เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 20:52
|
|
(ต่อ)
เรือกำปั่นของลำคือเรือนิวเจรูซาเล็มและเรือเบดโคลฟ ยังถูกโค้ทส์ยึดไว้ไม่ยอมปล่อย แต่อะลุ้มอล่วยยอมให้เรือสินค้าอื่นๆเข้าออกเมืองได้ ไม่ปิดปากอ่าวปล้นสะดมท่าเดียวอย่างตอนแรก แต่โค้ทส์ก็ยังไม่ไว้ใจชาวเมืองอยู่ดี จึงคุมกำลังคนจากเรือ 50 คนมาขึ้นบกอีกครั้งจะบุกเข้าไปจับตัวข้าหลวงของเป็นตัวประกัน เผอิญชาวเมืองซึ่งไม่ไว้ใจโจรอังกฤษอยู่แล้วสร้างป้อมค่ายล้อมจวนข้าหลวงเอาไว้แน่นหนา โค้ทส์ก็เลยมือเปล่ากลับไป ทางอู่ต่อเรือรีบต่อเรือให้เสร็จไป 2 ลำ ชื่อเรือโรบินและเรือแมรี่ โค้ทส์ก็ถ่ายอาวุธจากเรือพรอสเพอรัสมาไว้ในเรือลำใหม่ทั้งสองลำ ส่วนเรือลำเก่าที่ใช้บัญชาการรบมาตลอด ส่งเข้าอู่ขึ้นคานเพื่อซ่อม มาถึงตรงนี้โค้ทส์รู้ว่าคงอยู่ในเมืองได้อีกไม่นานก็คืนเรือเบดโคลฟของพระราชาแห่งกอลคันดาคืนไป ส่วนเรือนิวเจรูซาเล็มยังถูกยึดครองเอาไว้เช่นเดิม (น่าสงสารนายดีมาคอร่า)
ตอนนี้ยังอ่านไม่เจอว่าเรือโทมัสที่บริษัทอีสต์อินเดียส่งมาปราบโค้ทส์ มัวเดินทางไปอ้อมแหลมแอฟริกาอยู่หรือไร จึงมาจากมัทราสไม่ถึงเมืองนี้สักที ทั้งๆก็อยู่ในอินเดียเหมือนกัน ในหนังสือบอกว่าเวลาล่วงไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว โค้ทส์ก็ยังอาละวาดอยู่หน้าเมืองมาดาโพลัม แสดงว่าไม่มีกำลังจากหน่วยไหนไม่ว่าแขกหรือฝรั่งเข้ามาช่วยชาวเมืองนี้ได้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 20:54
|
|
โค้ทส์ทิ้งทวนกับเมืองนี้ด้วยการเอาเรือแล่นเข้าไปตามลำแม่น้ำนาร์ซาปอร์ แล้วใช้ปืนใหญ่จากเรือยิงค่ายที่ชาวเมืองสร้างขึ้นป้องกันภัย ระดมยิงค่ายจนเพลิงไหม้ ส่วนแขกที่เป็นทหารปืนใหญ่ประจำค่ายคงไม่เคยเรียนวิชามาก่อนจึงยิงไม่ถูกเรือ กลายเป็นฝ่ายแพ้ เจอเพลิงไหม้ก็ต้องทิ้งค่ายหนีไปกันหมด โค้ทส์จึงภูมิอกภูมิใจมาก ให้ลูกน้องไปขนปืนที่เหลือจากค่ายมาลงเรือ ถือเป็นชัยชนะที่เรือรบรบชนะบนบกได้ อันเป็นปรากฏการณ์หาได้ยากในศึกไม่ว่าไหนๆ จากนั้นก็อาละวาดยิงหมู่บ้านสองริมฝั่งแม่น้ำจนเสียหายหลายแห่ง ก่อนจะพาเรือกลับออกปากอ่าวไปอย่างเจ้าพ่อ ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย
ถ้าคุณ NAVARAT.C ยิ่งสงสัยหนักขึ้นว่ากองกำลังทหารของอาลี บีคในเมืองมะสุลีปะตัมและกำลังทหารหลวงของเจ้าผู้ครองแคว้นหายไปไหนหมด ไม่มีสักคน ปล่อยให้เมืองอู่ต่อเรือต่อสู้อย่างน่าสงสารเพียงลำพัง กะอีแค่เรือโจรสลัดลำเดียวก็จัดการไม่ได้ กลับถูกยิงเอาๆ จนแตกฉานซ่านเซ็น ดิฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะแปลกใจอยู่เหมือนกัน หรือว่ากำลังทหารตามค่ายริมแม่น้ำคือกองทหารที่ถูกส่งมาจากเมืองมะสุลีปะตัมแล้วแต่รบไม่เก่ง สู้โค้ทส์กับลูกเรือที่หาตามมีตามเกิดมาจากเมืองมัทราสไม่ได้ ข้อนี้ก็ชวนให้คิดว่านายโค้ทส์นี่แกคงจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ไม่แพ้จอห์นนี่ เด็ปป์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 21:05
