เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 28
  พิมพ์  
อ่าน: 177073 สัตว์ประหลาด 2
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



 เมื่อ 14 พ.ค. 13, 14:27

วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖  ที่ประเทศชิลี Oscar Munoz ได้พบสิ่งที่ทำให้โลกต้องตะลึง ขณะหาสมบัติในเมืองร้าง La Noria ที่อยู่กลางทะเลทราย Atacama  สิ่งที่เขาค้นพบห่อหุ้มด้วยผ้าขาวอยู่ใกล้ ๆ โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง

สิ่งนั้นคือโครงกระดูกประหลาดยาวเท่า ๆ กับปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่ง (ประมาณ ๖ นิ้ว) มีฟันแข็ง มีกระโหลกศีรษะปูนโนนเหมือนกับภาพมนุษย์ต่างดาวที่เราท่านเคยเห็นในภาพยนตร์ กระดูกซี่โครงมี ๙ คู่ (คนปรกติมีกระดูกซึ่โครง ๑๒ คู่)

บางคนว่าเป็นลูกกรอก, บ้างก็ว่าเป็นลิง และที่ไม่พ้นการคาดเดา หลายคนว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว



คุณคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร   ยิ้มเท่ห์



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 14 พ.ค. 13, 14:41

บางคนว่าเป็นลูกกรอก, บ้างก็ว่าเป็นลิง และที่ไม่พ้นการคาดเดา หลายคนว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว

คนไทยเราอาจจะคิดเลยไปถึงนารีผลหรือมักกะลีผล เหมือนอย่างสัตว์ประหลาด ๒ ตัวนี้

แล้วสัตว์ประหลาด ๒ ตัวนี้ล่ะ

พบในเมืองไทยนี้เอง

คุณเทาชมพูว่าเป็นตัวอะไร

ใช่มนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า



นารีผลหรืออะไรสักอย่างทำนองนั้น   อ้างว่าเก็บมาได้จากต้นในป่าหิมพานต์     ก็หลอกกันน่ะแหละ   ดูเหมือนจะมีคนแห่กันไปขอเลขเด็ดกันตามธรรมเนียม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 14 พ.ค. 13, 16:11

แกสร้างขึ้นมาเองน่ะซิ   เป็นนักเล่นกลไม่ใช่หรือคะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 14 พ.ค. 13, 16:30

ฝรั่งชื่อซ้ำกันเยอะแยะ   ยิ้มเท่ห์

Oscar Munoz คนที่พบโครงกระดูกประหลาดเป็นคนชิลี   ส่วนที่เป็น นักเล่นกล (ข้างล่าง) เป็นชาวอเมริกัน

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 16 พ.ค. 13, 21:05

บางคนว่าเป็นลูกกรอก, บ้างก็ว่าเป็นลิง และที่ไม่พ้นการคาดเดา หลายคนว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว

คุณคิดว่าสิ่งนี้คืออะไร   ยิ้มเท่ห์

มีการตั้งชื่อโครงกระดูกจิ๋วนี้ว่า "อะตาคามา ฮิวมานอยด์" หรือ "อะตา" (ตามชื่อทะเลทราย)  ซึ่งเป็นปริศนาของนักวิทยาศาสตร์และนักค้นคว้าเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาตลอด ๑๐ ปี จนกระทั่งเมื่อดร.สตีเฟน เกียร์ ผู้ก่อตั้งโครงการดิสโคลสเชอร์ โปรเจกท์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีโอกาสในการศึกษาโครงร่างของอะตาอย่างถี่ถ้วน ทั้งใช้การเอกซเรย์โครงสร้าง และยังสกัดดีเอ็นเอจากไขสันหลังไปตรวจ ก็ได้คำตอบแบบหักปากกาเซียนมนุษย์ต่างดาวกันเลย เพราะพบว่า "อะตา" เป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน มากกว่าชิมแปนซี และโครงกระดูกที่มีความยาว (สูง) เพียง ๖ นิ้วนี้ เป็นมนุษย์ที่มีอายุราว ๖-๘ ปี เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน
 


ถึงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็นมนุษย์จิ๋วสูงเพียง ๖ นิ้ว แค่นี้ก็แสนจะประหลาดล้ำแล้ว  ยิ้มเท่ห์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เดลิเมล

