เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 32
  พิมพ์  
อ่าน: 113119 มนุษย์และสัตว์(ประหลาด)ต่างดาว
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 255  เมื่อ 05 ม.ค. 18, 15:10

แต่เขาอยากรู้ว่ารูปถ่ายที่หลุดออกมา   อะไรแปลกๆบนท้องฟ้าที่เห็น  หรือเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้   เหล่านี้เป็นเรื่องจริงคือเป็นเรื่องสร้างขึ้นทั้งหมดต่างหากล่ะคะ

มีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง* ตอบคำถามของคุณเทาชมพูไว้

UFO ที่หมายถึงสิ่งบินลึกลับนั้นมีจริง เพราะรายงานเรื่องนี้จากทั่วโลกมีเป็นแสนรายการ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท

๑. ประมาณ ๘๕ % อธิบายได้แล้วว่ามันคืออะไร ซึ่งมีทั้งปรากฏการณ์ในท้องฟ้า ภาพลวงตา เฮลิคอปเตอร์ บอลลูน สิ่งบินทดลอง ภาพของดาว ฯลฯ และพวกเรื่องที่กุขึ้นมา ซึ่งกว่าจะจับได้ก็อาจใช้เวลานาน

๒. อีก ๑๕ % ที่ยังอธิบายไม่ได้นั้น ส่วนหนึ่งยังจับไม่ได้ว่าเป็นภาพโกหก เป็นรายงานที่เห็นโดยคนจำนวนมาก หรือเป็นภาพถ่ายที่ตรวจสอบแล้วไม่ใช่นก ดาว ฯลฯ แต่เชื่อว่า เมื่อตรวจสอบจนมีข้อมูลมากขึ้นแล้วก็น่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มาจากนอกโลกเลย


* รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา นักเขียน นักแปล คอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ ได้รับรางวัล"นักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ดีเด่น” ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๘  เป็นหัวหน้าโครงการวิจัยหนังสือดีวิทยาศาสตร์ซึ่งคัดเลือกให้ "แดนดาว" โดย "แก้วเก้า" เป็น ๑ ในหนังสือวิทยาศาสตร์ประเภทบันเทิงคดีจำนวน ๒๙ เล่ม เป็นหนังสือดีวิทยาศาสตร์

อาจารย์ชัยวัฒน์ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวไว้อีกหลายเรื่อง ถูกใจหรือไม่ขึ้นกับวิจารณญาณของเพื่อน ๆ ชาวเรือนไทย  ยิงฟันยิ้ม

http://www.soccersuck.com/boards/topic/1075754
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 256  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 10:13

อึ้ง!นักดาราศาสตร์เชื่อการระเบิดรังสีแกมมา แท้จริงแล้วเป็นสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว

https://mgronline.com/around/detail/9610000005101

เอ็กเพรส - นักดาราศาสตร์คนหนึ่งรายหนึ่งมีคำกล่าวอ้างที่น่าตื่นตะลึง ด้วยเชื่อว่าการระเบิดรังสีแกมมา (Gamma-ray bursts) แท้จริงแล้วสัญญาณเอเลี่ยนที่ส่งมาจากมนุษย์ต่างดาวในความพยายามติดต่อกัยสิ่งมีชีวิตอื่นๆในจักรวาล

พวกนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการระเบิดใหญ่ของดาวในกาแล็กซีที่อยู่ไกลออกไปในอวกาศ และพลังงานที่ปล่อยออกมาจะอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าย่านรังสีแกมมา

อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์บางส่วนมีทฤษฎีที่ต่างออกไป และเชื่อว่าอาจระเบิดรุนแรงดังกล่าวน่าจะเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ต่างดาว

การระเบิดของรังสีแกมมาให้ห้วงอวกาศลึกแต่ละครั้งจะรุนแรงกว่า 100 เท่าของซูเปอร์โนวา(supernova) หรือพลังงานประมาณล้านล้านล้านเท่าของดวงอาทิตย์ในปัจจุบัน และการเกิดแต่ละครั้งจะกินเวลาแค่ระดับมิลลิวินาที

