เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 85
  พิมพ์  
อ่าน: 130660 sLOVEnia Croatia Album
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1050  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:18

         ตั้งอยู่ระหว่างอาคารกลาโหม และ วังเจ้าเมือง(Rector's Palace) เดิมคือวังกอธิค
ของมหาสภา(Palace of Major Council) หลักฐานแรกบันทึกปรากฏมีในปี 1303 ต่อมา
ในปี 1487 ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นสไตล์กอธิค เรเนซอง

          ด้านหน้าของอาคารมีรูปแบบลักษณะคล้ายกับวัง Sponza ด้วยว่าออกแบบโดยช่าง
คนเดียวกัน(Paskoje Milicevic)


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1051  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:21

         ในช่วงศตวรรษที่ 18 วังแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นโรงละคร ก่อนที่จะถูกไฟผลาญจนสิ้นในปี 1816
แล้วอาคารศาลากลางเมืองหลังใหม่จึงได้สร้างขึ้นบนพื้นที่นี้ในปี  1882 ด้วยรูปแบบ นีโอ กอธิค
โดยมีโรงละครหลังใหม่สร้างขึ้นด้านใน ส่วนร้านกาแฟประจำเมืองนั้นสร้างในช่วงศตวรรษที่  20


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1052  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:23

           บริเวณริมอาคารด้านหน้าก่อนถึงวังเจ้าเมืองเป็นที่ตั้งของรูปสลักฉลองครบรอบ 500 ปี
ชาตกาล(ปี 2008) ของ  
                  Marin Drzic (1508 - 1567) นักประพันธ์เรเนซองของโครเอเชีย
เจ้าของผลงานสุขนาฏกรรมที่ถูกนำไปแสดงทั่วยุโรปในราวปี 1550 - สิบปีก่อนที่ Shakespeare
และ Moliere จะมีผลงานในแนวทางของท่าน Drzic ตามมา


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1053  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:26

            ท่านถือกำเนิดที่ดูบรอฟนิคในครอบครัวฐานะดี เมื่ออายุ 18 ปีได้ออกบวชและถูกส่งไป
Tuscany เพื่อศึกษากฎหมายศาสนจักร แล้วกลับมาดูบรอฟนิคในปี 1543
           ด้วยแนวคิดต่อต้านอำนาจการปกครองของดูบรอฟนิคที่ตกอยู่ในมือของชนชั้นสูงเพียง
กลุ่มเดียว ท่านได้เขียนจดหมายไปถึงตระกูลทรงอิทธิพล Medici แห่งฟลอเรนซ์เพื่อขอความช่วย
เหลือให้ล้มระบอบนี้แต่ไม่มีคำตอบกลับมา 


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1054  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:27

           ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานบทละคร 11 เรื่องในช่วงเวลาที่พำนักที่นี่ก่อนที่จะย้ายไป
อยู่ในเวนิสและเสียชีวิตที่นั่น         

           งานสุขนาฏกรรมของท่านเล่าเรื่องชีวิตที่สำเริงสำราญเปี่ยมพลัง สรรเสริญความรัก,
เสรีภาพ,ความจริงใจ และ เย้ยเยาะความโลภและความหลงตน

คติความเชื่อเรื่องโชคดีจากการลูบจมูกรูปสลักบุคคลสำคัญเดินทางมาถึงตอนใต้สุดของประเทศ


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1055  เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:30

           ถัดจากศาลากลางและโรงละครต่อไปเป็นวังเจ้าเมือง(Rector's palace) ที่อยู่ติดกัน
และอาสนวิหารตระหง่านเบื้องหน้า


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1056  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:37

       เดินผ่านอาคารวังเจ้าเมือง(Rector's Palace) ทางซ้ายมือไปก่อน(ค่อยย้อนกลับมา)
เพื่อจะเยือนศาสนสถานสำคัญที่มีรูปทรงงามล้ำโดดเด่นเห็นชัดในย่านเมืองเก่านี้ที่ไม่ว่าจะมอง
จากแผ่นดิน, ผิวน้ำ หรือ ผืนฟ้า ก็จะแลเห็นหอโดมบนอาคารหินสีขาวเปล่งประกายตระหง่านสูง
เหนือหลังคาอาคารอื่นใดในเมืองแห่งหินและแสงนี้
         


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1057  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:40

                         อาสนวิหาร Dubrovnik Cathedral  

        อาคารหันด้านข้างตั้งอยู่เยื้องกับวังเจ้าเมือง เป็นอาสนวิหารอัสสัมชัญ โรมันแคธอลิค
สังฆมณฑลแห่งดูบรอฟนิค อุทิศแด่ Assumption of Mary แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์

        อาสนวิหารอันเก่าแก่อยู่คู่เมืองผ่านช่วงกาลเวลาอันยาวนานนับพันปี ตัวอาคารปัจจุบัน
ที่ตั้งอยู่ ณ กลางลาน Poljana Marin Drzic นี้ สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 18 เป็นอาคาร
วิหารหลังที่สาม สร้างบนพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารเดิมที่เป็นสไตล์โรมาเนสค์(สร้างใน
ศตวรรษที่ 12) ซึ่งถูกทำลายไปในปี 1667 จากธรณีพิบัติภัย
         ประวัติบันทึกไว้ว่าอาคารเดิมนั้นเป็นมหาวิหาร(basilica) ที่มีหอหลังคาโดม(cupola)
และเชื่อสืบต่อกันมาว่าค่าก่อสร้างส่วนหนึ่งนั้นเป็นเงินพระราชทานจากพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ที่เคย
ประสบเหตุเรืออัปปางใกล้เกาะ Lokrum เมื่อครั้งกลับจากสงครามครูเสดครั้งที่สามในปี 1192


