เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 38599 แซมมวล ไวท์ : การเมืองเรื่องฝรั่ง สมัยสมเด็จพระนารายณ์
spyrogira
อสุรผัด
*
ตอบ: 36


ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 11:28

ติดตามอย่างใกล้ชิด ..  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 12:54

ซ้ายมือเรา เป็นภาพลายเส้นพ่อนกเหยี่ยว นะเออ ส่วนขวาสุดเป็นภาพพระธิดาในสมเด็จพระนารายณ์



พระองค์ทางขวา ไม่ทรงชอบขี้หน้าคนทางซ้ายสักเท่าไร  ยิ้มเท่ห์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 16:16


อยู่มาวันหนึ่งจึ่งมีพระราชโองการตรัสถามว่า ในเมือง ฝรั่งเศสโน้นมีของวิเศษประหลาดประการใดบ้าง พระยาวิชาเยนทร์จึ่งกราบทูลสรรเสริญสรรพสิ่ง และช่างทำนาฬิกาและปืนลมปืนไฟ กล้องส่องของไกลเห็นใกล้ กระทำของวิเศษได้ต่างๆ ทั้งเงินทองก็มีมาก ในพระราชวังพระเจ้าฝรั่งเศสนั้น หลอมเงินเป็นท่อน ๘ เหลี่ยม ใหญ่ประมาณ ๓ กำ โดยยาว ๗ - ๘ ศอก กองอยู่ตามริมถนนเป็นอันมาก ประดุจท่อนเสาอันกองไว้ กำลังคนแต่ ๑๓ - ๑๔ คน จะยกท่อนเงินขึ้นมิได้ไหว ภายในท้องพระโรงนั้น ดาดพื้นด้วยแผ่นศิลา มีสีต่าง ๆ จำหลักลายฝั่งด้วยเงินทอง และแก้วต่างสีเป็นลดาวัลย์ และต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา และรูปสัตว์ ต่าง ๆ พื้นผนังก็ประดับด้วยกระจกภาพ กระจกเงา อันวิจิตรควรจะพิศวง เบื้องบนเพดานนั้นให้แผ่แผ่นทองบางดุจแผ่นทองอังกฤษ ตัดเป็นเส้นน้อย ๆ และผูกเป็นพู่พวงห้อยย้อยและแขวนโคมแก้ว มีสัณฐานต่าง ๆ สีแก้วและสีทองก็รุ่งเรืองโอภาสงามยิ่งนัก สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังพระยาวิชาเยนทร์กราบทูลพรรณนาสมบัติ ณ เมืองฝรั่งเศสวิเศษต่าง ๆ มิได้ทรงเชื่อ พระราชดำริจะใคร่เห็นความจริง [/color]

ถ้าสมเด็จพระนารายณ์ทรงอยากจะเห็นของจริง    ทรงสั่งวิชเยนทร์ให้ไปติดต่อพ่อค้าฝรั่งเศส ให้ขนนาฬิกา ปืน กล้องส่องทางไกล  แท่งเงิน กระจกเงา ภาพ โคมระย้าฯลฯ ตามที่บรรยายเอาไว้ลงเรือมาขายที่ราชอาณาจักรสยาม  น่าจะง่ายกว่าส่งโกษาปานไปดูของจริงที่ฝรั่งเศส     และจะได้ทรงเห็นของจริงกันจริงๆด้วย    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 16:46