กระนั้นก็ตาม จอห์น เอ.บอลล์ นักดาราศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เชื่อว่าการระเบิดรังสีแกมมาทรงพลังงานเพียงพอที่จะนำส่งข้อมูลสาร โดยเขาบอกว่าการระเบิดของรังสีแกมมา 2 มิลลิวินาที อาจส่งข้อมูลสารได้ 1,000,000,000,000,000,000 บิต "เปรียบเทียบแล้วก็ประมาณข้อมูลโดยรวมของเนื้อหาเกี่ยวกับระบบนิเวศของโลก ข้อมูลพันธุกรรมและคอนเซ็ปต์ที่ใช้อธิบายในการถ่ายทอดความคิด วัฒนธรรม ไอเดีย ภาษาหรือเทคโนโลยีต่างๆ"

ในบทความพาดหัว ‘Gamma Ray Bursts The ETI [extraterrestrial intelligence] Hypothesis’ บอลล์ เชื่อว่า "การระเบิดรังสีแกมมา บางทีอาจเป็นสัญญาณที่ส่งมาโดยอารยธรรมนอกโลก รูปทรงของการระเบิดที่ต้นทางของสัญญาณนั้นบางทีอาจเป็นจังหวะง่ายๆ แต่รูปทรงอันซับซ้อนที่เราเห็นนั้น อาจเป็นเพราะมันเกิดการบิดเบี้ยวระหว่างทางจากปรากฏการณ์เลนส์แรงโน้มถ่วง"

ไม่ใช่แค่เชื่อว่าการระเบิดพลังงานสูงจะเป็นข้อมูลสารจากต่างดาว นักดาราศาสตร์รายนี้ยังสันนิษฐานด้วยว่าแท้ที่แล้วมันอาจเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต "สารในการระเบิดรังสีแกมมาอาจเป็นสปอร์ที่สามารถเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนอย่างทวีคุณยามที่มันตกในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เหมาะสม มันอาจแพร่พันธุ์สปอร์จำนวนมหาศาล แต่คาดหมายว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่จะอยู่รอด" บอลล์กล่าว


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 257  เมื่อ 16 ก.พ. 18, 18:39

ขอคิดด้วยฅน "มนุษย์ต่างดาว"

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 258  เมื่อ 14 มี.ค. 18, 11:42

https://www.youtube.com/watch?time_continue=3&v=wxVRg7LLaQA

ซีเอ็นเอ็น - มีการแพร่เผยคลิปใหม่เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ในเหตุการณ์ที่อ้างว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯกับวัตถุบินไม่ทราบเอกลักษณ์ที่บางส่วนเชื่อว่าเป็นยานบินของมนุษย์ต่างดาว หลังจากเพนตากอนยอมรับเมื่อปีก่อน ว่าพวกเขาเคยมีโครงการลับสุดยอดศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเจอภัยคุกคามจากนอกโลก แต่ได้ยุติลงไปแล้ว

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/around/detail/9610000025445
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 259  เมื่อ 14 มี.ค. 18, 13:52

คลิปนี้ดูคล้ายกับคลิปที่แล้ว



กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน เปิดเผยคลิปวิดิโอที่ถูกบันทึกจากเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ F/A-18F กำลังตรวจจับไล่ล่าวัตถุบินกำหนดเอกลักษณ์ไม่ได้จากนอกโลก หรือ ยูเอฟโอ (unidentified flying object: UFO) ขณะบินอยู่เหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก นอกชายฝั่งซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗