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 19 พ.ค. 13, 23:14

"อะตา" โครงกระดูกจิ๋วทีชิลีนี้ มีความเหมือนกับซากประหลาดที่ค้นพบเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่เมือง Kishtim ประเทศรัสเซียมาก  พบโดยหญิงสูงอายุคนหนึ่งซึ่งเล่าว่าขณะที่พบมันยังมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ เธอให้ชื่อมันว่า "Alyosha"  มีความยาวใกล้เคียงกับ "อะตา" คือประมาณ ๗-๘ นิ้ว  แต่มันก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา



ข่าวในหนังสือพิมพ์รัสเซีย   ขยิบตา


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 19 พ.ค. 13, 23:30

ขอให้สังเกตส่วนของกระโหลกศีรษะของ "Alyosha" กับ "อะตา" ที่เหมือนกัน คือยาวผิดรูปต่างจากกระโหลกของมนุษย์ปรกติ   ตกใจ 



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 20 พ.ค. 13, 08:39

ถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ก็ไม่น่ารวมไว้ในกระทู้ สัตว์ประหลาด
ยังสงสัยเรื่องนี้มาก     ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งจริงๆ  เผ่าพันธุ์พวกเขาอยู่ที่ไหน  ทำไมไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน
จริงอยู่ว่ามนุษย์บางเผ่าก็มีรูปร่างเล็กมาก เช่นพวก pygmy  ผู้ชายโตเต็มที่สูงประมาณ 150 ซ.ม. เท่านั้น  แต่ร่างกายก็ยังโตพอจะดำรงชีวิตได้อย่างมนุษย์อื่นๆ
แต่พวกอะไรที่เอารูปมาลง   สูงแค่ไม่กี่นิ้ว  ร่างกายคนหรือสัตว์ที่เล็กหรือใหญ่เกินสมควรจะดำรงชีวิตอยู่ไมได้   อย่าง Alyosha  ถ้าเป็นเรื่องจริง สมัยมีชีวิตอยู่ เขาอยู่ได้ยังไง  กินอะไร    พ่อแม่พี่น้องเขาอยู่ไหน   
หรือในที่สุดจะไปลงที่มนุษยต่างดาวอีก?


v
v
pygmy


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 20 พ.ค. 13, 09:45

ถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ก็ไม่น่ารวมไว้ในกระทู้ สัตว์ประหลาด

นักวิทยาศาสตร์ใช้คำว่า "ฮิวมานอยด์ -Humanoid" เรียกโครงกระดูกและซากประหลาดเหล่านี้ หมายความว่า สิ่งที่คล้ายมนุษย์ สำหรับโครงกระดูกจิ๋วที่ชิลีที่ ดร.เกียร์ ว่าน่าจะเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่ง ก็น่าจะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้น

อาจจะเป็นนารีผลหรือมักกะลีผลพันธุ์หนึ่งก็ได้ ใครจะรู้  ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 19:55

อาจจะเป็นนารีผลหรือมักกะลีผลพันธุ์หนึ่งก็ได้ ใครจะรู้  ยิ้มเท่ห์


ฝรั่งก็มีความเชื่อเรื่องผู้หญิงที่เกิดจากต้นไม้เหมือนไทยเราเชื่อเรื่อง "นารีผล" เหมือนกัน แต่ของฝรั่งเป็น "นารีราก"

ชื่อฝรั่งคือ Mandrake หรือ Mandragora



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 24 พ.ค. 13, 23:10

อันที่จริง Mandrake มีทั้งเพศหญิงและเพศชาย ฝรั่งเชื่อว่าต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกสีขาวและเป็นเพศชาย ส่วนต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ร่วงจะมีดอกสีดำและเป็นเพศหญิง  และเมื่อมีอายุมากขึ้นก็อาจผุดขึ้นจากดินเดินเผ่นผ่านไปมาได้   ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 25 พ.ค. 13, 14:35

ในวิชาสมุนไพรศาสตร์ ที่เรือนกระจก ๓ ศาสตราจารย์โพโมนา สเปราต์ แห่ง"โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์"  ถามนักเรียนปีสองว่า

"ใครจะบอกฉันได้บ้างถึงคุณสมบัติของรากแมนเดรก"

เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างมั่นใจว่า

"แมนเดรก หรือแมนดราโกร่า ใช้เพื่อคนที่ถูกสาปหรือแปลงร่างกลับคืนสภาพ แต่มันเป็นอันตราย เพราะเสียงร้องของแมนเดรก อาจทำให้คนที่ได้ยินถึงตายได้"              

