SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1050 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:18
|
|
ตั้งอยู่ระหว่างอาคารกลาโหม และ วังเจ้าเมือง(Rector's Palace) เดิมคือวังกอธิค ของมหาสภา(Palace of Major Council) หลักฐานแรกบันทึกปรากฏมีในปี 1303 ต่อมา ในปี 1487 ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นสไตล์กอธิค เรเนซอง
ด้านหน้าของอาคารมีรูปแบบลักษณะคล้ายกับวัง Sponza ด้วยว่าออกแบบโดยช่าง คนเดียวกัน(Paskoje Milicevic)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1051 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:21
|
|
ในช่วงศตวรรษที่ 18 วังแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นโรงละคร ก่อนที่จะถูกไฟผลาญจนสิ้นในปี 1816 แล้วอาคารศาลากลางเมืองหลังใหม่จึงได้สร้างขึ้นบนพื้นที่นี้ในปี 1882 ด้วยรูปแบบ นีโอ กอธิค โดยมีโรงละครหลังใหม่สร้างขึ้นด้านใน ส่วนร้านกาแฟประจำเมืองนั้นสร้างในช่วงศตวรรษที่ 20
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1052 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:23
|
|
บริเวณริมอาคารด้านหน้าก่อนถึงวังเจ้าเมืองเป็นที่ตั้งของรูปสลักฉลองครบรอบ 500 ปี ชาตกาล(ปี 2008) ของ Marin Drzic (1508 - 1567) นักประพันธ์เรเนซองของโครเอเชีย เจ้าของผลงานสุขนาฏกรรมที่ถูกนำไปแสดงทั่วยุโรปในราวปี 1550 - สิบปีก่อนที่ Shakespeare และ Moliere จะมีผลงานในแนวทางของท่าน Drzic ตามมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1053 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:26
|
|
ท่านถือกำเนิดที่ดูบรอฟนิคในครอบครัวฐานะดี เมื่ออายุ 18 ปีได้ออกบวชและถูกส่งไป Tuscany เพื่อศึกษากฎหมายศาสนจักร แล้วกลับมาดูบรอฟนิคในปี 1543 ด้วยแนวคิดต่อต้านอำนาจการปกครองของดูบรอฟนิคที่ตกอยู่ในมือของชนชั้นสูงเพียง กลุ่มเดียว ท่านได้เขียนจดหมายไปถึงตระกูลทรงอิทธิพล Medici แห่งฟลอเรนซ์เพื่อขอความช่วย เหลือให้ล้มระบอบนี้แต่ไม่มีคำตอบกลับมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1054 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:27
|
|
ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานบทละคร 11 เรื่องในช่วงเวลาที่พำนักที่นี่ก่อนที่จะย้ายไป อยู่ในเวนิสและเสียชีวิตที่นั่น
งานสุขนาฏกรรมของท่านเล่าเรื่องชีวิตที่สำเริงสำราญเปี่ยมพลัง สรรเสริญความรัก, เสรีภาพ,ความจริงใจ และ เย้ยเยาะความโลภและความหลงตน
คติความเชื่อเรื่องโชคดีจากการลูบจมูกรูปสลักบุคคลสำคัญเดินทางมาถึงตอนใต้สุดของประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1055 เมื่อ 12 มี.ค. 14, 09:30
|
|
ถัดจากศาลากลางและโรงละครต่อไปเป็นวังเจ้าเมือง(Rector's palace) ที่อยู่ติดกัน และอาสนวิหารตระหง่านเบื้องหน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1056 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:37
|
|
เดินผ่านอาคารวังเจ้าเมือง(Rector's Palace) ทางซ้ายมือไปก่อน(ค่อยย้อนกลับมา) เพื่อจะเยือนศาสนสถานสำคัญที่มีรูปทรงงามล้ำโดดเด่นเห็นชัดในย่านเมืองเก่านี้ที่ไม่ว่าจะมอง จากแผ่นดิน, ผิวน้ำ หรือ ผืนฟ้า ก็จะแลเห็นหอโดมบนอาคารหินสีขาวเปล่งประกายตระหง่านสูง เหนือหลังคาอาคารอื่นใดในเมืองแห่งหินและแสงนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1057 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:40
|
|
อาสนวิหาร Dubrovnik Cathedral
อาคารหันด้านข้างตั้งอยู่เยื้องกับวังเจ้าเมือง เป็นอาสนวิหารอัสสัมชัญ โรมันแคธอลิค สังฆมณฑลแห่งดูบรอฟนิค อุทิศแด่ Assumption of Mary แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
อาสนวิหารอันเก่าแก่อยู่คู่เมืองผ่านช่วงกาลเวลาอันยาวนานนับพันปี ตัวอาคารปัจจุบัน ที่ตั้งอยู่ ณ กลางลาน Poljana Marin Drzic นี้ สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 18 เป็นอาคาร วิหารหลังที่สาม สร้างบนพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารเดิมที่เป็นสไตล์โรมาเนสค์(สร้างใน ศตวรรษที่ 12) ซึ่งถูกทำลายไปในปี 1667 จากธรณีพิบัติภัย ประวัติบันทึกไว้ว่าอาคารเดิมนั้นเป็นมหาวิหาร(basilica) ที่มีหอหลังคาโดม(cupola) และเชื่อสืบต่อกันมาว่าค่าก่อสร้างส่วนหนึ่งนั้นเป็นเงินพระราชทานจากพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ที่เคย ประสบเหตุเรืออัปปางใกล้เกาะ Lokrum เมื่อครั้งกลับจากสงครามครูเสดครั้งที่สามในปี 1192
