SILA
|
ความคิดเห็นที่ 270 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 09:56
|
|
เสียงตามในคลิป ครับ ก้องๆ ให้ความรู้สึกวังเวงโดยเฉพาะตอนคลื่นซัดเบาๆ ให้เสียงเบาๆ วันที่ไปอากาศเย็นสบาย แดดไม่แรง ผู้คนทั้งมาคู่ มาครอบครัว มานั่งเล่น นั่งฟัง นั่งมองทะเล เดินไปมากันขวักไขว่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 271 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:02
|
|
และ ทัศนียภาพยามย่ำสนธยาที่นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งชาวซาดาร์แสนจะภูมิใจ เมื่อผู้กำกับหนัง(เขย่าขวัญ)ระดับบรมครูอย่าง Alfred Hitchcock ได้เคยกล่าวชื่นชมไว้ ในเดือนพฤษภาคม ปี 1964 เมื่อเขามาเยือนซาดาร์ว่า อาทิตย์อัสดงที่นี่งามที่สุดในโลก
ประกาศรับรองความงามยามเย็นติดตั้งอยู่ที่ทางเข้า
Zadar has the most beautiful sunset in the world, more beautiful than the one in Key West, in Florida, applauded at every evening.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 272 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:05
|
|
น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่จนตะวันตกทะเลเพื่อพิสูจน์คำกล่าวของฮิทช์คอค ต้องอาศัยชื่นชมความงามทางเน็ท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 273 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:08
|
|
Sun(set) Salutation
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 274 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:10
|
|
จากเขตริมฝั่งน้ำสัมผัสบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวร่วมสมัยจากนี้ไปต่อกันที่ เขตเมืองเก่าซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกัน ตามที่ได้กล่าวแล้วว่าเมืองซาดาร์มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆ ปี ผ่านยุคสมัยต่างๆ
(ภาพจากเน็ท)จากซ้ายไปขวา กำแพงส่วนที่เหลือจากสมัยโรมัน, Antiquity และยุคกลาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 275 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:10
|
|
ต่อมอิจฉาคุณ SILA เริ่มทำงานหนักขึ้นทุกที ต้องรีบไปหายาลดอิจฉามากิน พร้อมกับสะสมค่าตั๋วเครื่องบินให้ทันปีหน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 276 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:21
|
|
ตอนนี้ไปสะดวกขึ้นเพราะโครเอเชียเข้าอียูแล้ว มีคนแนะนำว่าให้รีบไปเพราะช่วงนี้ที่ผู้คน ไปเที่ยวโครเอเชียกันมากขึ้นเริ่มเกิดปัญหานักท่องเที่ยวแออัดและค่าใช้จ่ายสูงเกินไปใน เมืองเป้าหมายหลักอย่าง Dubrovnik ครับ
ตัวเมืองได้รับรูปแบบโครงสร้างอย่างโรมัน จากนั้นก็ผ่านยุคกลาง และเรเนซองแบบเวนิส ที่ได้ข้ามทะเลมาครอบครอง
(ภาพจากเน็ท) ซากโบราณที่เหลือจากสมัยโรมันและยุคกลาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 277 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:49
|
|
โบราณสถานย่านเมืองเก่าที่น่าสนใจที่ได้แวะเยี่ยมชมเท่าที่เวลาอำนวย แห่งแรกเป็นโบสถ์ที่ได้แวะเข้าชมก่อนไปบริเวณชายฝั่ง คือ
St Francis's Church & Franciscan Monastery
สร้างขึ้นในปี 1221 แล้วได้รับการสถาปนาในปี 1282 เป็นโบสถ์กอธิคที่เก่าแก่ ที่สุดในแดลเมเชีย ที่นี่คือสถานที่ๆ ทางการเวนิสได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพยกมอบซาดาร์ ให้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพระเจ้าลุดวิกที่หนึ่ง กษัตริย์แห่ง โครเอเชีย-ฮังการี เมื่อปี 1358
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 278 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:52
|
|
ทางเดินรอบลานสไตล์เรเนซองสวยงาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 279 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 10:59