     ถ้าถามว่าคอลลิส เรียบเรียงเรื่องนี้ขึ้นจากเอกสารของใคร    ตอนนี้ก็ถึงเวลาจะต้องเผยโฉมผู้ให้ข้อมูล(เป็นส่วนใหญ่ของภาค 2 )ได้แล้วค่ะ
     ชายผู้นั้นชื่อฟรานซิส  ดาเวนพอร์ท (Francis Davenport)  เกิดที่บอสตัน   เป็นชาวอาณานิคมของอังกฤษ หมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน   แต่ในปลายศตวรรษที่ 17   อเมริกายังไม่ได้ตั้งขึ้นเป็นประเทศ  เป็นแค่อาณานิคมเท่านั้น    ดาเวนพอร์ทเดินทางมาตะวันออก เพื่อจะค้าขายโดยลงเรือลำเดียวกับจอร์ช ไวท์พี่ชายของแซมมวล ไวท์    แต่หยุดอยู่แค่บริษัทอีสต์อินเดียที่มัทราส
     ต่อมา   ดาเวนพอร์ทรับหน้าที่กัปตันเรือสินค้าของบริษัท  มาค้าขายที่อาณาจักรพม่า แต่เรืออับปางลง ตัวเองรอดตายขึ้นฝั่งพม่าได้ก็ถูกจับเป็นเชลย และขายเป็นทาส    แต่ชาวอาร์มีเนียนชื่อโจเซฟ ดีมาคอร่า พี่ชายของจอห์น ดีมาคอร่า  (เจ้าของเรือนิวเจรูซาเล็ม) มาเจอ  ก็เลยไถ่ตัวให้เป็นอิสระ   ดาเวนพอร์ทเกือบจะได้กลับอินเดียอยู่แล้ว    แต่คราวเคราะห์เรือที่โดยสารมาถูกเรือนิวเจรูซาเล็มที่ตอนนี้กลายเป็นเรือโจรสลัดในกำกับของไวท์ไปแล้วปล้นสะดม     ดาเวนพอร์ทก็เลยต้องขึ้นฝั่งที่มะริด  แทนที่จะเป็นอินเดีย  เจอไวท์เข้า   ไวท์ก็เลยเกลี้ยกล่อมให้ช่วยทำงานอยู่ที่นี่ เป็นสมุหบัญชี   เพราะเฮาส์คนเก่า ทำงานไม่ได้เรื่องเลย      ดาเวนพอร์ทกำลังถังแตก  ก็จำใจทำงานอยู่ที่มะริดอีกสักพัก  กะว่าเก็บเงินเก็บทองได้ก็จะเดินทางกลับบริษัทอีสต์อินเดียที่มัทราส
    ดาเวนพอร์ทเป็นคนมีตระกูลดี ได้รับการศึกษาดีจากบอสตัน      ระหว่างทำงานอยู่กับไวท์ก็เขียนบันทึกแบบจดหมายเหตุรายวันเอาไว้     จดหมายเหตุของดาเวนพอร์ทอยู่ยั้งยืนยงมาได้ไม่สูญหาย     จนไปเก็บรักษาไว้ ณ กรมอินเดียของกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ     เป็นเหตุให้คอลลิสและพวกเราชาวเรือนไทยได้รู้เรื่องของไวท์และเมืองมะริดในช่วงนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 22:22

      โค้ทส์เดินทางกลับมามะริดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง  เดินหน้าบานเข้ามาเหมือนรอรับคำชมเชยจากลูกพี่   แต่การณ์กลับเป็นตรงกันข้าม  ไวท์กลับว๊ากเข้าใส่ ว่าโค้ทส์ไปทำความวิบัติฉ.ห.กลับมาน่ะไม่ว่า    เพราะคำสั่งของไวท์คือสั่งให้โค้ทส์ไปถล่มเรือของแคว้นกอลคันดาเท่านั้น   ไม่ใช่เรือของชาติอื่นโดยเฉพาะบริษัทอีสต์อินเดีย        เรือที่ยึดได้ 2 ลำคือเบตโคลฟก็คืนเจ้าของไป   เอามาก็แต่เรือนิวเจรูซาเล็มซึ่งมีแต่เรือเปล่าเพราะดันคืนพลอยมีค่าให้เจ้าของไปด้วย      
      สรุปแล้วไปคราวนี้ ขาดทุนป่นปี้ ไม่ได้กำไรกลับมาอย่างที่หวัง     ถ้าหากว่าไปยึดสินค้าเอากลับมาได้ก็ยังพอทำเนา  เพราะจะได้เอาส่วนนี้ไปส่งส่วยให้ผู้ใหญ่ชั้นเหนือๆขึ้นไป ให้ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา   แต่นี่ก็งี่เง่าไม่ได้อะไร  เสียทั้งเวลา ต้นทุนหายปลายทุนหด  ยังงี้มันน่า...

