โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คสร้างปรากฎการณ์สั่นสะท้านสังคมอีกครั้ง
เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งสร้างสื่อการสอนเป็นคลิปวิดิโอมาเป็นปีไม่มีใครรู้จัก
มีคนเห็นแล้วนำขึ้นยูทูป ไม่กี่วันสั่นสะท้านโซเชียลยอดคลิกพุ่งกระฉูด…
เดลินิวส์เปิดครึ่งหน้าสัมภาษณ์วันอาทิตย์ ยอดพุ่งจาก 60,000 เป็น 250,000
วันนี้ “ลมเปลี่ยนทิศ สะกิดแรงๆ เอาคลิป “เสียกรุงครั้งที่ 2″ จิตสำนึกของคนรุ่นใหม่ มาด่าคนแก่หัวดำหัวหงอกที่กำลังทำลายขื่อแปบ้านเมืองว่า...
"คุณกีรติ บอกว่า คลิปนี้อาจไม่ถึงขนาดทำให้คนต่างขั้วต่างสี กลับมาปรองดองกัน แต่หวังว่าเมื่อคนกลุ่มต่างๆได้ดูคลิปนี้แล้ว จะหยุดคิดสักนิดหนึ่ง สิ่งที่เราทำอยู่ เราทำเพื่ออะไร เพื่อตัวเอง เพื่อฝ่ายของเราเท่านั้น หรือเพื่อทุกคน ถ้าคุณทำให้ชาติบ้านเมืองอ่อนแอ สุดท้ายมันก็นำภัยมาสู่ตัวคุณ และพวกเราทุกคน
ผมก็ได้แต่ชื่นชม คุณกีรติ แม้จะเป็นเด็กหนุ่มวัย 23 แต่กลับมี ความคิดสูงส่ง ยิ่งกว่าพวกหัวหงอกดำมากมาย ผมเชื่อว่าคนพวกนั้นคงรู้ตัวเองดี กำลังร่วมกันทำลายกฎกติกาขื่อแปบ้านเมืองเพื่ออะไร นี่คือเรื่องเศร้าอันแท้จริงของประเทศไทย
ก็ได้แต่หวัง สถาบันศาล จะอยู่รอดปลอดภัย “ไม่ต้องเลือกพวก” เหมือนคนในสภาและรัฐบาล มิฉะนั้น ความยุติธรรม ก็คงจะไม่เหลือ."
“ลม เปลี่ยนทิศ” ปิดท้ายคอลัมน์
ก็ไม่รู้ว่าลงแส้แรงๆ ขนาดนี้ พวกกำลังจะล้มหลักการบ้านเมืองมันจะมีสำเหนียกเรียกสำนึกและสติปัญญากลับมาไดด้หรือเปล่า
หรือเราจะรอกันอีกนิด รอวันที่ประชาชนทั้งประเทศทนดูพวกมันล้มหลักการบ้านเมืองไม่ไหว ออกมาทำอะไรให้มันได้สำนึก
เฮ้ยไอ้หงอกที่สอนประวัติศาสตร์ เอ็งดูเด็กๆ เค้าทำให้ดูแล้ว สอนประวัติศาสตร์ยังไงจึงจะเป็นการสอนที่สร้างสรรค์
ใช้หัวโตๆ สมองน้อยๆ คิดเอาเองบ้าง ไม่อายเด็กมันหรือไงวะ
แคน ไทเมือง
เดลินิวส์สัมภาษณ์ เจ้าของคลิป “สื่อการสอน” ไว้ดังนี้…
ส่งต่อกันในโลกออนไลน์ ทั้งแชร์ ทั้งไลค์ ด้วยเนื้อหาโดนใจที่พูดถึงการเสียกรุงครั้งที่ 2 เสียดสีเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เจ็บจี๊ดโดนใจ จนทำให้ “จดหมายเหตุกรุงเสีย” กลายเป็นคลิปฮอตขึ้นมา
“จดหมายเหตุกรุงเสีย” เป็นผลงานของ “กิ้น-กีรติ วรรณเลิศศิริ” อายุ 23 ปี ปัจจุบันเพิ่งเริ่มทำงานในตำแหน่งกราฟิกดีไซเนอร์ ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นศิลปะนิพนธ์ช่วงที่กำลังศึกษา ปี 4 ภาควิชานิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเขาได้นำขึ้นไปโพสต์ไว้ที่เว็บไซต์หนึ่งเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว
เนื้อหาในคลิปวิดีโอได้พูดถึงประวัติศาสตร์การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ที่มีสาเหตุทั้งการแก่งแย่งชิงดี การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การฉ้อฉลคอร์รัปชั่นของบรรดาขุนนาง และนำมาเปรียบเทียบกับการเมืองในปัจจุบันได้อย่างลงตัว แม้จะมีความยาวเพียง 7 นาที แต่หลายคนที่ได้ดูต่าง “คอมเมนต์” เป็นเสียงเดียวกันว่า ทำให้ประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย มากกว่าการเรียนกับคุณครูในห้องเรียนเสียอีก