|
|
ตามเข้าไปอ่านบล็อคของดร.จุฬิศพงศ์ตามลิ้งค์ของคุณเพ็ญชมพู เลยเจอย่อหน้านี้
ฟอลคอนสนับสนุนการค้าของชาวอังกฤษและฝรั่งเศส โดยขัดขวางการค้าของพวกมุสลิม จนเป็นเหตุให้พ่อค้าแขกไม่พอใจ และได้ร่วมกันต่อต้านการค้าของสยามที่ผ่านทางพ่อค้ายุโรปโดยไม่ยอมช่วยเหลือกระจายสินค้าของสยามในตลาดฝั่งตะวันตกเหมือนเมื่อก่อน ทั้งยังขัดขวางการค้าของสยามไม่ให้ได้รับความสะดวกต่างๆ ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระนารายณ์ภายใต้การถวายคำแนะนำของฟอลคอนจึงตอบโต้ด้วยการยึดเรือสินค้าของมุสลิมในแถบเมืองท่าของสยาม นอกจากนี้ฟอลคอนยังจัดตั้งกองเรือเพื่อปล้นสะดมสินค้าของพ่อค้าแขกและยังส่งกองเรือไปเผาทำลายเมืองท่าหลายแห่งของอาณาจักรกอลกอนดา ความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นทั้งสองอาณาจักรประกาศสงครามแก่กัน ส่งผลให้การค้าระหว่างสยามกับรัฐต่างๆ ในอินเดียประสบภาวะชะงักงัน
ในนี้บอกว่ามีหลายเมือง หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นศึกของกัปตันโค้ทส์กับเมืองมาดาโพลัม ที่กำลังถึงพริกถึงขิงอยู่ในค.ห.ข้างบน แต่ว่าหลักฐานที่ดร.จุฬิศพงศ์ไปหามาได้ ยกความเลวให้ฟอลคอน ไม่ใช่ไวท์
ถ้าหากว่าสยามทำศึกทางเรือจนเอาชนะกอลคันดาได้ พิจารณาจากข้อความข้างบนนี้ ก็แสดงว่าเรือรบของสยามไม่น่าจะมีแค่เรือของโค้ทส์คนเดียว หรือมีแค่ลำสองลำ น่าจะมีมากกว่านั้น เป็นกองทัพเรือกำปั่นติดอาวุธเพียบทีเดียว จนสามารถถล่มได้ทั้งเมืองมาดาโพลัม ถล่มกองกำลังทหารที่ถูกส่งมาจากเมืองมะสุลีปะตัม และสามารถสกัดเรือโทมัสที่บริษัทอีสต์อินเดียส่งมาปราบปรามได้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 21:34
|
|
จินตนาการของฝรั่งเวลาเขียนเรื่องนี้เป็นอย่างไร เราก็เปรียบเทียบได้จากพระสาทิศลักษณ์ของสมเด็จพระนารายน์ที่ฝรั่งวาดกันไว้ สี่ภาพสี่แบบ ซึ่งฝรั่งด้วยกันดูรูปใดรูปหนึ่งแล้วก็คงเชื่อว่าเหมือน ส่วนคนไทยจะเชื่อเหมือนฝรั่งหรือไม่ก็สุดแล้วแต่
เหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องนี้ก็เช่นกัน มันก็คงมีมูลอยู่ดอก แต่จะวิจิตรพิศดารเหมือนกับที่บันทึกไว้แล้วนักประวัติศาสตร์ก็ลอกต่อๆกันมา โดยดัดแปลงแก้ไขเสียบ้างตามภูมิความเชื่อของแต่ละคน เราก็ควรจะตามรู้ตามดูกันไป แต่ควรจะเชื่อหรือไม่ แค่ไหนอย่างไรนั้น ท่านจขกท.ท่านก็ให้อิสระผู้อ่านที่จะต้องพิจารณาด้วยตนเองอยู่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 21:40
|
|