หลุยส์ เอลิซอนโด อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองกลาโหมที่เคยดูแลโครงการ Advanced Aerospace Threat Identification Program (โครงการระบุภัยด้านอวกาศที่ก้าวล้ำ หรือโครงการต่อสู้กับ UFO) ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับ To The Stars Academy of Arts & Science ให้ความเห็นว่า วิดีโอใหม่กับวิดีโออีกชุดที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว มีความเหมือนกันอย่างมาก และบอกว่าเขาเองก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นเอเลี่ยนตัวเขียวจากต่างดาว เพราะมันอาจเป็นอะไรก็ได้ ในนั้นรวมถึง อากาศยานต่างชาติ "มันอาจเป็นอะไรก็ได้ ดังนั้นเราจึงไม่ตัดข้อสันนิษฐานใด ๆนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงคิดว่าเราถึงจำเป็นต้องพิสูจน์มัน มันอาจเป็นของรัสเซีย จีน หรือเป็นมนุษย์ต่างดาวตัวเขียวจากดาวอังคาร แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่

https://mgronline.com/around/detail/9610000025445
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 260  เมื่อ 18 ก.ค. 18, 10:18

มีดาวฤกษ์ที่คล้ายดวงอาทิตย์มากมายมหาศาลในจักรวาล และก็มีความเป็นไปได้สูงที่หลายดวงจะมีดาวเคราะห์แบบโลกโคจรรอบอยู่ ซึ่งอาจจะมีการพัฒนาเกิดสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา ในอารยธรรมทรงภูมิปัญญานี้ บางส่วนอาจสามารถเดินทางข้ามระหว่างดวงดาวได้ และอาจจะแวะมาเยือนชาวโลกแล้วก็ได้

มีรายงานและเรื่องเล่า (อย่างไม่เป็นทางการ) เกี่ยวกับ UFO และมนุษย์ต่างดาวมากมาย แต่ยังไม่เคยมีการติดต่อระหว่างมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาวอย่างเป็นทางการ

นักฟิสิกส์ชาวอิตาเลียนชื่อ Enrico Fermi ได้เสนอความย้อนแย้งเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๓ ซึ่งต่อมารู้จักกันในชื่อ Fermi paradox

หากพวกเขามีอยู่จริง เขาอยู่กันที่ไหน



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 261  เมื่อ 12 ส.ค. 18, 14:08

ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 262  เมื่อ 14 ส.ค. 18, 19:34

ไม่ได้สงสัยถึงการมีตัวตนจริงของมนุษย์ต่างดาวค่ะ  เชื่อว่ามี
แต่ที่สงสัยคือจนบัดนี้มีกรณีอะไรสักอย่างไหม ที่ทำให้เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนโลกจริงๆ
ส่วนใหญ่ก็เห็นแต่ UFO แวบๆผ่านไปผ่านมา    หรือเห็นอะไรที่อธิบายไม่ได้ว่าเป็นอะไร ที่นาซ่าเอารูปมาให้ดูบ้าง โดยไม่มีการวิเคราะห์
จากนั้นข่าวก็เงียบหายไป  ทุกทีค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 263  เมื่อ 14 ส.ค. 18, 19:37

แวบๆอยู่ปีนี้เอง  2018

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 264  เมื่อ 16 ส.ค. 18, 13:40

ส่วนใหญ่ก็เห็นแต่ UFO แวบๆผ่านไปผ่านมา    หรือเห็นอะไรที่อธิบายไม่ได้ว่าเป็นอะไร ที่นาซ่าเอารูปมาให้ดูบ้าง โดยไม่มีการวิเคราะห์

อันที่จริงคำว่า UFO  (Unidentified Flying Object) ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นวัตถุบินซึ่งระบุไม่ได้ว่าเป็นอะไร

UFO กลายเป็น IFO ไปแล้ว ๘๕ % อย่างที่รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ว่า

UFO ที่หมายถึงสิ่งบินลึกลับนั้นมีจริง เพราะรายงานเรื่องนี้จากทั่วโลกมีเป็นแสนรายการ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท

๑. ประมาณ ๘๕ % อธิบายได้แล้วว่ามันคืออะไร ซึ่งมีทั้งปรากฏการณ์ในท้องฟ้า ภาพลวงตา เฮลิคอปเตอร์ บอลลูน สิ่งบินทดลอง ภาพของดาว ฯลฯ และพวกเรื่องที่กุขึ้นมา ซึ่งกว่าจะจับได้ก็อาจใช้เวลานาน