ศาสตราจารย์โพโมนา สเปราต์ อธิบายเพิ่มเติมว่า

"ตอนนี้ต้นแมนเดรกของเรายังเล็กอยู่มาก เสียงจึงทำให้ได้แค่สลบเท่านั้น   เฮอร์ไมโอนี่ยังบอกไม่หมดนะ นอกจากจะรักษาคำสาปได้แล้ว มันยังเป็นส่วนประกอบในเวทมนตร์ศาสตร์ นอกจากนี้ยังทำให้จิตหลอนและส่งผลให้เรื่องเสน่ห์และพลังทางเพศด้วย"



แมนเดรกในนิยายเรื่อง "แฮรรี่ พอตเตอร์ ตอนห้องแห่งความลับ" ให้ภาพแมนเดรกตามความเชื่อของฝรั่งที่เล่าสืบกันมาอย่างชัดเจน  แมนเดรก หรือ "มนุษย์ราก" พันธุ์นี้ อาจจะมีจริงใน "แดนหิมพานต์" ของฝรั่ง แล้วลุกขึ้นจากดินผ่านมิติสู่โลกที่เราท่านอาศัยอยู่ ดังที่เราพบหลักฐานที่ชิลีและรัสเซียก็ได้

พล็อตเรื่อง "มนุษย์ราก" นี้เด็ดพอจะเขียนเป็นนิยายเรื่องยาวไหมหนอ




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 25 พ.ค. 13, 15:22

อันที่จริง Mandrake มีทั้งเพศหญิงและเพศชาย ฝรั่งเชื่อว่าต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกสีขาวและเป็นเพศชาย ส่วนต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ร่วงจะมีดอกสีดำและเป็นเพศหญิง  และเมื่อมีอายุมากขึ้นก็อาจผุดขึ้นจากดินเดินเผ่นผ่านไปมาได้   ยิงฟันยิ้ม
เพ่นพ่านค่ะ ซายาเพ็ญ


พล็อตเรื่อง "มนุษย์ราก" นี้เด็ดพอจะเขียนเป็นนิยายเรื่องยาวไหมหนอ

ถ้านักเขียนดังเขาเอาไปเขียนแล้ว    นักเขียนใหม่ไม่ควรเอามาเขียนซ้ำ    มันไม่ครีเอทหนอ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 25 พ.ค. 13, 16:00

อันที่จริง Mandrake มีทั้งเพศหญิงและเพศชาย ฝรั่งเชื่อว่าต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกสีขาวและเป็นเพศชาย ส่วนต้นที่มีดอกบานในฤดูใบไม้ร่วงจะมีดอกสีดำและเป็นเพศหญิง  และเมื่อมีอายุมากขึ้นก็อาจผุดขึ้นจากดินเดินเผ่นผ่านไปมาได้   ยิงฟันยิ้ม
เพ่นพ่านค่ะ ซายาเพ็ญ

ขอบพระคุณที่กรุณาแก้ไข

พิมพ์หนังสือตอนดึก ผลก็เป็นอย่างนี้แหละหนอ

เฮ้อ   ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 28 พ.ค. 13, 14:56

แมนเดรก หรือ "มนุษย์ราก" พันธุ์นี้ อาจจะมีจริงใน "แดนหิมพานต์" ของฝรั่ง แล้วลุกขึ้นจากดินผ่านมิติสู่โลกที่เราท่านอาศัยอยู่ ดังที่เราพบหลักฐานที่ชิลีและรัสเซียก็ได้

แมนเดรกในแดนหิมพานต์ของฝรั่ง รากของมันเป็นพวก humanoid สามารถส่งเสียงร้อง ยืน เดินได้

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นพืชชนิดหนึ่งชื่อว่า  Mandragora officinarum   มีรากรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ เหมือนกับพืชชนิดหนึ่งที่คนไทยค่อนข้างคุ้นเคยคือ "โสม"

ในแดนหิมพานต์ (ฝรั่ง) เป็นสัตว์ประหลาด  แต่ในโลกมนุษย์ เป็นพืชธรรมด๊า ธรรมดา  ยิงฟันยิ้ม

ซ้ายคือ "แมนเดรก"  ขวาคือ "โสม" 


บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 28
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 19 คำสั่ง