     การที่ไวท์สวดลูกน้องเสียยับในงานนี้   เราต้องตีความระหว่างบรรทัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างคนคู่นี้      เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่โค้ทส์ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วจะกลับมามือเปล่า        กว่าโค้ทส์จะยอมออกจากเมืองมาดาโพลัมก็แปลว่าต้องปล้นทรัพย์จนเป็นที่พอใจ   อ้ายเสือถึงจะยอมถอย      แต่โดนสวดยับขนาดนี้แสดงว่าโค้ทส์ยักยอกทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบหมดเอาไว้เอง   อาจจะไม่ส่งให้นาย  หรือส่งให้ก็จำนวนน้อยกว่าที่ไวท์คะเนว่าควรได้รับ    
    อย่างน้อยทับทิมที่แฮ้บมาจากนายดีมาคอร่านั้น  ไวท์ไม่ได้มีโอกาสแอ้มแน่นอน    โค้ทส์คงซ่อนเอาไว้หมด  เช่นเดียวกับเงินค่าไถ่สินค้าจากพ่อค้าวาณิชในเมืองมาดาโพลัม       เหลือแต่เรือเปล่ามาส่งให้ 3 ลำ       ไวท์จึงอาละวาดด่าลูกน้องเสียไม่มีชิ้นดี   เพราะลงทุนปฏิบัติการปล้นเมืองแล้วไม่ได้กำไร  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 30 เม.ย. 13, 22:33

      เมื่อโดนหัวหน้าด่า   โค้ทส์ก็คงคิดหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วไม่ให้นายสงสัย   เลยทำตีโพยตีพายเสียอกเสียใจจะฆ่าตัวตาย   ไวท์หลงกลลูกน้อง  ก็ตกใจหายโกรธไปครึ่งหนึ่ง    รีบปลอบโยนอย่าให้คิดมาก  แต่ก็ไม่วายบ่นอุบๆอับๆว่าเราไม่มีทางเลือกแล้ว   จะต้องไปชี้แจงให้ผู้ใหญ่ในเมืองหลวงทราบที่ไปลุแก่อำนาจ บุกเมืองมาดาโพลัม     
     พร้อมกันนั้น  ไวท์ก็ปลอบประโลมต่อไปว่า  ไม่ต้องห่วงนะ  เพราะว่าไปวิ่งเต้นใต้โต๊ะกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์เพื่อนเก่าไว้แล้ว     ขอแต่เพียงว่าโค้ทส์ไปให้ปากคำตามระเบียบราชการเท่านั้น    เรื่องอื่นเฮียจัดการแผ้วถางทางสะดวกให้เอง

      ตามธรรมเนียมของไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่       โค้ทส์ก็รับคำโดยดี เพราะรู้ว่าไม่มีทางหนีไปไหน    ตัวเองยังสังกัดราชการสยามอยู่ ก็ต้องไปให้ปากคำตามคำสั่ง       แต่เพื่อมิให้ไวท์หักหลังเอาได้   โค้ทส์ก็แอบเหน็บเอาจดหมายคำสั่งของไวท์ที่สั่งว่าไม่ต้องทำตามสารตราของสมเด็จพระนารายณ์ ติดตัวไปด้วย เมื่อเดินทางออกจากมะริดตรงไปกรุงศรีอยุธยา      เผื่อเกิดอะไรขึ้น    โค้ทส์ก็จะไม่ต้องเป็นแพะรับบาปอยู่คนเดียว     ต้องเอาหัวหน้าแพะเข้าหลักประหารไปด้วยกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 01 พ.ค. 13, 09:21

