SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1215 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:33
|
|
อารามมีขนาดใหญ่ระดับหนึ่งในอาคารกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในแถบชายฝั่งทะเลเอดริแอติค ตะวันออก รูปแบบอาคารเรียบง่าย เมื่อแรกสร้างส่วนของอารามนั้นเป็นส่วนของกำแพงเมืองทำให้ ภูมิสถาปัตยกรรมของอารามดูไม่ค่อยโดนใจ ในที่สุดจึงได้มีการสร้างกำแพงโอบล้อมอาราม ผนังกำแพงสูงของอารามปราศจากการตกแต่ง ทางเข้าเป็นแบบโรมาเนสค์ที่ถูกเสริมเติม ด้วยบันไดครึ่งวงกลมโดย Bonino แห่ง Milan และแต่งเติมทางเข้านี้ด้วยโค้งกอธิคยอดแหลม งดงามในปี 1419 ในขณะที่บันไดสูงสง่างามโอบกำแพงหินสี่เหลี่ยมนี้ช่วยแก้ปัญหาเนื่องจากที่ตั้ง ของโบสถ์อยู่บนเนินสูงกว่าถนน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1216 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:34
|
|
เหนือประตูใต้โค้งครึ่งพระจันทร์เป็นรูปปั้นสลักท่านนักบุญดอมินิก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1217 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:36
|
|
อีกด้าน(ข้าง) ก็แก้ปัญหาเดียวกันนี้ด้วยบันไดไต่ระดับสูง พร้อมราวบันไดแบบกอธิค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1218 เมื่อ 18 เม.ย. 14, 09:42
|
|
ช่องว่างระหว่างตับลูกกรงถูกต่อเติมช่วงล่างเพื่อปิดบังสายตาผู้คนด้านล่างที่อาจจะจ้อง, มอง ขึ้นมาดู, มาเห็นข้อเท้าของผู้หญิงที่เดินขึ้นลง ในสมัยก่อนนั้น(หาในกูเกิ้ลแล้วข้อมูล,ความเห็นที่ปรากฏ ไม่กี่แห่ง มุ่งไปที่ยุคสมัยวิคทอเรีย) แค่ข้อเท้าของหญิงสาวก็ถือว่าเป็นสิ่งยั่วยวนใจชายหนุ่มให้ปั่นป่วนได้ เมื่อขึ้นไปถึงส่วนบนจะพบโบสถ์ St Sebastian ทางขวามือก่อนถึงทางเข้าในส่วนลึกเข้าไปข้างใน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1219 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 09:55
|
|
ระเบียงทางเดินรอบลานด้านในอารามสร้างขึ้นในช่วงปี 1456 และ 1483 ผลงานสร้าง ของช่างท้องถิ่นตามแบบร่างโดยสถาปนิกจากฟลอเรนซ์ - Massa(Maso) di Bartolomeo ช่องเปิดใต้โค้งเป็นแบบ trifora ลวดลายหัวเสาสลักเหมือนๆ กัน ไม่หลากหลายรูปแบบ เช่นที่อารามฟรานซิสกัน ระเบียงสไตล์กอธิค - เรเนซองนี้งดงามเป็นพิเศษท่ามกลางความเงียบสงบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1220 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 09:57
|
|
บ่อน้ำกลางลานพร้อมซุ้มหรูสำหรับติดตั้งรอกชักตักน้ำ ช่วงเวลาที่กองทัพนโปเลียนยึดเมือง อารามถูกใช้เป็นที่พักของทหารและส่วนระเบียง เป็นคอกม้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1221 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 09:58
|
|
โถงใหญ่ภายในจุผู้มีศรัทธาได้มากมายสมกับที่เป็นหนึ่งในอาคารกอธิคที่ใหญ่ที่สุด ในชายฝั่งเอดริแอติคตะวันออก มุขโค้งด้านสกัด(Apse มุขครึ่งวงกลมหรือหลายเหลี่ยมตั้งอยู่ ทางด้านตะวันออกสุดของสิ่งก่อสร้างที่ภายในเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาเอก) เป็นรูปห้าเหลี่ยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1222 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 09:59
|
|
แยกจากบริเวณส่วนกลงด้วยช่องเปิดยอดโค้งปลายแหลมแบบกอธิคสามช่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1223 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 10:00
|
|
แท่นข้างยื่นออกจากผนังแทนที่จะฝังอยู่ในช่องเว้า หรืออยู่ในโบสถ์น้อย แท่นเทศน์เคียง ข้างด้วยลำโพงขยายเสียง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1224 เมื่อ 21 เม.ย. 14, 10:02
|
|
กางเขนหลักกั้นแบ่งเขตศักดิ์สิทธิ์และแถวที่นั่ง ภาพตรึงกางเขนจากศตวรรษที่ 14 นี้ เป็นผลงานที่ได้รับอิทธิพลจากแนวไบซันทีนโดยศิลปินเอกจากเวนิส Paolo Veneziano สร้าง ขึ้นหลังจากเหตุการณ์กาฬโรคระบาดเมื่อปี 1394
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1225 เมื่อ 22 เม.ย. 14, 10:13
