เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
อ่าน: 10772 เราจะซื้ออาหารฝรั่งในไทยได้จากไหน - ในอดีต
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



 เมื่อ 22 พ.ค. 13, 19:48

เรียนสมาชิกเรือนไทยทราบ

เนื่องจากกระแสละครย้อนยุคช่วงนี้มาแรง พระเอกนางเอกบางทีทำตัวเปิ้ดสะก๊าด รับประทานอาหารฝรั่งกัน ข้าพเจ้าดูแล้วสงสัยนิดๆว่า

ในอดีตน้ั้นเมืองไทยสมัยก่อน อย่างครั้งรัชกาลที่ ๕ หรือ ช่วงพ.ศ. ๒๕๐๐ เราจะหาซื้อพวก นม เนย แป้ง แยม จากที่ไหน เพราะดูไม่น่าผลิตได้ในไทย

รบกวนท่านผู้รู้วานเล่าให้ข้าพเจ้าฟังที

ขอบพระคุณอย่างสูง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 20:10

ก็เข้าไปซื้อในห้างนั่นแหละคุณหาญปิง มีให้เลือกทั้งห้างฝรั่งและห้างไทย

ห้างฝรั่งที่ขึ้นชื่อก็ต้อง ห้างแบดแมน

เคยได้ยินชื่อห้างแบดแมนมาตั้งแต่เด็กๆ  คู่กับชื่อห้างไว้ท์อะเวย์ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ไหน   ไปถามลุงเกิ้นดูถึงรู้ว่ามีชื่อเต็มๆว่า ห้างแบดแมน แอนด์ กำปะนี (Harry A. Badman and Go.,) สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) นับว่าเป็นห้างฝรั่งรุ่นแรกๆ ของบ้านเมืองไทย เดิมที "ห้างแบดแมน" ตั้งอยู่ที่หัวมุมกระทรวงมหาดไทย ถนนบำรุงเมือง ก่อนจะย้ายมาตั้งอยู่ที่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา หัวถนนราชดำเนินกลาง
"ห้างแบดแมน" เริ่มกิจการเมื่อปี 2422 เป็นห้างขายของจากต่างประเทศ คล้ายๆ ห้างสรรพสินค้าในปัจจุบัน และเล่าลือกันว่าห้างแบดแมนมีความหรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่นำมาขาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของฝรั่งทันสมัย เช่นสุรา ยารักษาโรค และพืชไร่ที่ต้องสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นห้างที่เจ้านายและพระบรมวงศานุวงศ์เข้ามาซื้อ สินค้ากันมาก

เวลาต่อมาเมื่อห้างแบดแมนได้ปิดตัวลง อาคารถูกใช้เป็นตึกกรมโฆษณาการ แล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็นกรมประชาสัมพันธ์






ถ้าเป็นห้างไทยก็ต้อง ห้างสิทธิพันธ์ ห้างสันตโภชน์ ห้างคู่แฝดที่อยู่ใกล้ ๆ กัน

สันตโภชน์หุ้นจำกัด ป้ายอักษรหน้าห้าง



บรรยากาศในห้าง สะอาด เรียบร้อย น่าเดินช็อบปิ้ง


ร้านค้าที่ลงทุนโดยคนไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๕๓  ได้แก่ ห้างสิทธิพันธ์ ตั้งอยู่ที่ถนนเฟื่องนคร ซึ่งนอกจากจำหน่ายสินค้าทั่วไป ยังรับตกแต่งบ้านเรือนด้วย ซึ่งยุคนั้นเป็นที่นิยมของเจ้านาย และขุนนาง ห้างสันตโภชน์ จำหน่ายผลไม้ ไม้แปรรูป อาหารแห้ง ต่อมาได้ขยายกิจการเป็นร้านอาหาร บาร์ เลาจน์ ร้านขายสรรพสินค้า เสื้อผ้าสตรี และขายยา ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายในห้างดังกล่าวเป็นสินค้าจากต่างประเทศ มีราคาแพง และเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

ข้อมูลจาก วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๔ เรื่องการขยายตัวของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และผลกระทบต่อร้านขายของชำดั้งเดิม ของ คุณคุณาธิป แสงฉาย หน้า ๒๗