จินตนาการของฝรั่งเวลาเขียนเรื่องนี้เป็นอย่างไร เราก็เปรียบเทียบได้จากพระสาทิศลักษณ์ของสมเด็จพระนารายน์ที่ฝรั่งวาดกันไว้ สี่ภาพสี่แบบ ซึ่งฝรั่งด้วยกันดูรูปใดรูปหนึ่งแล้วก็คงเชื่อว่าเหมือน ส่วนคนไทยจะเชื่อเหมือนฝรั่งหรือไม่ก็สุดแล้วแต่
เหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องนี้ก็เช่นกัน มันก็คงมีมูลอยู่ดอก แต่จะวิจิตรพิศดารเหมือนกับที่บันทึกไว้แล้วนักประวัติศาสตร์ก็ลอกต่อๆกันมา โดยดัดแปลงแก้ไขเสียบ้างตามภูมิความเชื่อของแต่ละคน เราก็ควรจะตามรู้ตามดูกันไป แต่ควรจะเชื่อหรือไม่ แค่ไหนอย่างไรนั้น ท่านจขกท.ท่านก็ให้อิสระผู้อ่านที่จะต้องพิจารณาด้วยตนเองอยู่แล้ว
ซ้ายมือเรา เป็นภาพลายเส้นพ่อนกเหยี่ยว นะเออ ส่วนขวาสุดเป็นภาพพระธิดาในสมเด็จพระนารายณ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 21:55
|
|
ภาพซ้าย ผมเมาข้อมูล ขออภัย
ภาพขวา เปิดdicแล้ว Reine de Siam แปลว่า พระราชินีของสยาม ผมสีทองล่ำบึ้ดเชียว อีกภาพนึง Chaou Haraye อากู๋ไม่ยอมแปล ก็ต้องเชื่อตามคุณเพ็ญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 22:06
|
|
องค์นี้ คนไทยส่งเข้าประกวดความเหมือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 29 เม.ย. 13, 22:26
|
|
เมื่อมาถึงตอนนี้ โค้ทส์ก็มีเรืออยู่ในกำมือหลายลำ นอกจากเรือพรอสเพอรัสลำเดิมที่ขึ้นคานรอซ่อมอยู่ ก็มีเรือโรบินและเรือแมรี่ใหม่เอี่ยมออกจากอู่ ในเรื่องไม่ได้บอกว่านายโค้ทส์ยอมจ่ายเงินค่าต่อเรือหรือเปล่า แต่ดูจากพฤติกรรม ก็คงน่าประหลาดมากถ้าแกยอมจ่าย นอกจากนี้ทางอู่ต่อเรือก็คงไม่อยากคิดเงินแกมากไปกว่าอยากเสือกไสให้ออกจากเมืองไปเร็วๆ ส่วนเรือลำที่สี่คือเรือนิวเจรูซาเล็มนั้น โค้ทส์ยังยึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย นายดีมาคอร่าเจ้าของเรือจะเดินทางกลับบ้านยังไงแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องโค้ทส์จะเก็บมาคิดให้รกสมอง ถือว่ารอดไป ไม่ตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เมื่อถอยออกจากเมือง โค้ทส์แบ่งเรือให้ไปกันคนละทาง เรือนิวเจรูซาเล็มให้ลูกน้องชาวอังกฤษชื่อเลสลี เดิมอยู่ในเมืองมาดาโพลัมแล้วมาสมัครเข้าพวกด้วย ทำหน้าที่นายเรือคุมกลับไปยังแถบชายทะเลฝั่งใต้ของมอญ ทำตัวเป็นเรือโจรสลัดไล่จับเหยื่ออยู่แถวนั้น เรือแมรี่ถูกส่งกลับไปมะริด ส่วนโค้ทส์เองคุมเรือโรบิน เดินทางร่วมไปกับเรือซานตาโรซ่าของนายเรือโปรตุเกสที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันปล้นเมือง เหลือเรือพรอสเพอรัสเห็นว่าชำรุดเกินกว่าจะเอาลงทะเลต่อไปได้ ก็จัดการเผาเสีย มิให้ทางในเมืองเอาไปใช้งานได้ เชลยที่จับมาจากเรือที่ตัวเองปล้นมาได้ก็ถูกส่งตัวไปเป็นแรงงานทาสอยู่ในเรือ เมื่อบ่ายหน้ากลับพระราชอาณาจักรสยาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 07:21