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1058  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:42

            ปี 1979 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวสร้างความเสียหายไม่น้อยต่อตัวอาคาร ต่อมา
ในปี 1981 นักโบราณคดีได้ดำเนินการสำรวจวิจัยซากวิหารหลังเดิมก่อนถูกทำลายในปี 1667
ด้วยเครื่องมือ probe แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ตรวจพบว่าข้างใต้ยังมีซากของมหาวิหาร
แบบไบซันทีนที่มีอายุย้อนไปไกลถึงศตวรรษที่ 7 - 8 ช่วงปลายยุค Antiquity ซึ่งไม่เคยมี
บันทึกไว้ในปูมประวัติเมือง

           การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงความเก่าแก่ของชุมชนที่มีมาแต่เก่าก่อน จากเดิม
ที่เคยปักหมุดศตวรรษที่ 7 เป็นช่วงเวลาของการก่อร่างสร้างเมืองโดยที่ยังไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใด
ต่อมาดูบรอฟนิคจึงเติบโตเข้มแข็งได้ในเวลาอันสั้น ปูมเมืองใหม่จึงได้เปลี่ยนไปเป็นว่าชุมชนแห่งนี้
ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มานานนับเนื่องหลายรุ่นแล้วจนถึงศตวรรษที่ 7 นี้ ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ
ชาวโครแอทได้เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกับชาวเมืองดั้งเดิมเสริมความแข็งแกร่งให้เมืองรุ่งเรืองวัฒนา 


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1059  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:47

          สถาปนิก Andrea Bufalini จากอิตาลีเป็นผู้ออกแบบสร้างวิหารหลังใหม่ในแบบ
โรมันบารอค แล้วนายช่างอีกสี่ท่านดำเนินการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ใช้เวลาดำเนินการใน
ช่วงปี 1671 - 1713 แล้วทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันคริสต์มาสปี 1713 นั้น        
  
         นายช่างคนสุดท้ายได้ปรับเปลี่ยนแปลงแบบไปจากเดิม โดยเฉพาะการใช้หลังคาทรง
โค้งสันทแยงมุม(cross vault) และเปิดช่องหน้าต่างส่วนบน ส่งผลให้ภายในสว่างไสวให้
ความรู้สึกสดใส
         สไตล์วิหารเป็นไปตามสุนทรียศาสตร์แห่งโรมันบารอคในแนวของ Bernini, Carlo Fontana
(นายช่างเคยทำงานกับ Bernini ร่วมสิบปี) และ ศิลปินร่วมสมัยในศตวรรษที่ 17  


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1060  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:53

         Andrea Buffalini ได้วางรูปแบบภายในอาคารเป็นกางเขนละติน(รูปแบบกางเขน
ที่คุ้นตากันดี - แกนตั้งช่วงล่างยื่นยาวกว่ากางเขนกากบาทแบบกรีก +) มีบริเวณชุมนุมของ
ผู้มาโบสถ์จากประตูถึงแท่นบูชา(nave) สามช่วง และหอหลังคาโดม

         ภายนอก บันได 7 ขั้นพาขึ้นสู่ส่วนหน้าของอาคารสไตล์บารอคหรู ทางเข้าหลักตรงกลาง
โดดเด่นด้วยเสาแบบคอรินเธียนสี่เสาสูง เหนือขึ้นไปเป็นหน้าต่างบารอคขนาดใหญ่อยู่ใต้หน้าจั่ว
สง่างาม สองข้างทางเข้าหลักยังมีประตูขนาดย่อมและถัดไปเป็นช่องเว้าติดตั้งรูปสลักสองนักบุญ
ผลงานช่างจาก Korcula


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1061  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:55

            ด้านซ้ายมือคือ นักบุญโยเซฟ(เดิมคือ โยเซฟช่างไม้จากตระกูลกษัตริย์ดาวิด ผู้เป็น
สามีมารี ที่ต่อมาคือพระแม่มารีบริสุทธิ์) อุ้มพระบุตร(พระไครสต์) ด้วยมือขวา ในมือซ้ายถือ
ดอกลิลลี่บริสุทธิ์ นักบุญโยเซฟนั้นมิใช่บิดาตามเชึ้อสายของพระเยซูแต่ก็ถือกันว่าเป็นบิดาบุญธรรม
 


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1062  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:56

           ด้านขวามือคือรูปสลักนักบุญเบลส      
           ผนังวิหารด้านข้างรายเสาเหลี่ยมประกบหน้าต่างโค้งครึ่งวงกลมแบบบารอค      


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1063  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:58

          เหนือขึ้นไปเป็นตับลูกกรง(balustrade) ล้อมหลังคา ประดิษฐานรูปสลักนักบุญ
สิบท่านรายเรียงอยู่ด้านบน


บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 1064  เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:59

          เหนือหลังคาส่วนห้องเก็บเครื่องพิธี(Sacristy) ติดตั้งระฆังสามใบ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 85
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง