เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 32
  พิมพ์  
อ่าน: 113310 มนุษย์และสัตว์(ประหลาด)ต่างดาว
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 26 มิ.ย. 13, 20:07

เฉลยการบ้าน

ภาพจาก "สปิริต" เช่นเดียวกัน มีกะโหลกอยู่ ๒ หัว ใครเห็นบ้างหนอ 

มาช่วยให้ทำการบ้านได้ง่ายเข้า   ยิ้มเท่ห์



Joseph P. Skipper เจ้าของเว็บไซต์ marsanomalyresearch.com ชี้ตำแหน่งของกะโหลก และให้ความเห็นว่าคล้าย ๆ กับกะโหลกของสัตว์ที่มีอยู่บนโลก


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 26 มิ.ย. 13, 20:13

อันใหญ่ คล้ายกะโหลกของ ไดโนเสาร์ขนาดเล็ก Bagaceratops หรือไม่งั้นก็เสือชีต้าห์   ส่วนอันเล็ก คล้ายกะโหลกของ นกโบราณ Archaeopteryx หรือ นกอีมู หรือ ไก่งวง  

จะเห็นด้วยหรือไม่อยู่ในวิจารณญาณของแต่ละท่าน  ยิงฟันยิ้ม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 26 มิ.ย. 13, 20:15

ถ้าพวกนี้เป็นกระโหลกสัตว์จริง   ไม่ใช่หิน  มันจะคงทนอยู่บนสถานที่แบบนี้โดยไม่ผุพัง ได้สักกี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่นปี?
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 26 มิ.ย. 13, 23:11

น่าจะคงทนได้หลายสิบล้านหรือหลายร้อยล้านปี

ไดโนเสาร์ครองโลกอยู่ ๑๖๕ ล้านปีก่อนจะสูญพันธุ์ไปเมื่อ ๖๕ ล้านปีที่ผ่านมา เราก็ยังสามารถพบกระดูกไดโนเสาร์ได้ในยุคปัจจุบัน   ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 27 มิ.ย. 13, 12:42

ย้อนกลับสู่โลกในสมัยอียิปต์ยังรุ่งเรือง

Garrett P. Serviss ยังเล่าไว้ในเรื่องนี้อีกว่าผู้สร้างปิรามิดและสฟิงซ์ที่อียิปต์หาใช่ใครอื่น ก็คือชาวอังคารนั่นเอง   ยิ้มเท่ห์

นอกจากเรื่องปิรามิดและสฟิงซ์แล้ว เทคโนโลยี่หลายอย่างของอียิปต์ก็อาจได้รับมาจากชาวอังคาร


Mars Traded With Ancient Egypt

BERN – Swiss scientists say they can prove beyond a doubt that the Lost City of Atlantis was on Mars, and its astronauts traded with ancient Egypt for thousands of years!

Even more incredible, they claim to have the evidence to show that the legendary King Tut died spectacularly in a space shuttle crash with an alien crew.

“The Martian Civilization destroyed itself or was destroyed by a meteor while Egypt was still in its prime,” Dr. Stephan Weisz told a gathering of reporters and scientists in Bern, Switzerland. But the inhabitants left their mark both on Earth and Mars. Top secret photographs taken by America’s Martian probes clearly show the remains of temples on the surface of the planet.

“Egypt’s pyramids and the ability to mummify the human body are definitely the result of technologies that originated not on Earth but someplace else, in this case Mars. It is our belief that the Atlantans traded these technologies to the Egyptians for gold.”


Dr. Weisz and a colleague, Egyptologist Conrad Vetsch, said that a recently deciphered Egyptian scroll first led them to believe that Atlantis was located on Mars. The scroll describes a technologically advanced civilization existing beyond our own planet “in the vast, black ocean of space.”

It also alludes to space travel and the use of a shuttle craft to ferry manlike extraterrestrials from a space-bound mother ship to the surface of Earth.

“Researchers have long known that the Egyptians were exposed to flight because an elaborate model of what they called a glider was found in Tut’s tomb,” Dr. Weisz told the group. “In light of information gleaned from the scrolls, we now see that the glider was in fact the replica of a space shuttle. And it was just such a space craft that crashed with Tut aboard.”

Not everyone attending the conference agreed with the experts’ theories. Dr. Seth Rausch, a German historian, thinks they went too far in calling the Martian civilization Atlantis. “I don’t doubt that the Egyptians were in contact with extraterrestrials,” said the expert. “But until we actually inspect the ruins on Mars, there is no way to know if they are the remains of Atlantis.”