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 20:12

คนไทยสมัยรัชกาลที่ ๖ มีนมสด นมข้น แป้งทำขนมเค้ก  เนยแท้   ขนมปัง ปลากระป๋องจากเมืองนอกกินกันแล้วนะคะ   เอามาจากไหน ก็ส่งมาจากเมืองนอกน่ะซีคะ  
เครื่องดื่มอย่างฮอลิกซ์   ซอสแม็กกี้ ก็มีกิน  ชาของอังกฤษก็มี
แม่ดิฉันชอบทำขนมเค้ก   ไปซื้อแป้งสาลี  นม  เนย  จากร้านเสรีวัฒน์ที่สะพานหัน สมัยพ.ศ. 2500  พวกเชอรี่เชื่อม ลูกองุ่นแห้งที่เราเรียกว่าลูกเกต   ก็มีขาย  แม่ซื้อมาประจำเพราะชอบทำฟรุ้ทเค้ก
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 21:41

อ่านกระทู้นี้ทำให้อยากกินขนมปังทาแยมสตรอเบอรี่ขึ้นมาทันทีเลย ต้องไปหาซื้อซะแล้ว กำลังลดความอ้วนอยู่แท้ๆ  ขยิบตา  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 22:00

กินผ่านกระทู้นี้ ไม่อ้วนนะคุณประกอบ


บันทึกการเข้า
ท.เอริณวลี
อสุรผัด
*
ตอบ: 6


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 23:00

ตามโรงแรมมีห้องอาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศสให้เลือกทานแล้วด้วยนี่คะ สมัยนั้น
วัตถุดิบทำอาหารพวกนั้นได้ ก็นมเนยทั้งนั้น
ถ้าผลิตเองยังไม่ได้ก็น่าจะนำเข้ามาอย่างที่คุณเทาชมพูได้ตอบไว้
เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋ายังมีนำเข้า วัตถุดิบทำอาหารก็น่าจะมีบ้างล่ะค่ะ
เคยอ่านมาจากไหนจำไม่ได้แล้ว กล่าวถึงห้างแบดแมน แต่ไม่มีรูปให้ดู
เพิ่งจะเห็นก็วันนี้ สมัยก่อนห้างไม่เหมือนห้างเลยนะคะ
ดูทึมๆ แต่ชอบนะคะ คิดว่าสวยดี
ดูภายนอกแล้วเหมือนกับของทางยุโรปที่สมัยนี้ก็ยังมีลักษณะอาคารที่ภายนอกดูเป็นแบบในรูป
เช่น Harrods ที่ลอนดอน เป็นต้นค่ะ

ออกนอกเรื่องไปไกล ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่
แต่อยากแสดงความเห็นด้วยน่ะค่ะ
5555
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 22 พ.ค. 13, 23:17

อดใจไว้ยังไม่ไปหาซื้อแยม ดูรูปท่านอาจารย์เอามาวางไว้เพิ่มกิเลสไปก่อน


ถ้าจำไม่ผิดเจ้านายในสมัย ร.4 ร.5 หลายพระองค์ก็โปรดเสวยอาหารฝรั่ง  อย่างเช่นสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เป็นต้น  ถ้าผมจำไม่ผิดเคยอ่านจากบันทึกของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัยว่าสมัยที่พระองค์ท่านต้องลี้ภัยไปปีนัง จนต่อถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การคมนาคมลำบาก สินค้าจากทางตะวันตกไม่มี ต้องสงวนอาหารทางตะวันตกไว้ทำถวายสมเด็จฯ เท่านั้น


นอกจากนั้นในนิยายพล นิกร กิมหงวน ซึ่งแสดงภาพชีวิตคนไทยช่วงก่อนสงครามโลกจนถึงปี 2510 ได้อย่างดี อาหารเช้าที่คณะพรรคสี่สหายกินกันตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของหัสนิยายนี้ก็จะเป็นพวกไส้กรอก ไข่ดาว หมูแฮมแล้ว  คิดว่าค่านิยมอาหารฝรั่งน่านิยมมาตั้งแต่สมัยปลาย ร.4 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในหมู่สังคมชั้นสูง ทั้งด้วยรสชาติที่ต่างจากอาหารไทย และด้วยความโก้เก๋ด้วย


