เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 42 43 [44] 45 46 ... 85
  พิมพ์  
อ่าน: 130399 sLOVEnia Croatia Album
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 645  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:07

           เมื่ออดีตกาลสมัยจักรวรรดิโรมัน ผู้คนจากฝั่งบนบกจะเข้าสู่วังทางประตูทอง
ที่โอ่อ่า ผ่านบริเวณที่พักรอการตรวจตราก่อนเข้าเมืองด้านใน ริมถนนจากประตูทิศเหนือ
รายด้วยเสากลม(colonnade) รูปสลักประดับและเหล่าทหาร ค่ายที่พักทหารและ
โรงพัสดุอยู่ทางด้านเหนือนี้และถูกแทนที่ด้วยอาคารหลังเล็กๆ ปนเปเหมือนกับทางด้านใต้
ในเวลาต่อมา
            ประตูทองนี้จะนำพาผู้มาเยือนไปตามถนนทอดในแนวเหนือ-ใต้ที่เรียกว่า Cardo
สู่ลาน (peristyle) ขนาบด้วยสุสานทางซ้ายและวิหารบูชาเทพทางขวากับอาคารโถงรอ
(vestibule) เบื้องหน้า(ที่ได้เดินชมกันไปแล้ว) ปัจจุบันเรียกถนนสายนี้ว่า Dioklecijanova
(Diocletian’s Street)


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 646  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:13

            ในช่วงศตวรรษที่ 16 - 17 เมื่อออตโตมานคุกคามมาถึงแถบนี้ เวนิสได้สร้าง
สิ่งกีดขวางรูปดาวรอบวัง ที่ต่อมาได้ถูกรื้อถอนออกทำให้ได้พื้นที่สำหรับสวนในบริเวณ
ด้านนอกประตูทิศเหนือนี้ที่ปัจจุบันมี

             หอคอยซึ่งเป็นอาคารส่วนที่ยังเหลืออยู่ของอาราม Benedictine Monastery
และ         
             รูปปั้นยืนตระหง่านด้านนอกประตูคือ บิชอปแห่งนิน Gregory of Nin
(Grgur Ninski) แห่งศตวรรษที่ 10 ผลงานโดยประติมากรเอก Ivan Mestrovic
ในปี 1929


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 647  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:16

          ท่านเป็นผู้มีคุณูปการต่อชาติอย่างมากจากการที่ท่านอาจหาญยืนกรานกับ
โป๊ปและทางการคริสตจักรที่จะนำภาษาของชาติมาใช้ในพิธีการทางศาสนาแทน
ภาษาละติน ทำให้ชาวโครแอทได้สวดมนต์ด้วยภาษาประจำชาติของตน (ในขณะที่
ประเทศอื่นๆ สวดเป็นภาษาละติน) ส่งผลสำคัญสืบเนื่องต่อมาให้ศาสนา,ภาษาและ
วัฒนธรรมของชาติเข้มแข็งคงอยู่มาจนทุกวันนี้ไม่แปรไปในยามที่ชาติอื่นๆ เรียงกัน
เข้ามาครอบครอง
          ในวาระครบรอบ 1,000 ปีแห่งชัยชนะของท่านในครั้งนั้น ทางการจึงได้
จัดสร้างอนุสาวรีย์ของท่านและจัดตั้งไว้ที่ลาน peristyle แต่ถูกย้ายออกมาโดยพวก
อิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นิ้วเท้าของท่านเป็นเงามันเพราะความเชื่อว่าถ้าใคร
ได้ลูบแล้วจะมีโชคดี        


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 648  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:19

           ยกเว้นประตูทะเลแล้ว ประตูบกของกำแพงแต่ละด้านจะมีหอคอยขนาบคุ้มกัน
ปัจจุบันหอคอยเหล่านี้หายไปไม่เหลือ ด้วยอาจถูกรื้อออกแล้วแปรสภาพไปเป็นวัสดุ
สำหรับอาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างขึ้นหลังจากไดอะคลีชั่นสวรรคต

                     ประตูเงิน (The Silver Gate) ด้านตะวันออก
ใกล้กับอาสนวิหาร


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 649  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:24