|
|
ประวัติศาสตร์ตอนนี้เอกสารชั้นต้นเป็นอย่างไร มีใครเคยเห็นบ้าง นอกจากอ้างกันต่อๆมาว่าเป็นสำนวนฟ้องในศาลอังกฤษ ซึ่งถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังงงต่อไปอีกว่า เรื่องมันออกแนวนิยายขนาดนี้ คนอังกฤษยังเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องจริง อยู่ๆเรือสำเภาไม่ใช่รูปแบบสำเภาสยามโผล่มา ชื่อเป็นฝรั่ง นายเรือเป็นอังกฤษ คนในเรือเป็นต่างด้าวไม่มีคนไทยสักคน คงไม่มีเครื่องแบบใดๆ แต่ชักธงสยาม(สมัยพระนารายน์หน้าตาเป็นอย่างไร ผมก็ยังไม่ทราบจริงๆ) อ้าง(เป็นภาษาอังกฤษ)ว่าเป็นเรือของพระเจ้าแผ่นดินสยาม เท่านี้ก็พอที่จะเชื่อเช่นนั้นแล้วหรือ นายเรือเป็นกุ๊ยใช้อุบายตื้นๆให้ต่อเรือให้ ครั้นไม่เสร็จดังใจก็อาละวาด ยิงปืนใหญ่ใส่บ้านเรือนผู้คนเหมือนเล่นสงครามแบบโจรสลัด ปล้นเรือและคงจะฆ่าคนด้วย แล้วก็ไม่มีทหารอินเดียเจ้าของประเทศออกต่อต้านสักคน ต้องรอเรือรบอังกฤษมาช่วยซึ่งก็รีบออกเรือมา ระยะทางน่าจะไม่เกินสองสามวันน่าจะถึงแต่นี่หลายเดือนก็ไม่โผล่
เมืองอินเดียมีแต่ตาแก่กับเด็กหรือ จึงปล่อยให้โจรลอยนวลกลับออกไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 07:26
|
|
องค์นี้ คนไทยส่งเข้าประกวดความเหมือน
ถึงอย่างไรก็ตาม บุคคลิกท่าทางของพระองค์นั้น มีบันทึกไว้ว่า "พระองค์นั้นรูปร่างเล็ก สมส่วนกะทัดรัด คล่องแคล่วพูดจาเฉลียวฉลาดมาก นิยมแต่กายอย่างชาวเปอร์เซีย"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 07:50
|
|
หมายถึงฉลองพระองค์เสื้อครุยหรือเปล่า ที่ฝรั่งมีโอกาสเห็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 07:53
|
|
อ่ะ นี่รูปพระราชธิดา จัดให้คุณหนุ่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 08:21
|
|
หน้าตาวิชเยนทร์เป็นอย่างนี้เอง จมูกโง้งเชียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 09:08
|
|
เรื่องราวที่โค้ทส์ถล่มเมืองมาดาโพลัม ดูๆก็เหมือนหนังของดิสนีย์ น่าจะเอามาฉายแข่งกับ Pirates of the Caribbean จริงๆด้วย เพราะผู้ร้ายเรื่องนี้บุกเมืองด้วยเรือลำเดียว มีผู้ช่วยผู้ร้ายเป็นนายเรือโปรตุเกสคุมเรือสินค้าติดปืนใหญ่ตามประกบอีกลำ แค่ 2 ลำพอ เท่านี้เมืองทั้งเมืองก็เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนฝรั่ง ฝ่ายกองทหารในเมืองใหญ่ หรือเรือรบที่บอกว่าจะมาช่วยก็ไม่รู้หายไปไหนกันหมด เหมือนโดนผู้กำกับตัดงบประมาณตัวประกอบ เลยไม่มาเข้าฉากกันทั้งชุด
ส่วนเรื่องจริงเป็นยังไงฝากท่านผู้อ่านกระทู้นี้ไปช่วยท่านนวรัตนค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเองนะคะ ดิฉันขอเล่าความจากหลักฐานทางฝ่ายไวท์ไปพลางๆก่อน