อาหารฝรั่งแปรรูจปำนวนมากตั้งแต่อดีตจนแม้แต่ในปัจจุบันจะบรรจุไว้ในขวดแก้วหรือกระป๋องครับ  ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการขนส่งทีละหลายๆ เดือน   บ้านเราหรือแถวเมืองไทยในปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยเห็นแฮมหรือไส้กรอกกระป๋อง  แต่อย่างในอังกฤษนี่ไส้กรอกกระป๋อง ไส้กรอกในน้ำเกลือบรรจุขวดแก้ว  ชีสในน้ำมันมะกอก พวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาและหาได้ในซูเปอร์มาเก็ตทั่วไปครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
han_bing
นิลพัท
*******
ตอบ: 1622



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 06:58

อันนี้ถามด้วยความสงสัยนะครับ

ของจำพวกเนยที่พอจะละลายได้ กว่าจะขนส่งมาเมืองไทยไม่ละลายหรือครับ หรือยุคนั้นไทยเรามีเครื่องรักษาความเย็น

ผมไปอ่านง่ายวิจัยเล่มหนึ่ง หาซื้อยากมาก ของฝรั่งเขียน แต่ว่าบังเอิญเมืองจีนมีให้ดาว์โหลดฟรี เรื่องพัฒนาการอาหารในอาณานิคม ศึกษาเฉพาะอาณานิคมอังกฤษในอินเดีย และแถบมลายา

เขาบอกว่า ฝรั่งที่มาแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆล้วนนำเข้ามาจากออสเตรเลีย กระทั่งเนื้อสัตว์แช่แข็ง

พูดไปเลยนึกสงสัยว่า ของจำพวกผลไม้ แอปเปิ้ล องุ่น พวกนี้เมืองไทยสมัยโน้นก็มีขายหรือเปล่า

อันนี้เป็นความสงสัยส่วนตัว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 09:06

คุณหาญบิงคงจำกระทู้เก่า ของเสวยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  ได้

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4290.0

เครื่องปรุงแบบฝรั่ง มีหลากหลายในตำราอาหารฝรั่งเหล่านี้

เล่ากันว่าชาววังสมัยรัชกาลที่ 5  เป็นโรคเหม็นนมเหม็นเนย คือทนกลิ่นอาหารฝรั่งไม่ได้   ข้อนี้ก็แสดงว่าอาหารฝรั่งเข้ามาแพร่หลายในวังจนเป็นที่รู้จัก  แม้แต่ชาวบ้านก็รู้จัก   
ในหนังสืองานศพของแม่  แม่เล่าว่าคุณปู่ของท่านซึ่งเป็นคนสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6  ชอบรับประทานข้าวผัดเนย 
เนยมาจากไหน   ดิฉันเชื่อว่าส่งมาจากสิงคโปร์ เช่นเดียวกับน้ำแข็ง    คงจะมีภาชนะที่ปิดมิดชิดเพื่อรักษาเอาไว้ไม่ให้เสีย   

แอปเปิ้ลสด องุ่นสด ในรัชกาลที่ 5  ไม่แน่ใจว่าส่งมาถึงสยามหรือยัง    แต่องุ่นแห้งที่เรียกว่าลูกเกตมีแล้ว      หลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ประมาณพ.ศ. 2500   แอปเปิ้ลกับองุ่นมีขายแถวสะพานหันค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 09:13

ลาลูแบร์เล่าเกี่ยวกับเรื่องนมเนยและองุ่นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ว่า

เขา (ชาวสยาม) มีน้ำนมของนางกระบือ ซึ่งมีครีมมากกว่าน้ำนมของนางโค แต่เขามิได้ทำเนยแข็งหรือเนยอ่อนบริโภคกันแต่อย่างใด เนยอ่อนนั้นจับเป็นตัวได้ยากเพราะอากาศร้อนจัด และเนยอ่อนที่นำมาจากเมืองสุรัตกับเบ็งกะหล่านั้นเมื่อถูกอากาศร้อนจัดเข้าก็มีกลิ่นไม่สู้ดีและละลายคืนตัวเสียเกือบหมดเมื่อมาถึง...