           ออกแบบคล้าย(แต่ตกแต่งประดับน้อยกว่า)ประตูเหนือ มีโค้งประดับคาน
คล้ายกัน อีกทั้งยังมีช่องเว้าสำหรับวางรูปปั้นและชั้นบนสุดเป็นโค้งเรียงติดต่อกัน(อาร์เคด)
          บนประตูยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์ขนาดเล็กในศตวรรษที่ 6 อุทิศแด่นักบุญผู้พิทักษ์
Saint Apollinaire ผู้เป็นที่เคารพบูชาโดยทั่วไปในแถบเมดิเตอเรเนียน เชื่อกันว่าท่าน
มีอำนาจปกปักป้องกันเมืองจากการรุกรานทางด้านตะวันออก
          สองข้างของประตูเป็นห้องนายทวารที่ผนังถูกเจาะเป็นหน้าต่าง นอกจากนี้ยังมี
Propugnaculum พื้นที่กับดักคนไว้ในเขตระหว่างประตูด้านนอกและในเช่นเดียวกับประตูทอง


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 650  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:31

           ในยุคจักรวรรดิโรมันประตูนี้เคยใช้เป็นที่ตั้งต้นสำหรับถนนรายด้วยเสา
(colonnade) ทอดยาวจากทิศตะวันออกสู่ตะวันตก (decumanus) ที่ใช้เป็น
ทางเดินโรมันที่ทหารและรถม้าแล่นผ่าน และแบ่งวังเป็นสองส่วน กล่าวคือ
ส่วนวังจักรพรรดิทางใต้และส่วนถวายงานบริการรับใช้ทางเหนือ
           ช่วงยุคกลางประตูเงินได้ถูกก่อกำแพงปิดเพื่อความปลอดภัยจากการรุกราน
โดยพวกเตอร์ค จนเมื่อพ้นภัยคุกคามแล้วจึงได้มีการเจาะประตูเล็กที่ด้านข้าง และ
ได้ถูกเปิดออกใหม่ในปี1932 - 1934


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 651  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:34

             ประตูได้รับความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแล้วได้รับการบูรณะ
ในปี 1952 ส่วนที่เป็นหอรูปแปดเหลี่ยมเคียงประตูยังคงพอหลงเหลืออยู่ให้มโนถึง
ความโอ่อ่าอลังการ ในขณะที่หอรูปสี่เหลี่ยมตรงมุมเหนือ/ตะวันออกได้ถูกใช้เป็นที่
อยู่อาศัยในศตวรรษที่ 18 ส่วนหอมุมใต้/ตะวันออกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มีสี่ชั้นมากกว่า
หอทางเหนือหนึ่งชั้น


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 652  เมื่อ 22 ต.ค. 13, 10:38

         ภายในกำแพงด้านทิศตะวันออกหลังจากไดอะคลีชั่นสวรรคต ที่นี่เป็นที่อาศัย
ของชาวโรมันชั้นสูงและต่อมาได้แปรเป็นโรงงานเสื้อผ้าผลิตเครื่องแบบสำหรับกองทัพ
โรมัน
          ปัจจุบันเมื่อมองย้อนไปทางประตูเงิน บริเวณแถบนี้เป็นย่านที่พักอาศัย, ร้านรวง
และมีโรงแรมตั้งอยู่ทางขวามือ      

          บันทึกเหุตการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นผ่านประตูนี้คือเมื่อครั้งที่ Pope John Paul II
เสด็จเยือนสปลิทในปี 2000 รถนำเสด็จของท่านได้แล่นผ่านประตูนี้ไปตามถนน
decumanus เฉกเช่นที่องค์จักรพรรดิเคยทรงราชรถแล่นบนถนนนี้เมื่อ 1700 ปีก่อน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 653  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:01

                  ประตูเหล็ก (The Iron Gate) ทางด้านตะวันตก

           เป็นประตูที่มีความสำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 16 เมื่อบริเวณนี้เป็นที่ตั้ง
ของชุมชนยุคกลางและยุคเวนิสซึ่งขยับขยายออกมานอกวัง ประตูนี้จึงกลายเป็น
ประตูหลักสำหรับการเข้าออกวัง
    
            


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 654  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:06

