ขอย้อนกลับไปสู่ต้นเรื่อง สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่านนิราศหนองคาย จะได้เข้าใจความเป็นมา ส่วนท่านที่รู้เรื่องดีแล้วข้ามค.ห.นี้และต่อจากนี้ไปก็ได้ ไปรอท้ายกระทู้ได้เลยค่ะ

พื้นหลังของเรื่องนี้มีอยู่ว่าในพ.ศ. 2418 เกิดศึกฮ่อมารุกรานเมืองหนองคาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯจึงโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรงเป็นแม่ทัพแรก ยกกองทัพออกจากกรุงเทพมหานคร เดินทางเรือไปขึ้นบกที่สระบุรี แล้วเดินทางต่อไป ส่วนกองทัพที่สอง มีเจ้าพระยาภูธรภัย สมุหนายก ยกพลออกจากรุงเทพมหานคร ไปขึ้นบกที่เมืองอุตรดิตถ์ และเดินทางไปยังเมืองหลวงพระบาง
ในกองทัพของเจ้าพระยามหินทรฯ มีนายทิม ทนายคนสนิทของท่านเดินทางไปด้วย นายทิมได้บันทึกเรื่องราวการเดินทางไว้ชื่อว่า นิราศหนองคาย ซึ่งเนื้อหาเน้นบันทึกเหตุการณ์ล้วนๆ ไม่ใช่บันทึกเส้นทางแบบคร่าวๆ แต่หนักไปทางอารมณ์รักของกวีอย่างที่นิยมกันในการแต่งนิราศสมัยต้นรัตนโกสินทร์
การเดินทัพของเจ้าพระยามหินทรฯ มีอุปสรรค เมื่อเดินทางจากสระบุรีไปถึงหาดพระยาทด แขวงเมืองสระบุรี ก็ไม่สามารถเคลื่อนทัพต่อไปได้ เนื่องจากเป็นฤดูฝน ฝนตกหนัก น้ำท่วมในดงพระยาไฟ เกรงว่าไพร่พลจะเป็นอันตราย จึงต้องหยุดชะงักอยู่กลางทาง
ส่วนทางเมืองหนองคาย เจ้าพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) ซึ่งเป็นข้าหลวงออกไปตั้งสักเลกอยู่ในมณฑลร้อยเอ็ดคุมกองทัพเมืองนครราชสีมากับพระยานครราชเสนี (กาจ สิงห์เสนี) ตอนนั้นยังเป็นพระยาปลัด กับพระยกกระบัตรเมืองนครราชสีมา ยกไปตีพวกฮ่อที่เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไปอยู่ที่เมืองเชียงขวางในแขวงพวน
ทางกรุงเทพฯทราบข่าว เห็นว่าพวกฮ่อยังไม่หมดกำลังอาจกลับมารบใหม่อีก จึงเร่งรัดกองทัพเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ให้เดินทัพต่อไปอย่าหยุด ท่านจึงเคลื่อนกองทัพไปถึงเมืองนครราชสีมา ไปทางเมืองพิมาย เมืองพุทไธสง ขณะนั้นกองทัพเจ้าพระยาภูธรราภัยได้ยกไปถึงเมืองหนองคาย เข้าโจมตีพวกฮ่อจนแตกพ่ายไป
ดังนั้นทางกรุงเทพมหานคร จึงได้มีท้องตราคำสั่งให้เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง จัดแบ่งทหารออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งให้ไปสมทบกับเจ้าพระยาภูธราภัย อีกส่วนหนึ่งให้เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ นำกลับมาถึงกรุงเทพมหานคร เมื่อเดือน 5 ปีชวด อัฐศก พุทธศักราช 2419 รวมเวลายกกองทัพไป และกลับทั้งสิ้น 8 เดือน