ไม่ว่าพันธุ์ผลาผลหรือพันธุ์บุปผชาติอย่างใด ซึ่งโดยธรรมชาติก็มีรสจัดและกลิ่นจัดแล้ว ก็มิอาจเก็บรักษาไว้ได้ด้วยดีในประเทศที่มีอากาศร้อนจัด ฉะนั้นถึงแม้จะมีผลองุ่นในประเทศเปอร์เซียและเมืองสุรัต ก็ไม่อาจเพาะพันธุ์มุสกาต์ให้ขึ้นได้ไม่ว่าจะบำรุงเลี้ยงสักเพียงไร ต้นตอพันธุ์ดีที่นำมาจากทวีปยุโรปก็จะเสื่อมพันธุ์ลงในชั้นต้น และให้ผลในปีที่สองโดยกลายเป็นองุ่นธรรมดาสามัญพันธุ์พื้นเมืองเท่านั้น

แต่ในสยามซึ่งภูมิอาศยิ่งร้อนจัดกว่านั้น ก็ไม่มีองุ่นดีได้เหมือนกัน เถาองุ่นน้อยต้นที่ปลูกขึ้นได้ที่เมืองละโว้ในพระราชอุทยานนั้นก็ได้ผลเป็นพวงองุ่นชนิดเลว เมล็ดในเล็กและมีรสขม


จากหนังสือ "จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม" แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 10:39

กำลังอ่านนิราศหนองคายอยู่ในกระทู้ใกล้ๆนี้  เจอตอนหนึ่งบอกว่าเมื่อทัพเจ้าพระยามหินทรฯกำลังจะเคลื่อนจากหาดพระยาทศ ไปแก่งคอย สระบุรี   มีฝรั่งชาวอเมริกัน นั่งเรือกำปั่น เอาข้าวของเครื่องใช้และของกินจากเงินเรี่ยไรมาให้

ได้จัดซื้อผ้าห่มขนมปัง              กับอีกทั้งหยูกยารักษาไข้
ยาโกรกกรากใบตองสำรองไป      ทั้งขีดไฟชาหีบรีบเอามา

เหตุการณ์นี้เกิดในพ.ศ. 2418  ช่วงต้นรัชกาลที่ 5   สยามมีขนมปังและชาหีบ  (คือชาอังกฤษ ไม่ใช่ชาจีน) ไว้กินแล้ว   ขนาดส่งไปให้เจ้าพระยามหินทรฯ ถึงกองทัพของท่าน   โก้ไม่น้อยเลยเชียว
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 11:44

กำลังอ่านนิราศหนองคายอยู่ในกระทู้ใกล้ๆนี้  เจอตอนหนึ่งบอกว่าเมื่อทัพเจ้าพระยามหินทรฯกำลังจะเคลื่อนจากหาดพระยาทศ ไปแก่งคอย สระบุรี   มีฝรั่งชาวอเมริกัน นั่งเรือกำปั่น เอาข้าวของเครื่องใช้และของกินจากเงินเรี่ยไรมาให้

ได้จัดซื้อผ้าห่มขนมปัง              กับอีกทั้งหยูกยารักษาไข้
ยาโกรกกรากใบตองสำรองไป      ทั้งขีดไฟชาหีบรีบเอามา

เหตุการณ์นี้เกิดในพ.ศ. 2418  ช่วงต้นรัชกาลที่ 5   สยามมีขนมปังและชาหีบ  (คือชาอังกฤษ ไม่ใช่ชาจีน) ไว้กินแล้ว   ขนาดส่งไปให้เจ้าพระยามหินทรฯ ถึงกองทัพของท่าน   โก้ไม่น้อยเลยเชียว

ชาหีบ เป็นแบบนี้ไหม  ฮืม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 11:46

ลองเข้ามาเยี่ยมชมห้องเครื่องในพระราชวังสวนดุสิต จะเห็นชุดเครื่องครัว เป็นของต่างประเทศทั้งสิ้น


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 12:38


ชาหีบ เป็นแบบนี้ไหม  ฮืม

ตอนเตรียมเสบียงเดินทาง  ท่านผู้หญิงมหินทรฯ น่าจะสั่งนายทิมให้ขนชาจีนไปให้เจ้าคุณสักหนึ่งหรือสองกุรุสแล้วมั้ง  คุณหนุ่มสยาม
ฝรั่งนั่งเรือกำปั่นไฟไปทั้งที   น่าจะมีอะไรที่หายากกว่านั้น

ชาหีบแบบนี้ก็มีค่ะ   


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 23 พ.ค. 13, 13:30

ได้จัดซื้อผ้าห่มขนมปัง              กับอีกทั้งหยูกยารักษาไข้
ยาโกรกกรากใบตองสำรองไป      ทั้งขีดไฟชาหีบรีบเอามา

ขนมปังกับเรื่องชา          หมดกังขาเรื่องความหมาย
โกรกกรากยาอะไร         ใบตองใช้ทำไมกัน



บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 20 คำสั่ง