|
|
บริเวณหน้าโบสถ์ ประตูเล็กด้านขวามือคือทางเข้าลานในรูป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 280 เมื่อ 08 ส.ค. 13, 12:10
|
|
นักบุญ Saint Francis of Assisi หรือ Francesco (1181/1182 – 1226) เป็นชาวอิตาเลียน ลูกชายพ่อค้าผ้าผู้มั่งคั่งใชัชีวิตอย่างหรูหรา หลังจากสงครามอันโหดร้าย และอาการป่วยหนัก ท่านได้ยินนิมิตจากพระเยซู ต่อมาท่านก็สละละทรัพย์สมบัติทางโลก หันมาใช้ชีวิตอย่างคนยากจน ให้ความเมตตาแก่ผู้ยากไร้ ปฏิบัติต่อเสมือนเป็นพี่น้อง ท่านออก เทศนาสอนชาวบ้านตามท้องถนน และได้ตั้งคณะ Third Order of Saint Francis, Order of Friars Minor และ Order of St. Clare นอกจากนี้ท่านยังเป็นบุคคลคนแรกที่มีบันทึกไว้ว่า ได้รับบาดแผลศักดิ์สิทธิ์ (stigmata) จากทุกขกิริยาของพระเยซู (Passion of Christ) ปรากฏเป็นรอยแผลที่มือ,เท้าและร่างกาย
ได้เคยดูหนังสร้างจากประวัติชีวิตของท่านเรื่อง Brother Sun, Sister Moon (1972)
ภาพวาดฝีมือศิลปินเอกอิตาเลียน Carravagio- Caravaggio's St. Francis in Ecstasy แสดงภาพตอนท่านได้รับ stigmata
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 281 เมื่อ 09 ส.ค. 13, 10:27
|
|
คุณไกด์สาวพาเดินชมกลุ่มอาคารโบราณสถานซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันสามารถ เดินชมได้โดยสะดวก
อาณาบริเวณลานกว้างร้างอาคารเหลือแต่รากฐานและซากเสาหินหน้าโบสถ์ ของ St. Donatus และวังของท่านบิชอปในปัจจุบัน นี้คือ โรมัน ฟอรัม ณ ซาดาร์ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนค.ศ.และในศตวรรษที่ 3 โดยเริ่มในสมัยจักรพรรดิ์ Emperor Augustus (63 ปีก่อนค.ศ. — ค.ศ. 14) จากหลักฐานพระนามที่สลักบนบ่อน้ำของฟอรัม
ภาพมุมสูงจากเน็ท(มุมขวาล่างของภาพคือหลังคาของโบสถ์ของเซนต์ โดเนทัส)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 282 เมื่อ 09 ส.ค. 13, 10:35
|
|
ผังเมืองตามแบบโรมันนั้นจะมีการสร้างถนนเส้นตรงขนานตัดขวางกันเป็นมุมฉาก แบบตารางหมากรุกทำให้เกิดพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบด้วยถนนเป็นที่อยู่อาศัยและที่สาธารณะ พื้นที่สี่เหลี่ยมติดกับถนนสายหลักของเมืองนั้นจะกลายเป็นลาน "จตุรัส" หลักของเมือง ซึ่งชาวโรมันเรียกว่า ฟอรัม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 283 เมื่อ 09 ส.ค. 13, 10:39
|
|
ที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปมาจับจ่ายซื้อขายหรือนัดพบปะสนทนาสมาคม ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่ตั้งของสภาหรือศาลากลางและวิหาร ฟอรัมจึงเป็นศูนย์กลางแห่งธุรกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ศาสนา(ความเชื่อ) ของเมืองแบบโรมัน
ลานประชาคมที่นี่มีเนื้อที่กว้างยาว 45 x 90 ม. เดิมล้อมรอบด้วยอาคารมีหลังคารองรับ ด้วยเสาหิน Portico, พื้นที่ค้าขาย, วิหารบูชา ช่วงศตวรรษที่ 4 เมื่อมีการนับถือศาสนาคริสต์จึงมี การสร้างเสริมปรับเติมอาคารเดิมเป็นกลุ่มอาคารทางศาสนา โดยในช่วงปลายสมัย antiquity ก่อนจักรวรรดิโรมันล่มสลาย ได้มีการวางฐานอาคารของศาสนาคริสต์ซึ่งต่อมาได้มีการก่อสร้าง กลุ่มอาคารของท่านบิชอปประกอบด้วยโบสถ์และอาคารเสริม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 284 เมื่อ 09 ส.ค. 13, 10:44
|
|
ในยุคกลางตอนต้นมีการสร้างหอกลมขึ้นแทนอาคารเก่า แต่ในที่สุดแล้วกลุ่มอาคารนี้ ก็ถูกรื้อลงเป็นซากแล้วมีการสร้างจตุรัสแบบยุคกลางขึ้นมาแทนที่ ในยุคนี้ยังมีการสร้างโบสถ์ของ St. Elias ขึ้นบนบริเวณที่เป็นวิหารบูชาเดิมที่ต่อมา ในตอนปลายศตวรรษที่ 18 โบสถ์หลังนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นโบสถ์สำหรับนิกายออร์ธอด็อกซ์ของ เซอร์เบีย และตัวโบสถ์ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบบาร็อคพร้อมกับการสร้างหอคอยขึ้นทางทิศตะวันออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|