กิ้น บอกว่า เดิมตั้งใจจะทำเป็นสื่อการสอน และที่เลือกประวัติศาสตร์เพราะวิชาที่เรียนส่วนใหญ่มักจะมีสื่อการสอนอยู่แล้ว แต่วิชาประวัติศาสตร์แทบไม่มีสื่อเลย ส่วนที่เลือกเหตุการณ์การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 มาทำ เพราะเห็นว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นรุนแรงมาก แทบทำให้เราล่มสลาย พอเลือกเรื่องได้ก็เริ่มค้นหาข้อมูล ทั้งจากอินเทอร์เน็ต หนังสือประวัติศาสตร์หลาย ๆ เล่ม ทั้งที่เขียนโดยฝั่งไทยและฝั่งพม่า หนังสือจดหมายเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกับเหตุการณ์มากที่สุด
“พวกเราเรียนประวัติศาสตร์ไปเพื่ออะไร เรียนเพื่อจำวันเดือนปี หรือต้องมานั่งท่องชื่อของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ จริง ๆ แล้วประวัติศาสตร์มีความสำคัญอย่างมาก เพราะประวัติศาสตร์ได้ทำให้เราเรียนรู้อดีต เพื่อทำให้ปัจจุบันดียิ่งขึ้น”
ข้อความเริ่มต้นคลิปเป็นสิ่งที่กิ้นบอกว่าเป็น “คีย์เวิร์ด” ที่ต้องการสื่อออกไป เพราะประวัติศาสตร์มีไว้ศึกษาเพื่อเราจะได้นำสิ่งที่เป็นจุดบกพร่อง จุดด้อย มาพัฒนาเพื่อจะทำให้ปัจจุบันดีขึ้น แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานแสนนาน แต่ประเทศไทยก็ยังมีปัญหาเดิม ๆ ความยากจน ปัญหาคอร์รัปชั่น แบ่งพรรคแบ่งพวก และแย่งเก้าอี้กัน ซึ่งเหมือนกับอดีต เท่ากับเราไม่ได้เรียนรู้อดีตเพื่อมาใช้ในปัจจุบันเลย และเมื่อบ้านเมืองเราอ่อนแอ มันก็จะกลับมาสร้างปัญหาให้เราเหมือนในอดีตเช่นกัน
“ตอนแรกคลิปจะมีความยาวกว่านี้ ที่วางไว้คือ 15 นาที แต่เมื่อไปปรึกษาอาจารย์ท่านบอกว่ายาวไป เพราะความสนใจของคนที่เข้ามาดูไม่น่าจะเกิน 10 นาที และหลังจากทำออกมาก็ยังเกิน 7 นาที อาจารย์ก็แนะนำให้ตัดบางส่วนออกจนมาลงตัวที่ 7 นาที”
กิ้นบอกว่า เขาใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลมากพอสมควร แต่ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือ การเรียบเรียงลำดับข้อมูลเพื่อให้เป็นกลางที่สุด เพราะไม่ต้องการสื่อให้เห็นว่าใครถูกใครผิด จากนั้นก็เริ่มทำโมชั่น และลงเสียง และเมื่อนำไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาดู ท่านแนะนำว่าเนื้อหาแรงไป จึงให้ปรับเปลี่ยนข้อความบางข้อความ ตัดคลิปบางส่วนออก แต่ยังคงเนื้อหาที่ครบถ้วน และด้วยเนื้อหาที่เป็นเชิงเปรียบเทียบ จากสื่อการสอนธรรมดาในตอนแรก กลายเป็นสื่อสร้างสรรค์ รณรงค์ และย้ำเตือน ซึ่งกิ้นบอกว่า ก็เป็นเรื่องดีหากคลิปนี้จะช่วยสะกิดใจ หรือกระตุ้นจิตสำนึกให้เกิดขึ้นได้ โดยไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเสียดสี หรือเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง
“ตอนแรกตกใจครับเมื่อเพื่อนโทรฯมาบอกว่ามีแชร์คลิปของผมเมื่อประมาณวันที่ 20 เมษายนนี้เอง ทั้งที่ผมโพสต์มาประมาณ 1 ปีได้ มาทราบทีหลังว่ามีคนเห็นคลิปและนำไปโพสต์ในยูทูบ และมีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็นำมาแชร์ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเริ่มแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”
คลิปนี้ของกิ้นมียอดแชร์ในเฟชบุ๊กกว่า 60,000 ครั้ง ยอดไลค์และคอมเมนต์อีกนับไม่ถ้วน ส่วนในยูทูบมีการนำไปโพสต์ในหลายเพจ ยอดวิวรวม ๆ แล้วก็หลักแสน ใครสนใจและอยากให้ประวัติศาสตร์ช่วยปรับปรุงให้ปัจจุบันดีขึ้น ลองค้นหาดู แค่เซิร์ท “จดหมายเหตุกรุงเสีย” และคลิกเท่านั้น!!
นภาพร พานิชชาติ
napapornp@dailyners.co.thhttp://www.oknation.net/blog/canthai/2013/04/30/entry-3