           ทั้งประตูตะวันตกและประตูตะวันออกมีรูปร่างสี่เหลี่ยมเติมโค้งตอนบนแล้ว
ยังเพิ่มชั้นดาดฟ้า (gallery) ประตูมีสองชั้นเป็นกับดัก (Propugnaculum)
เช่นเดียวกับประตูเงินและทอง เหนือประตูชั้นนอกมียามเฝ้าระวังอยู่ข้างบน 
         
           ในสมัยยุคกลางประตูนี้จัดว่าเป็น "ประตูเปิด" ที่ผู้ต้อง(การ)หา(ความยุติธรรม)
หรือผู้อพยพหาที่หลบพักจะใช้ประตูนี้เพื่อเข้าเมือง แต่จะต้องผ่านห้องพิจารณาที่ตั้ง
อยู่ระหว่างประตูชั้นนอกและชั้นใน           


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 655  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:09

           ส่วนบนของประตูด้านในเป็นที่ตั้งของโบสถ์สไตล์โรมาเนสค์เรียบง่ายที่เก่าแก่
แต่ศตวรรษที่ 5 - 6 อุทิศแด่ Saint Theodor ท่านเป็นหนึ่งในมรณสักขีที่ถูกสังหาร
ในยุคสมัยจักรพรรดิไดอะคลีชั่น
            หอโบสถ์นี้มีสองชั้นแต่มีหน้าต่างสามระดับ ต่อมาเมื่อประมาณพันปีก่อนได้มี
การขยายโบสถ์โดยสร้างหอสไตล์โรมาเนสค์  Gospa Zvonik (our Lady of the
Bell Tower) เติมยอดหอระฆังและติดตั้งนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ได้เห็นไปแล้วเมื่อตอน
ไปเดินที่จตุรัสประชาชน


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 656  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:11

            ประตูทิศตะวันตกนี้กับประตูชายฝั่งทะเลไม่ได้ถูกปิดลงในยุคกลาง หอมุม
รูปทรงสี่เหลี่ยมทางด้านเหนือ/ตะวันตกยังคงอยู่ ส่วนหอทางใต้/ตะวันตกได้ถูกรื้อลง
เนื่องจากถูกน้ำทะเลซัดเซาะ      


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 657  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:15

ออกจากวังแล้วเดินไปตามริว่าเลียบชายทะเลมุ่งทิศตะวันตกสู่

           Trg Republike (Republic Square) ลานกว้างโอบสามด้านด้วย
อาคารที่เรียกว่า Prokurative (หมายถึง  portico - ระเบียงทางเข้าอาคาร
มักประกอบด้วยหลังคาและเสาค้ำ)


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 658  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:18

            สถาปนิกจากเวนิสออกแบบให้แลละม้ายคล้ายจตุรัสเซนต์ มาร์คที่เวนิส บนพื้นที่
เดิมเป็นบริเวณสิ่งกีดขวางรูปดาวสมัยเวนิสซึ่งได้ถูกรื้อออกไปแล้วปรับปลูกเป็นสวน ตามแนว
คิดริเริ่มโดยนายกเทศมนตรี Antonio Bajamonti (นายแพทย์พ่อเมืองสปลิท 20 ปี)
ภายใต้การกำกับดูแลของนายพลมาร์กมงต์ (Marmont) แห่งกองทัพนโปเลียน
            ลานกว้างโอบสามด้านด้วยอาคารรูปแบบ neo Renaissance สีแดงสด
อาคารปีกด้านตะวันออกสร้างแล้วเสร็จในปี 1928 เป็นที่ตั้งสำนักงาน ส่วนปีกตะวันตก
ซึ่งสร้างเสร็จก่อนเป็นโรงแรม โรงละครขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นแต่ถูกไฟไหม้ในเวลา
ต่อมา ด้านชายฝั่งเปิดโล่งรับลมชมทะเล

อาคารด้านซ้ายมือเหนือโถงอาร์เคดเป็นหน้าต่างประดับรูปสลักสิงห์เวนิสที่ด้านบน


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 659  เมื่อ 24 ต.ค. 13, 10:21

           ในขณะที่อาคารด้านขวาไม่ปรากฏรูปสลักใดๆ เล่ากันว่าสาเหตุมาจาก
ความคิดถึงบ้านขนาดหนักของสถาปนิกจนถึงกับทิ้งงานกลับเวนิส


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 42 43 [44] 45 46 ... 85
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 19 คำสั่ง