๒. อีก ๑๕ % ที่ยังอธิบายไม่ได้นั้น ส่วนหนึ่งยังจับไม่ได้ว่าเป็นภาพโกหก เป็นรายงานที่เห็นโดยคนจำนวนมาก หรือเป็นภาพถ่ายที่ตรวจสอบแล้วไม่ใช่นก ดาว ฯลฯ แต่เชื่อว่า เมื่อตรวจสอบจนมีข้อมูลมากขึ้นแล้วก็น่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มาจากนอกโลกเลย

อีก ๑๕ % ที่เหลืออยู่ จะเป็นยานของ E.T. (Extra-Terrestrial) บ้างหรือเปล่า ก็เหลือจะคาดเดา  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 265  เมื่อ 03 ก.ย. 18, 10:58

“มนุษย์ต่างดาว” ในทรรศนะ “สตีเฟน ฮอว์กิ้ง” ชายผู้ไขความลับแห่งจักรวาล

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักฟิสิกส์ชื่อดังแห่งยุค จากไปอย่างสงบในวัย ๗๖ ปี ที่บ้านพักของเขาในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นที่รู้จักจากการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำควรปล่อยรังสี ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า รังสีฮอว์กิ้ง และเขายังเป็นผู้เขียนหนังสือ A Brief History of Time ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักทั้งในแง่วิชาการ และความมีอารมณ์ขันอีกด้วย ขณะที่เขาต้องต่อสู้กับโรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม (Motor Neurone Disease-MND) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาเกือบชั่วชีวิต

เป็นที่น่าสนใจว่า  “สตีเฟน ฮอว์กิ้ง” นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เลื่องชื่อชาวอังกฤษ ถูกสอบถามเรื่อง “สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา” จากต่างดาวอยู่บ่อยครั้ง และแทบทุกครั้ง นอกเหนือจากการแสดงความเห็นในเชิง “เป็นไปได้” ที่จะปรากฏอารยธรรมต่างดาว ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตที่ก้าวหน้ามากพอที่จะท่องไปทั่วจักรวาลแล้ว ฮอว์กิ้งไม่ลืมที่จะแสดงความ “กลัว” ในการเผชิญหน้ากับ “มนุษย์ต่างดาว” เหล่านี้เอาไว้ด้วยทุกครั้งไป

ย้อนกลับไปในการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีแนววิทยาศาสตร์-ดาราศาสตร์ให้กับ “คิวริออสซิตีสตรีม” ชื่อ “สถานที่ยอดนิยมของสตีเฟน ฮอว์กิ้ง” ความยาว ๒๖ นาที นักวิทยาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่า ชาญฉลาดที่สุดผู้หนึ่งนับตั้งแต่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็มีโอกาสได้สอดแทรกความคิดเห็นเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวเอาไว้อีกครั้งด้วยคำเตือนเช่นเคย



ภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว เขียนเรื่องให้ สตีเฟน ฮอว์กิ้ง ขึ้นยานสำรวจอวกาศห้วงลึกชื่อ “เอส.เอส. ฮอว์กิ้ง” เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบ ๕ จุด ประกอบด้วย การเดินทางไปสังเกตการณ์การเกิด “บิ๊กแบง” ที่เป็นจุดเริ่มต้นกำเนิดจักรวาล, การเดินทางไปเยี่ยมชม “มอนสเตอร์แบล็กโฮล” หลุมดำขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางกาแล็กซี ทางช้างเผือก, การเดินทางไปเยือน “กลีเซ ๘๓๒ ซี” ดาวเคราะห์คล้ายโลกนอกระบบสุริยะที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า สามารถเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตได้ หลังจากนั้นก็เดินทางทัวร์ “ดาวเสาร์” ซึ่งอยู่ภายในระบบสุริยะเดียวกับโลกเรา สุดท้ายจึงร่อนลงจอดยัง “ซานตา บาร์บารา” ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งฮอว์กิ้งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อได้รับการทาบทามจาก สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย (แคลเท็ต) ให้ยกครอบครัวไปทำงานที่นั่น