     ไวท์ได้รับบทเรียนจากส่งลูกน้องไปปล้นสะดมในย่านห่างไกล    ไกลหูไกลตาลูกพี่จะควบคุม หรือตรวจสอบลูกน้องไม่ให้แอบชักดาบเอาเข้าพกเข้าห่อได้      ก็เลยตัดสินใจว่าหากินอยู่ใกล้ๆนี่แหละดีกว่า    ว่าแล้วไวท์ก็สั่งลูกน้องอื่นๆให้ปล้นสะดมเรือในน่านน้ำย่านเมืองมะริด    เข้ายึดเรือแล้วแต่จะยัดข้อหาอะไรได้    ยึดสินค้าได้ก็เอามาเข้ากระเป๋าส่วนตัว แบ่งให้พระคลังหลวงบ้างพอไม่ให้น่าเกลียดเกินไป
    ในจำนวนเรือที่ไวท์ยึดบวกรีดไถมีเรือชื่อซานตาครูซ ของนายโจเซฟ ดีมาคอร่า ซึ่งเคยเป็นผู้มีพระคุณไถ่ตัวดาเวนพอร์ทไว้จากเป็นทาสพม่า     ตอนนั้นดาเวนพอร์ททำหน้าที่เสมียนและพนักงานบัญชีของไวท์อยู่ จึงรู้ตื้นลึกหนาบางดีถึงพฤติกรรมของไวท์      ดาเวนพอร์ทประสงค์จะช่วยเหลือดีมาคอร่าเป็นการตอบแทนพระคุณ    ก็เลยรวบรวมหลักฐานทำเรื่องร้องเรียนไปยังเจ้าพระยาวิชเยนทร์ซึ่งเป็นนายเหนือไวท์ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง    เพื่อหวังจะให้วิชเยนทร์ช่วยเหลือดีมาคอร่า และปราบปรามไวท์มิให้ก่อเรื่องเดือดร้อนแก่ชาวบ้านอีก
    ความตั้งใจดีของดาเวนพอร์ท กลายเป็นเรื่องลอยหายไปกับสายลม      วิชเยนทร์ไม่ได้แยแสคำร้องทุกข์เรื่องนี้เลย   กลับทำหูทวนลมเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระฟังไม่ขึ้น      เหตุผลแท้จริงของวิชเยนทร์คืออะไรเราก็คงดูกันออก    นายหน้าไหนจะลงโทษลูกน้องที่ส่งส่วยให้ลูกพี่อย่างเหลือเฟือ จนอู้ฟู่กันทั้งสองคน
    ความฉลาดอีกอย่างของนายสยามขาว เจ้าท่าเมืองมะริดก็คือ    ถ้าเป็นเรือค้าขายของหลวง  ไวท์ก็ค้าขายไปตามปกติ    ดังข้าราชการที่ทำหน้าที่ตัวเองครบถ้วน  ใครจะมาว่าไม่ได้   แต่รายได้พิเศษก็ส่วนรายได้พิเศษ   ส่วนนี้กระผมถือว่าทำโอที นอกเวลาราชการ  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 01 พ.ค. 13, 22:13

    หลังจากโค้ทส์เดินทางไปเมืองหลวงได้ไม่กี่เดือน เข้าปลายฤดูมรสุม  ก็มีคนถือสาส์นจากอยุธยามาเรียกตัวไวท์ให้เข้าไปราชสำนักด่วน     วัวสันหลังหวะอย่างไวท์ใจฝ่อทันทีที่เห็น   อย่างแรกที่คิดได้คือจะต้องบ่ายเบี่ยงแก้ตัวอ้างสาเหตุว่าป่วย   ไม่สามารถจะเดินทางไปได้  ขอผัดผ่อนไปก่อน     แต่พอร่างหนังสือตอบไปเสร็จก็เจอคนถือสาส์นคนที่สองถือคำสั่งสำคัญมาเร่งให้เข้าไป   ตามมาด้วยคนที่สาม  ติดๆกันแทบหายใจหายคอไม่ทัน
    ไวท์หมดปัญญาจะบิดพลิ้ว    แต่ก็ใจชื้นอยู่หน่อยหนึ่งว่าถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  เจ้าพระยาวิชเยนทร์น่าจะมีหนังสือมาเตือนให้รู้ตัว    คงไม่ปล่อยเพื่อนรักให้เคราะห์ร้าย เพราะส่วยของไวท์ก็ประเคนไปให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่แล้ว       เพื่อความรอบคอบไวท์ก็จัดการแต่งบัญชีสินค้าของหลวงเสียใหม่     บวกลบแล้วค้าขายของหลวงได้กำไรได้มาก ก็จัดการให้มันน้อยลง   เพิ่มรายจ่ายให้มากขึ้น  โดยย้กย้ายถ่ายเทรายจ่ายจากการค้าขายส่วนตัวให้ราชการรับภาระไป     พูดง่ายๆคือจัดการแต่งบัญชีเสียใหม่ให้ตัวเองได้กำไรเพิ่ม และพระคลังสินค้าเกือบไม่มีกำไรเอาเลย
  