|
|
อีกงานวาดชิ้นสำคัญของอารามแห่งนี้คือ ภาพบูชา St Magdalene ผลงานของ จิตรกรเอก Titian ในปี 1550 (ผลงานสำคัญของ Titian ที่เพิ่งได้ชมผ่านตาไปคือรูป พระแม่มารียกขึ้นสวรรค์ในอาสนวิหาร)
งานบูรณะรักษาภาพเริ่มขึ้นในปี 2001 หลังจากการค้นคว้าและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนหน้านั้นได้เคยมีการบูรณะภาพนี้โดยสมบูรณ์มาแล้วเมื่อกว่า 150 ปีที่เวนิส
บุคคลในภาพประกอบด้วยท่านนักบุญ Blaise, นักบุญมารีย์ชาวมักดาลา, ประมุข ทูตสวรรค์(Archangel) Raphael ผู้ลงมาโลกมนุษย์แล้วได้เป็นเพื่อนกับ Tobias ท่านทูต บอก Tobias ให้จับปลาแล้วนำถุงน้ำดีมาให้ท่านใช้รักษาอาการตาบอดของบิดา ส่วนชาย ผู้คุกเข่าคือผู้มีจิตศรัทธาบริจาค
รูปก่อนการบูรณะหลังจากลบส่วนที่วาดตกแต่งเติมออกไป(removal of retouching and overpaint)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1226 เมื่อ 22 เม.ย. 14, 10:17
|
|
วิกกี้บันทึกว่า มารีย์ชาวมักดาลา หนึ่งในผู้ติดตามพระเยซูที่ได้รับการสรรเสริญสูงสุดคนหนึ่ง เป็นสาวก สตรีคนสำคัญที่สุดในการเคลื่อนไหวของพระเยซู ท่านโดดเด่นขึ้นมาในช่วงวันสุดท้ายของพระเยซู ด้วยการเป็นพยานในการตรึงกางเขนพระเยซู จนถึงการอัญเชิญพระศพลงจากกางเขนและนำไปไว้ ในที่บรรจุศพ ท่านเป็นบุคคลแรกที่เห็นพระเยซูหลังพระองค์ฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ท่านได้รับการยกให้เป็นอัครทูตแห่งอัครทูตทั้งปวง Apostle of the Apostles เนื่องจาก บทบาทของท่านในตอนที่พระไครสต์ฟื้นคืนพระชนม์ชีพ คณะดอมินิกันนับถือเจริญรอยตามศรัทธา อันแรงกล้าของท่านในการประกาศข่าวดีหรือข่าวประเสริฐ* และยกย่องให้ท่านเป็นนักบุญอุปถัมภ์แห่งคณะ
*การประกาศข่าวดี(แคธอลิก) หรือการประกาศข่าวประเสริฐ(โปรเตสแตนต์) (evangelism) คือการเผยแพร่พระวรสารหรือประกาศข่าวดีตามความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ผู้มารับสภาพมนุษย์และถูกตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ เพื่อไถ่มนุษย์ผู้เชื่อจากบาป หลังจากนั้น 3 วัน ก็ทรงคืนพระชนม์แล้วเสด็จขึ้นสวรรค์ คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าผู้เชื่อข่าวดีนี้จะถูกไถ่จากบาปทันทีและ ได้ขึ้นสวรรค์หลังจากเสียชีวิต จนถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายก็จะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้า
รูปหลังการบูรณะครั้งล่าสุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1227 เมื่อ 22 เม.ย. 14, 10:20
|
|
ประวัติเรื่องราวของท่านนักบุญหญิงนั้นสุดขอบ(จาก "นางบาป" สู่ "นักบุญ") ก่อให้เกิด เรื่องราวตีความสืบเนื่องถึงปัจจุบันในหนัง, ละคร และหนังสือ ที่เด่นดัง ได้แก่
Jesus Christ Superstar, The Last Temptation of Christ, Passion of the Christ และ Da Vinci Code ที่ในเนื้อเรื่องอ้างว่ามารีย์ตั้งครรภ์กับพระไครสต์และต่อมาให้กำเนิดบุตร เป็นผู้หญิงที่ฝรั่งเศส
ภาพ Monica Bellucci รับบท Mary Magdalene จาก Passion of the Christ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1228 เมื่อ 22 เม.ย. 14, 10:29
|
|
ปัจจุบันอารามดอมินิกันแห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์แห่งผลงานของสกุลช่างดูบรอฟนิคที่รุ่งเรือง ในช่วงศตวรรษที่ 15 - 16 นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาหนังสือโบราณพิมพ์ในศตวรรษที่ 15 (incunable) เอกสารสำคัญ และหนังสือคู่มือพร้อมรูปประกอบเก่าแก่ทรงคุณค่าผ่านกาลเวลายาว นานหลายศตวรรษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1229 เมื่อ 23 เม.ย. 14, 10:13
|
|
และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในดูบรอฟนิค สถานที่สำคัญที่ไม่อาจพลาดคือศาสนสถาน คู่บ้านคู่เมือง นั่นคือ โบสถ์นักบุญเบลส ที่ได้เยี่ยมมองจากภายนอกไปแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเข้าไปสักการะ ท่านนักบุญผู้พิทักษ์รักษ์เมืองภายในโบสถ์กัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|