ขณะเดินทางไปเยี่ยมชมอารยธรรมต่างดาวที่สร้างขึ้นตามจินตนาการของศิลปินด้วยเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์กราฟิก (ซีจี) บน กลีเซ ๘๓๒ ซี สตีเฟน ฮอว์กิ้ง กล่าวกับผู้ชมว่า วันหนึ่ง เราอาจได้รับสัญญาณจากดาวเคราะห์เหมือนเช่นดาวเคราะห์ดวงนี้

“แต่ถ้าจะตอบกลับสัญญาณดังกล่าว เราควรระมัดระวัง การเผชิญหน้ากับอารยธรรมต่างดาวที่มีความก้าวหน้า อาจลงเอยเหมือนกับการที่ชนพื้นเมืองอเมริกันเผชิญหน้ากับ (คริสโตเฟอร์) โคลัมบัส ผลที่เกิดอาจไม่ดีนัก” ฮอว์กิ้งกล่าว
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 266  เมื่อ 03 ก.ย. 18, 11:00

ความกลัวต่อมนุษย์ต่างดาวและอารยธรรมต่างดาว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นกับฮอว์กิ้ง ในสารคดีทางช่อง ดิสคัฟเวอรี เมื่อปี ๒๐๑๐ สตีเฟน ฮอว์กิ้ง เคยให้เหตุผลแห่งความกลัวเอาไว้อย่างละเอียดว่า ถ้าหากสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในต่างดาวมีอยู่จริงในจักรวาลอันไพศาลนี้ มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นอาจ “ไม่เป็นมิตร” อย่างที่มนุษย์บนโลกเราคาดหวังก็เป็นไปได้
 
ฮอว์กิ้งระบุว่า หน่วยสำรวจส่วนหน้าของอารยธรรมต่างดาวอาจตระเวนไปทั่วจักรวาลในยานอวกาศขนาดมหึมา เป้าหมายเพื่อแสวงหาวัสดุที่เป็นประโยชน์ต่ออารยธรรมของตนหลังจากที่บริโภคทรัพยากรธรรมชาติบนดาวของตนเองจนหมดสิ้นแล้ว

“มนุษย์ต่างดาวที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการดังกล่าวนั้นอาจกลายเป็นชนเผ่าเร่ร่อนของจักรวาล มองหาดาวเคราะห์สักดวงเพื่อเข้าพิชิตเอาเป็นอาณานิคมของตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้อาจเข้าไปฉกฉวยประโยชน์จากดาวเคราะห์ใหม่แต่ละดวงไปเรื่อย ๆ เพื่อประโยชน์ในการสร้างยานอวกาศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเคลื่อนกำลังต่อไป ใครจะไปรู้ว่าขีดจำกัดของพวกนี้อยู่ตรงไหน”

ในตอนหนึ่งของสารคดีชุดดังกล่าว สตีเฟน ฮอว์กิ้ง ยังเสนอแนะไว้ด้วยว่า สายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวเหล่า นี้อาจมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวพลังงานจากดาวฤกษ์ทั้งดวงไปเป็นของตัวเองได้

“เพื่อการนี้ พวกนั้นอาจเพียงแค่ติดตั้งกระจกสะท้อนแสงนับล้านชิ้นไว้ในห้วงอวกาศ ล้อมดาวฤกษ์ที่ตกเป็นเป้าหมายไว้ทั้งดวงก่อนที่จะป้อนพลังงานของดวงดาวที่รวบรวมได้ไปเก็บไว้ในจุดเก็บรวบรวมเพียงจุดเดียว”