    ไวท์เดินทางออกจากมะริด ข้ามเขาไปกุยบุรีมุ่งตรงไปกรุงศรีอยุธยา  ระหว่างทางก็เจอคนถือสาส์นอีก 2 คน    แสดงว่าคิดถูกแล้วที่รีบมาเสียก่อน      ถ้าเจอคนที่ 6  อาจจะถือคำสั่งประหารมาก็ได้     ระหว่างทาง ความตรากตรำบวกกับกังวลใจทำให้ไวท์ป่วยเป็นไข้ป่าอย่างแรง  แต่ก็ฝืนพยุงสังขารไปจนถึงเมืองหลวง  รวมเดินทาง 12 วัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พ.ค. 13, 10:00 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 12:39

     เมื่อไปถึงอยุธยา  ไวท์พบว่าสมเด็จพระนารายณ์เสด็จแปรพระราชฐานไปลพบุรี   ก็จำต้องเดินทางตามไปที่นั่น   ทั้งๆสังขาร
ทรุดโทรมหนักจากไข้    พอถึงลพบุรีก็เจ็บหนักลุกไม่ขึ้น   ต้องนอนซมรักษาตัวอยู่ในบ้านตรงข้ามกับบ้านพักของเจ้าพระยาวิชเยนทร์       ฝ่ายเจ้าพระยาก็ฉลาดพอที่จะไม่มาเยี่ยม จนทำให้ขุนนางอื่นๆจับพิรุธได้ว่าสนิทสนมกันเป็นพิเศษ     เพียงแต่ส่งท่านผู้หญิงมาเยี่ยมไข้ตามมารยาท
  อาการไข้ของไวท์หนักมากจนเจ้าตัวเกรงว่าจะไม่รอด   ทั้งใจฝ่อจากท่าทีเฉยเมยเย็นชาของวิชเยนทร์ด้วย    ไวท์ก็เลยสั่งดาเวนพอร์ทให้เดินทางจากมะริดไปพบที่ลพบุรี   เพื่อจัดทำบัญชีทรัพย์สินให้เรียบร้อย    ไวท์เป็นห่วงว่าถ้าตัวเองตายลงไป จะได้ไม่มีเรื่องยุ่งยากเรื่องมรดกขึ้นมาทีหลัง     
   โชคลาภอันเกิดจากการฉ้อราษฎร์ บังหลวง และปล้นสะดม ครบทุกอย่างที่เป็นความชั่วช้าสารเลว  บันดาลให้ไวท์ร่ำรวยขึ้นมาถึง 125,920 บาท      นอกจากนี้ยังมีแก้วแหวนของมีค่าอื่นๆราว 3320 ปอนด์    และมีหุ้นการค้ากับวิชเยนทร์คิดเป็นมูลค่าราว 4000 ปอนด์    รวมทั้งหมดประมาณ 23,000 ปอนด์    นี่เป็นสมัยปลายศตวรรษที่ 17  ล่วงมา 300 ปี  คิดเป็นเงินปัจจุบันจะกี่
ร้อยล้านก็ยังคำนวณไม่ถูกเหมือนกัน     นอกจากนี้ไวท์ยังกำเงินสดไว้ในมืออีกจำนวนหนึ่ง เอาไว้จ่ายเป็นเบี้ยบ้ายรายทางแก่ขุนนางข้าราชการ เผื่อตัวเองเข้าที่คับขันโดนข้อหาคอรัปชั่นจะได้ใช้เงินซื้อความสะดวก และผ่อนหนักเป็นเบาได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 12:57

  ไวท์สั่งให้ดาเวนพอร์ททำบัญชีขึ้น 2 บัญชี   บัญชีแรกเป็นบัญชีลับ แสดงทรัพย์สินทั้งหมดของเขาตามความเป็นจริงเพื่อส่งไปให้ผู้จัดการมรดก  เพื่อส่งต่อให้จอร์ช ไวท์พี่ชายในกรณีไวท์เกิดตายลงมา     บัญชีนี้เปิดเผยให้ใครอื่นรู้ไม่ได้  ขืนรู้เมื่อไรเจ้าของทรัพย์สินไม่แคล้วจากคุก     ส่วนบัญชีที่สองเป็นบัญชีเปิดเผย แสดงทรัพย์สินที่ได้มาโดยชอบตามกฎหมาย เช่นการเข้าหุ้นกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์    ซึ่งมีน้อยกว่าบัญชีแรกชนิดเทียบกันมิได้     บัญชีที่สองนี้ไวท์ใส่รวมไว้กับเอกสารอื่นๆ พร้อมจะให้ตรวจสอบ