“In my opinion, if Atlantis did exist, it existed here on Earth.”

Norwegian astronomer Elling Gade agreed. “Atlantis might have been the colony of an alien civilization. But it most definitely was located on this planet,” he said.

ข่าวจาก  weeklyworldnews.com

จะเชื่อหรือไม่ โปรดอยู่ในวิจารณญาณอีกเช่นกัน

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 27 มิ.ย. 13, 22:04

ภายในวิหารที่เมือง Abydos อียิปต์ มีหลักฐานแสดงเทคโนโลยีที่อียิปต์อาจได้รับจากชาวอังคาร

สังเกตภาพในกรอบสี่เหลี่ยมสีขาว มีอะไรบางอย่างที่ดูไม่เข้ากับยุคสมัย  ยิ้มเท่ห์


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 27 มิ.ย. 13, 22:07

ภาพขยายในกรอบสี่เหลี่ยม  

เฮลิคอปเตอร์ เรือดำน้ำ ยานอวกาศ เครื่องบิน

ชาวอียิปต์โบราณเคยเห็นยานพาหนะทันสมัยเหล่านี้ที่ใดหนอ   ฮืม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 27 มิ.ย. 13, 22:33

บังเอิญมาคล้ายกันหนอ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 28 มิ.ย. 13, 10:42

ชาวอียิปต์โบราณเคยเห็นยานพาหนะทันสมัยเหล่านี้ที่ใดหนอ   ฮืม

เมื่อ ๓,๕๐๐ ปีมาแล้ว ในรัชสมัย ฟาโรห์ธุทโมซิสที่ ๓  (Thutmosis III) มีจดหมายเหตุบันทึกไว้ในม้วนกระดาษปาปิรัสที่ชื่อว่า ทัลลี่ (Tulli Papyrus) เกี่ยวกับวัตถุประหลาดบนท้องฟ้า  ข้อความข้างล่างนี้แปลโดย เจ้าชาย Boris de Rachewiltz นักไอยคุปต์วิทยาชาวอิตาเลี่ยน

In the year 22 third month of winter, sixth hour of the day (...2...) the scribas of the House of Life found it was a circle of fire that was coming in the sky (Though) it had no head, the breadth of its mouth (had) a foul odour. Its body 1 rod long (about 150 feet) and 1 rod large, It had no voice... They hearts become confused through it, then they laid themselves on the bellies (...3...) They went to the King ..?) to report it. His Majesty ordered (...4...) has been examined (...5...) as to all which is written in the papyrus-rolls of the House Of Life His Majesty was meditating upon what happened. Now, after some days had passed over these things, Lo! they were more numerous than anything. They were shining in the sky more than the sun to the limits of the four supports of heaven. (...6...) Powerful was the position of the fire circles. The army of the king looked on and His Majesty was in the midst of it. It was after supper. Thereupon, they (i.e. the fire circles) went up higher directed to South. Fishes and volatiles fell down from the sky. (It was) a marvel never occurred since the foundation of this Land! Caused His Majesty to be brought incense to pacify the hearth (...9... to write?) what happened in the book of the House of Life (...10... to be remembered?) for the Eternity.

จาก De Rachewiltz, Boris, Doubt Magazine, No. 41, official magazine of the Fortean Society, pp. 214-215, Arlington, 1953.

บันทึกในภาษาอียิปต์โบราณ  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 28 มิ.ย. 13, 11:07