แนวความคิดเรื่องมนุษย์ต่างดาวของฮอว์กิ้ง เป็นเพียง ๑ในหลาย ๆ แนวคิดในเรื่องนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วนักดาราศาสตร์ทั่วไป เชื่อว่าอารยธรรมต่างดาวใด ๆ ที่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะเดินทางข้ามอวกาศกว้างใหญ่มายังโลกมนุษย์ได้ ก็ต้องมีความศิวิไลซ์เพียงพอที่จะก้าวข้ามความคิดทำลายล้างเพื่อยึดครองดังกล่าวไปได้แล้วเช่นกัน

https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_308390
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 267  เมื่อ 03 ก.ย. 18, 15:09

อ้างถึง
"แต่ถ้าจะตอบกลับสัญญาณดังกล่าว เราควรระมัดระวัง การเผชิญหน้ากับอารยธรรมต่างดาวที่มีความก้าวหน้า อาจลงเอยเหมือนกับการที่ชนพื้นเมืองอเมริกันเผชิญหน้ากับ (คริสโตเฟอร์) โคลัมบัส ผลที่เกิดอาจไม่ดีนัก"

อ้างถึง
อารยธรรมต่างดาวใด ๆ ที่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะเดินทางข้ามอวกาศกว้างใหญ่มายังโลกมนุษย์ได้ ก็ต้องมีความศิวิไลซ์เพียงพอที่จะก้าวข้ามความคิดทำลายล้างเพื่อยึดครองดังกล่าวไปได้แล้วเช่นกัน

ก็อย่างว่าหละครับ ตอนที่ชาวตะวันตกสร้างเรือข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่มายังโลกใหม่ได้ พวกเขาก็ศิวิไลซ์กว่าชนพื้นเมืองของโลกใหม่ แต่ก็ไม่ได้ศิวิไลซ์ขนาดก้าวข้ามความคิดยึดครองได้ อันที่จริง ความคิดยึดครองนี่แหละ ที่ผลักดันให้พวกเขาเพียรพยายามสร้างเรือข้ามทะเล   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 268  เมื่อ 03 ก.ย. 18, 16:00

มานึกๆดู   ถ้านาซ่าเกิดค้นพบว่าดาวอังคารมีส่วนหนึ่ง(จะส่วนไหนก็เถอะ) อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่ธาตุ   เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลกับอุตสาหกรรมของโลกมนุษย์   
แต่บริเวณนั้นมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อาศัยแร่ธาตุเป็นอาหารอยู่ด้วย
เราจะปล่อยไว้ตามเดิมให้อยู่ตามประสามัน   แล้วก็สำรวจดาวดวงอื่นต่อไป
หรือว่ายูเอ็นจะประชุมนานาชาติกันขนานใหญ่เพื่อแบ่งที่จับจองพื้นที่ตรงนั้น  ทำเหมืองแร่กัน  เพื่อขนส่งทรัพยากรกลับมาใช้ต่อในโลกมนุษย์ เนื่องจากของเราร่อยหรอไปมากแล้ว

มนุษย์ต่างดาว ฉันใดก็ฉันนั้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 269  เมื่อ 03 ก.ย. 18, 17:55

ความเจริญทางวัตถุกับความเจริญทางจิตใจมักจะแปรผกผันกันเสมอ

ตัวอย่างที่คุณเทาชมพูกล่าวถึง เจมส์ คาเมรอนได้ให้คำตอบไว้แล้ว เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยระหว่าง คาวบอยอเมริกัน กับ ชนพื้นเมืองอเมริกันอินเดียน

ทีนี้มาถึงเรืองมโนของ เจมส์ คาเมรอน ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "อวตาร" (Avatar) เหตุการณ์ในเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างมนุษย์ (ผู้รุกราน) กับชาวนาวี (Na'vi ชนพื้นเมือง) บนดาวแพนดอรา (Pandora) ซึ่งเป็นดวงจันทร์ของดาวแก๊สยักษ์โพลีฟีมัส (Polyphemus) ซึ่งโคจรรอบอัลฟา เซ็นทอรีเอ (ซึ่งความจริงยังไม่มีการค้นพบดาวบริวาร)

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 32
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.098 วินาที กับ 19 คำสั่ง