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1058 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:42
|
|
ปี 1979 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวสร้างความเสียหายไม่น้อยต่อตัวอาคาร ต่อมา ในปี 1981 นักโบราณคดีได้ดำเนินการสำรวจวิจัยซากวิหารหลังเดิมก่อนถูกทำลายในปี 1667 ด้วยเครื่องมือ probe แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ตรวจพบว่าข้างใต้ยังมีซากของมหาวิหาร แบบไบซันทีนที่มีอายุย้อนไปไกลถึงศตวรรษที่ 7 - 8 ช่วงปลายยุค Antiquity ซึ่งไม่เคยมี บันทึกไว้ในปูมประวัติเมือง
การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงความเก่าแก่ของชุมชนที่มีมาแต่เก่าก่อน จากเดิม ที่เคยปักหมุดศตวรรษที่ 7 เป็นช่วงเวลาของการก่อร่างสร้างเมืองโดยที่ยังไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใด ต่อมาดูบรอฟนิคจึงเติบโตเข้มแข็งได้ในเวลาอันสั้น ปูมเมืองใหม่จึงได้เปลี่ยนไปเป็นว่าชุมชนแห่งนี้ ได้มีผู้คนอาศัยอยู่มานานนับเนื่องหลายรุ่นแล้วจนถึงศตวรรษที่ 7 นี้ ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ ชาวโครแอทได้เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมกับชาวเมืองดั้งเดิมเสริมความแข็งแกร่งให้เมืองรุ่งเรืองวัฒนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1059 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:47
|
|
สถาปนิก Andrea Bufalini จากอิตาลีเป็นผู้ออกแบบสร้างวิหารหลังใหม่ในแบบ โรมันบารอค แล้วนายช่างอีกสี่ท่านดำเนินการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์ ใช้เวลาดำเนินการใน ช่วงปี 1671 - 1713 แล้วทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันคริสต์มาสปี 1713 นั้น นายช่างคนสุดท้ายได้ปรับเปลี่ยนแปลงแบบไปจากเดิม โดยเฉพาะการใช้หลังคาทรง โค้งสันทแยงมุม(cross vault) และเปิดช่องหน้าต่างส่วนบน ส่งผลให้ภายในสว่างไสวให้ ความรู้สึกสดใส สไตล์วิหารเป็นไปตามสุนทรียศาสตร์แห่งโรมันบารอคในแนวของ Bernini, Carlo Fontana (นายช่างเคยทำงานกับ Bernini ร่วมสิบปี) และ ศิลปินร่วมสมัยในศตวรรษที่ 17
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1060 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:53
|
|
Andrea Buffalini ได้วางรูปแบบภายในอาคารเป็นกางเขนละติน(รูปแบบกางเขน ที่คุ้นตากันดี - แกนตั้งช่วงล่างยื่นยาวกว่ากางเขนกากบาทแบบกรีก +) มีบริเวณชุมนุมของ ผู้มาโบสถ์จากประตูถึงแท่นบูชา(nave) สามช่วง และหอหลังคาโดม
ภายนอก บันได 7 ขั้นพาขึ้นสู่ส่วนหน้าของอาคารสไตล์บารอคหรู ทางเข้าหลักตรงกลาง โดดเด่นด้วยเสาแบบคอรินเธียนสี่เสาสูง เหนือขึ้นไปเป็นหน้าต่างบารอคขนาดใหญ่อยู่ใต้หน้าจั่ว สง่างาม สองข้างทางเข้าหลักยังมีประตูขนาดย่อมและถัดไปเป็นช่องเว้าติดตั้งรูปสลักสองนักบุญ ผลงานช่างจาก Korcula
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1061 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:55
|
|
ด้านซ้ายมือคือ นักบุญโยเซฟ(เดิมคือ โยเซฟช่างไม้จากตระกูลกษัตริย์ดาวิด ผู้เป็น สามีมารี ที่ต่อมาคือพระแม่มารีบริสุทธิ์) อุ้มพระบุตร(พระไครสต์) ด้วยมือขวา ในมือซ้ายถือ ดอกลิลลี่บริสุทธิ์ นักบุญโยเซฟนั้นมิใช่บิดาตามเชึ้อสายของพระเยซูแต่ก็ถือกันว่าเป็นบิดาบุญธรรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1062 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:56
|
|
ด้านขวามือคือรูปสลักนักบุญเบลส ผนังวิหารด้านข้างรายเสาเหลี่ยมประกบหน้าต่างโค้งครึ่งวงกลมแบบบารอค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1063 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:58
|
|
เหนือขึ้นไปเป็นตับลูกกรง(balustrade) ล้อมหลังคา ประดิษฐานรูปสลักนักบุญ สิบท่านรายเรียงอยู่ด้านบน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 1064 เมื่อ 14 มี.ค. 14, 10:59
|
|
เหนือหลังคาส่วนห้องเก็บเครื่องพิธี(Sacristy) ติดตั้งระฆังสามใบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|