ถอดความคำต่อคำจากภาษาอียิปต์โบราณเป็นภาษาอังกฤษ ได้ดังนี้




บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 28 มิ.ย. 13, 12:13

พอจะถอดความเป็นภาษาไทย ดังนี้   ยิงฟันยิ้ม

ในปีที่ ๒๒ เดือน ๓ ของฤดูหนาว ชั่วโมงที่ ๖ ของวัน บรรดาพระได้พบเห็นวงล้อไฟผ่านมาในท้องฟ้า มันไม่มีหัว ลำตัวกว้างและยาวประมาณ ๔๕ เมตร ปากของมันระบายกลิ่นออกมา มันไม่ส่งเสียง พระทั้งหลายก็มีจิตใจตื่นตระหนกและงงงวย ต่างพากันนอนเอาท้องราบกับพื้น แล้วรายงานให้ฟาโรห์ทราบ  ทรงมีบัญชาให้ตรวจสอบเรื่องนี้ และพระองค์ก็ทรงตรวจสอบด้วยการเข้าสมาธิโดยพระองค์เองด้วย หลังจากผ่านไปหลายวันก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้มีขนาดใหญ่ขึ้นในท้องฟ้ามากกว่าที่ผ่านมา มันส่องแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ และขยายไปจนถึงขอบเขตทั้ง ๔ ด้านของสวรรค์ วงไฟเหล่านี้ครอบครองอยู่เต็มฟ้า บรรดาไพร่พลและองค์ฟาโรห์ต่างแหงนมองดูเหตุการณ์ข้างบน จนเวลาหลังอาหารเย็น วงไฟนั้นก็ลอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้าทางทิศใต้ ปลาและนกหลากชนิดหล่นลงมาจากท้องฟ้า เป็นสิ่งประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับแต่การก่อตั้งอาณาจักร ฟาโรห์ทรงบัญชาให้บันทึกเรื่องทั้งหมดไว้ในบันทึกเหตุการณ์ประจำปีของราชสำนักเพื่อว่ามันจะได้เป็นที่จดจำไปตลอดกาล
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 01 ก.ค. 13, 11:46

หลาย ๆ ท่านในเรือนไทยคงจะทันเฝ้าดูเหตุการณ์หนึ่งทางจอโทรทัศน์ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒  เป็นเหตุการณ์ที่นักบินอวกาศสหรัฐคู่แรก คือ นีล อาร์มสตรอง และเอดวิน อัลดริน ลงเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

 

พร้อมกับคำกล่าวเท่ ๆของ นีล อาร์มสตองที่ว่า

That's one small step for man, one giant leap for mankind.

นี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ


มองในอีกแง่หนึ่งจากมุมมองของ "ชาวจันทร์" (หากมี) ทั้ง นีล อาร์มสตรอง และเอดวิน อัลดริน ก็ถือเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนดวงจันทร์

หากก้าวเล็ก ๆ ของมนุษย์สามารถเดินทางไปถึงดวงจันทร์ได้ ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีก้าวเล็ก ๆ ของสิ่งมีชีวิตอื่นจากต่างดาวที่ก้าวมาถึงโลกมนุษย์แล้วเช่นกัน

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 01 ก.ค. 13, 12:06

ก่อนหน้าที่มนุษย์คู่แรกจะลงเหยียบดวงจันทร์ ๑ ปี มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Chariots of the Gods?  (รถม้าของพระผู้เป็นเจ้า) เขียนโดย อีริค ฟอน ดานิเกน (Erich von Däniken) นักเขียนชาวสวิส ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากว่า ๔๐ ล้านเล่มทั่วโลก ดานิเกนเชื่อว่าในอดีตโลกของเราอาจมีมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลกมาเยือน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์  มนุษย์ต่างดาวอาจจะเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามามีส่วนช่วยอยู่เบื้องหลังบางอารยธรรมโบราณของมนุษย์ มนุษย์โบราณในอดีตจึงให้ความชื่นชมเคารพมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้น ส่งผลให้กำเนิดเป็นความเชื่อว่าพวกเขาคงเป็นพระเจ้า หรือเทวดา ผู้มาจากท้องฟ้า เมื่อพวกมนุษย์ต่างดาวจากไป ก็ได้เกิดการเล่าขานสืบต่อกันมาจนเป็นตำนาน มีการสร้างสิ่งก่อสร้าง รูปปั้น รูปสลัก รูปวาด ของพระเจ้าจากต่างดาวกระจายอยู่ทั่วไปในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก

มนุษย์บางเผ่าพันธุ์อาจเป็นลูกหลานของมนุษย์ต่างดาวก็ได้  ยิ้มเท่ห์


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 01 ก.ค. 13, 12:14

หนังสือของดานิเกน ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดีในชื่อเดียวกัน  ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 01 ก.ค. 13, 12:48

เคยตามอ่านหนังสือของดานิเก้นด้วยความเพลิดเพลิน   มีกี่เล่มไปหามาอ่านจนหมด   ตอนหลังอกหักเพราะมารู้ว่า พี่แกจับแพะชนแกะมั่วอยู่หลายสิบเรื่อง
ในประวัติส่วนตัว ก็สิบแปดมงกุฎธรรมดาๆนี่เอง    ฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร  เอาเงินมาใช้เพื่อเดินทางหาข้อมูลในประเทศต่างๆจนถูกศาลตัดสินจำคุก     หนังสือของแกที่กลายเป็นหนังสือขายดีอันดับหนึ่ง ทำให้แกโกยเงินมาใช้หนี้จนหลุดออกจากคุกได้


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 32
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 20 คำสั่ง