  ในเมื่อบุญของไวท์ยังไม่หมด    เขาก็ค่อยๆฟื้นตัวจากโรคไข้ป่า จนกระทั่งหายในเวลาต่อมา    แต่ทางใจยังคงทรุดเพราะท่าทีของวิชเยนทร์ทำให้เกิดลังเลสองจิตสองใจ  ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นลูกไก่ในกำมือให้วิชเยนทร์บีบก็ตาย คลายก็รอดหรือเปล่า    ไวท์จึงเขียนจดหมายถึงเพื่อนซี้    เริ่มต้นด้วยตัดพ้อต่อว่าที่วิชเยนทร์มีท่าทีเย็นชา ไม่อินังขังขอบ   แต่ไวท์ซัดไปว่าคงมีอำมาตย์บางคนมายุแยงตะแคงรั่วให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวเขาเป็นแน่       ตัวเขาจึงขอยืนยันว่าทำทุกอย่างด้วยความสุจริต   และจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินสยามชนิดไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงได้เลย    สิ่งที่กระทำลงไปทุกอย่างก็เพื่อเพิ่มพูนพระบารมีและผลดีอันพึงได้ต่อสยาม   เขาภักดีต่อสมเด็จพระนารายณ์ยิ่งกว่าภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าเสียอีก      สุดท้ายนี้ถ้าหากว่าเขาได้กระทำสิ่งใดไม่เป็นที่พอใจแก่วิชเยนทร์ เขาก็ขอประทานอภัย  และหวังว่าวิชเยนทร์คงไม่ทอดทิ้งเพื่อนผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีคนนี้     เพราะในเมื่อสร้างมากับมือ ก็ไม่ควรจะลบด้วยเท้า ฯลฯ
  ถ้อยคำของไวท์ที่พล่ามถึงความภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์แห่งสยาม อ่านแล้ววิชเยนทร์ก็คงคุ้นๆ ว่าเป็นสำนวนตามแบบฉบับของพวกหน้าไหว้หลังหลอกทั่วไป     ชั้นเชิงของวิชเยนทร์ในการตอบจดหมาย จึงน่าจะควรยกนิ้วให้ ว่าเป็นสำนวนเซียนเหนือเซียนโดยแท้
บันทึกการเข้า
Paddymelon
อสุรผัด
*
ตอบ: 2


ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 13:13

ติดตามบทเรียนตั้งแต่แรก เพิ่งได้มีโอกาสลงชื่อค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 13:25

เชิญนั่งแถวหน้าค่ะ

บ่ายนี้ร้อนเหลือเกิน  เสิฟน้ำชาร้อนๆกับเค้กไม่ไหว  เหงื่อโชกแน่   ขอเปลี่ยนมาเป็นสละลอยแก้ว   กับกาแฟเย็นและโอเลี้ยงแล้วแต่จะเลือก
ขอตัวไปทำงานก่อน เสร็จแล้วตอนค่ำๆจะกลับมาเล่าถึงวิชเยนทร์ต่อค่ะ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 13:56

สละลอยแก้วท่าจะดับร้อนได้ดี   ยิงฟันยิ้ม

    ถ้อยคำของไวท์ที่พล่ามถึงความภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์แห่งสยาม

ภักดีต่อศาสนาแห่งสยามด้วยฤๅ  ฮืม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 13:57

ขอตัวไปทำงานก่อน เสร็จแล้วตอนค่ำๆจะกลับมาเล่าถึงวิชเยนทร์ต่อค่ะ

คุณฟอลคอน นี่เรื่องเยอะมาก ๆ นะขอรับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 03 พ.ค. 13, 20:59

สละลอยแก้วท่าจะดับร้อนได้ดี   ยิงฟันยิ้ม

    ถ้อยคำของไวท์ที่พล่ามถึงความภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์แห่งสยาม

ภักดีต่อศาสนาแห่งสยามด้วยฤๅ  ฮืม

ชาติ(ฝรั่ง)ศาสนา(คริสต์)และพระมหากษัตริย์แห่งสยาม   
มีไรมั้ย


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 20 คำสั่ง