sLOVEnia Croatia Album

[SILA]

          เหตุที่ดูบรอฟนิคยกย่องท่านเป็นนักบุญผู้พิทักษ์ปกปักเมือง เนื่องมาแต่เหตุการณ์บันทึก
ไว้เมื่อครั้งที่พวกเวนิสแล่นเรือมาจอดพักระหว่างทางที่ดูบรอฟนิค ชาวเมืองให้การต้อนรับแล้วจัด
น้ำและอาหารให้โดยคาดว่าเมื่อได้พอแล้วเรือเวนิสก็จะออกจากท่าไป แต่ในช่วงระหว่างนั้นเวนิส
ได้ถือโอกาสสำรวจตัวเมืองตรวจหาจุดอ่อนเพื่อวางแผนเข้าโจมตี
          คืนหนึ่ง ท่านนักบุญพร้อมกองทหารติดอาวุธได้มาปรากฏร่างต่อหน้านักบวช Stojko
แห่งโบสถ์ St Stephen และเปิดเผยแผนการนี้ ตำนานเล่าว่า ท่านบอกว่าสวรรค์ได้ส่งท่านมา
เพื่อปกปักรักษาเมืองนี้จากพวกเวนิส

รูป St. Blaise protecting Dubrovnik ที่อารามดอมินิกัน

[SILA]

           ดูบรอฟนิครอดพ้นจากการถูกจู่โจมยึดครองเมื่อนักบวชได้แจ้งข่าวนี้แก่ทางการ
ที่ได้เร่งรีบปฏิบัตการปกป้องเมือง ปิดประตู และติดอาวุธบนกำแพง พวกเวนิสเห็นเช่นนั้น
จึงถอนสมอเรือจากไปอย่างผิดหวัง

[SILA]

             บันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเกิดในปี 971 A.D. และดูบรอฟนิคได้ยกท่านขึ้นเป็น
นักบุญอุปถัมภ์เมืองในราวกลางศตวรรษที่ 10 ถึงปี 1190 ในขณะที่บ้างเชื่อว่าเรื่องราว
ของท่านนักบุญนี้คือการแต่งขึ้นมาเพื่อชักจูงประชาชวนเชื่อให้ต่อต้านเวนิส
             คำบรรยายภาพ(นิมิต) ของท่านนักบวชบอกว่า ท่านนักบุญเป็นชายชรา ผมสีเทา
เครายาว สวมหมวกบิชอป ในมือถือไม้เท้า รูปวาดและรูปสลักของท่านในเมืองจึงมีลักษณะ
ดังคำบรรยายนี้

ภาพ St Blaise and Paul - Nikola Bozidarovic

[SILA]

          วันที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ คือวันเฉลิมฉลองรำลึกถึงท่านนักบุญเบลสและถือเป็นวันเมือง
ดูบรอฟนิคด้วย ในวันนั้นจะมีการตั้งขบวนอัญเชิญโกศบรรจุอัฐิส่วนศีรษะ, คอ, มือซ้ายและขวา
ของท่านออกเดินไปในเมืองเก่า ในอดีต วันนี้ยังเป็นวันอภัยโทษผู้ต้องขังและบุคคลต้องห้ามเข้า
เมืองด้วย

[SILA]

          อาคารโบสถ์นักบุญเบลส สไตล์บารอคนี้สร้างขึ้นในปี 1715 แทนอาคารเก่าสไตล์
โรมาเนสค์แต่ปี 1368 ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 1667 แล้ววอดวายไปใน
กองเพลิงจากอุบัติเหตุเทียนไขลุกไหม้ส่วนที่เป็นไม้แล้วลุกลามทั่วอาคารเมื่อปี 1706

       

[SILA]

            ทางการได้เชิญสถาปนิกและประติมากรเวนิส Marino Gropeli ให้มาดำเนินการ
สร้างโบสถ์ขึ้นใหม่ ได้เป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ผังภายในเป็นรูปแบบกากบาท + (เรียกว่าแบบ
Greek-cross ที่แขนทั้งสี่ของกากบาทมีความยาวเท่ากัน เป็นรูปแบบนิยมในยุโรปตะวันออก
หรือไบซันทีน) เหมือนอย่างโบสถ์ San Maurizio (St. Mauritius) ในเวนิส  
            ประติมากรผู้นี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่สุดจากผลงานรูปปั้นแบบบาร็อคในสวนฤดูร้อน
ที่ St Peterburg

โบสถ์ San Maurizio(St. Mauritius) ในเวนิส  

[SILA]

           โบสถ์ด้านนอกที่ประดับประดามากมายตามสไตล์บารอคแลดูขัดกับอาคารเรียบง่าย
หลังอื่นๆ บนถนนสายนี้ บันไดและระเบียงด้านหน้าทางเข้าโบสถ์เป็นที่นั่งพักหลบแดดสำหรับ
นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา

[เทาชมพู]

ไปเองก็คงไม่ได้เห็นละเอียดขนาดนี้   ขอบคุณมากค่ะ  ยังติดตามอยู่นะคะ

[SILA]

ขอบคุณครับ ได้มาเก็บเรื่องราวรายละเอียดต่างๆ ตอนตั้งกระทู้นี่แหละครับ

            รูปสลักนักบุญเบลสประดิษฐาน ณ ตำแหน่งสูงสุดตรงกึ่งกลางทางเข้าโบสถ์ ขนาบด้วย
รูปสลักสองข้างลดหลั่น

[SILA]

          ทางซ้ายมือคือ หญิงพรหมจารีถือถ้วยใส่ไวน์ดื่มในพิธีทางศาสนาด้วยมือขวาและ
โอบกางเขนไว้ในแขนซ้าย หมายถึง ศรัทธาในคริสต์ศาสนา

รูปสลัก Faith

[SILA]

           ส่วนทางขวามือคือ หญิงพรหมจารียืนแนบสมอเรือที่จับไว้ด้วยมือซ้าย เป็นเครื่องหมาย
ของความหวัง เนื่องจาก สมอเรือคือที่พึ่งพิงสิ่งสุดท้ายของชาวเรือยามผจญพายุ ตัวสมอนั้นเป็น
วัตถุแข็งมีความหมายถึงความแข็งแกร่ง มั่นคงทนทานพายุพัด เปรียบได้กับมนุษย์ผู้สามารถยืน
หยัดด้วยใจสว่างคงมั่นไม่หวั่นท่ามกลางพายุรุกโรมโหมจิตใจ มีความหวังตั้งมั่นดั่งเช่นเรือที่ยึด
อยู่ไว้ด้วยสมอ

รูปสลัก Hope        

[SILA]

        ด้านหลังรูปสลักท่านนักบุญคือหอโดม

[SILA]

          การเดินช่วงแรกนี้ยังเป็นเพียงการชมโบสถ์จากด้านนอก ส่วนด้านในอาคารจะกลับ
มาเก็บภาพในช่วงท้าย

[SILA]

            อาคารด้านข้างโบสถ์นักบุญเบลส ตั้งอยู่ถัดจากหอนาฬิกาและอาคารกลาโหม
(House of the Main Gaurd) ไปตามแนวถนน(Ulica) Pred Dvorom ที่ตั้งฉากกับ
ถนน Stradun(หรือ Placa)

[SILA]

คือ           อาคารศาลากลางเมือง(City Hall) และ โรงละคร Marin Drzic Theatre