้ว) เพื่อเป็นกันชน การคุกคามของเวนิส
Dubrovnik Earthquake 1667
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 748 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 10:10
|
|
ถึงปี 1806 นโปเลียนบุกอิตาลีแล้วเลยมาถึงที่นี่ ดูบรอฟนิคยอมเปิดเมืองให้ทัพ ของนโปเลียนเข้าเมืองเพื่อจะได้ช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากการถูกปิดล้อมด้วยกองทัพเรือ ของรัสเซีย-มอนเตเนโกรมานานแรมเดือน จากนี้ดูบรอฟนิคก็กลายเป็นดินแดนในการปกครอง ของอาณาจักรอิตาลีแห่งนโปเลียน ต่อมาในปี 1814 - 1815 ก็ถึงคราวตกมาอยู่ใต้จักรวรรดิแฮบสบวร์ก ซึ่งเข้ามาจัดการ ปฏิรูประบบบริหารและการเมือง ในขณะเดียวกันก็ได้เกิดการเคลื่อนไหวในเรื่องเชื้อชาตินิยมขึ้นในเมือง แต่ความพยายามในการฟื้นคืนระบบสาธารณรัฐล้มเหลว จักรวรรดิออสเตรียใช้วิธีปกครอง โดยการแบ่งแยก และให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี Mayor
Dubrovnik 1870
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 749 เมื่อ 28 พ.ย. 13, 10:13
|
|
ถึงปี 1918 หลังจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลาย ดูบรอฟนิคก็กลายเป็น ส่วนหนึ่งของอาณาจักรยูโกสลาเวียซึ่งมี Serbs, Croats และ Slovenes ในปี 1929 อาณาจักรยูโกสลาเวียแบ่งออกเป็น 8 เขตโดยมีดูบรอฟนิคเป็นหนึ่ง ในแปดเขตนั้น ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ดูบรอฟนิคกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครเอเชียซึ่งเป็นรัฐหุ่นเชิด ของนาซีที่เริ่มจากกองทัพอิตาลีช่วงปี 1941 - 1943 แล้วตามมาด้วยเยอรมันในปี 1943 เมื่อกองกำลังกู้ชาติของนายพลตีโต้มาถึง และได้ทำการปลดปล่อยดูบรอฟนิคจากเยอรมัน ในเดือนตุลาคม 1944 ดูบรอฟนิคก็เป็นส่วนหนึ่งของคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวีย Federative People's Republic of Yugoslavia ที่ได้เปลี่ยนเป็น Socialist Federal Republic of Yugoslavia ใน ปี 1963 ประกอบด้วย 6 สาธารณรัฐซึ่งต่อมาแต่ละสาธารณรัฐได้แยกตัวเป็นอิสระโดยดูบรอฟนิค อยู่กับ Republic of Croatia ประชาชนคนชั้นนำชาวโครแอทหลายคนถูกประหารในช่วงที่คอมมิวนสต์ครองเมือง
Dubrovnik 1940
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|