ภาคแรกของ Pirates of the Indian Ocean จบไปแล้ว ด้วยชัยชนะของฝ่ายโจรสลัด ต่อไปจะเริ่มภาค 2 ย้อนกลับมาที่นายสยามขาวพระเอกของเราที่ชะเง้อรออยู่ที่มะริด
คงจำได้ว่าไวท์ส่งเรือโดโรธีไล่หลังเรือของโค้ทส์ไปให้ทันกันที่มัทราส เพื่อส่งสารตราเรียกกลับตามระเบียบราชการ แต่แอบส่งสารลับไปว่าไม่ต้องกลับ เรือโดโรธีทำตามคำสั่งเสร็จแล้วก็เดินทางกลับมะริด แต่ไม่ได้กลับมาจอดทอดสมออยู่เฉยๆ ท่านเจ้าท่าไวท์สั่งเรือลำนี้ให้เป็นเรือโจรสลัดเที่ยวอาละวาดอยู่แถวน่านน้ำหน้าเมืองมะริด ได้สินค้ายึดสินค้า ได้คนก็จับเป็นเชลย ในจำนวนนี้มีชาวอังกฤษติดเรือมาคนหนึ่งชื่อเฮาส์ ไวท์ก็เลยเอาไว้เป็นพนักงานบัญชีของตน
ไวท์รู้ว่าการกระทำของตนที่ส่งโค้ทส์ไปปฏิบัติการจะต้องอื้อฉาวกลับมาถึงอยุธยาแน่นอน ถึงสมัยนั้นการสื่อสารยังมีพรมแดนอยู่ แต่ก็มิใช่จะปิดกั้นได้สำเร็จ ดังนั้นเพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นผิด ไวท์ก็ชิงรายงานส่งนายใหญ่คือตัวเจ้าพระยาวิชเยนทร์เสียก่อน โดยพล่ามอ้างว่ากระทำไปเพื่อรักษาพระเกียรติของพระเจ้าแผ่นดินสยาม จะฟังขึ้นไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะสินน้ำใจที่ไวท์แนบไปกับหนังสือราชการมีจำนวนงามมากอยู่ พอจะล้างสมองเจ้าพระยาวิชเยนทร์ให้เอออวยเห็นดีไปด้วยได้ หรืออย่างน้อยก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาจากความพิโรธของสมเด็จพระนารายณ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 30 เม.ย. 13, 09:18
|
|
ส่วนเรื่องจริงเป็นยังไงฝากท่านผู้อ่านกระทู้นี้ไปช่วยท่านนวรัตนค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเองนะคะ คงจะหายากหน่อย คนสมัยก่อน ไม่ว่าชาติใดก็จะเขียนประวัติศาสตร์แบบนี้ ลองดูสำนวนพี่ไทยเรามั่ง พระราชพงศาวดารกรุงสยาม ๔๐๙
เมื่อครั้งศักราช ๑๐๑๙ ปีระกา นพศกนั้น มีฝรั่งเศสนายกำปั่นผู้หนึ่ง บรรทุกสินค้าเข้ามาค้าขาย ณ กรุงเทพมหานคร ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินให้ต่อกำปั่นใหญ่ลำหนึ่ง ครั้นเสร็จ แล้วจะเอาออกจากอู่ จึ่งให้ล่ามถามฝรั่งเศสพ่อค้านั้นว่า ณ เมือง ฝรั่งเศสเอากำปั่นออกจากอู่ กระทำอย่างไรจึงเอาออกได้ง่าย ฝรั่งเศสผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญามาก ชำนาญในการรอกกว้าน จึ่งให้ล่ามกราบทูลพระกรุณา รับอาสาจะเอากำปั่นออกจากอู่ แล้วแต่งการผูกรอกกว้านและจักรชักกำปั่นออกจากอู่ ลงสู่ท่าได้โดย สะดวก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระโสมนัส พระราชทานที่บ้านเรือนและเครื่องยศให้อยู่ทำราชการในกรุงนี้ และหลวงวิชาเยนทร์นั้นมีความสวามิภักดิ์ อุตสาหะในราชกิจต่างๆมีความชอบมาก จึงโปรดให้เป็นพระวิชาเยนทร์ ครั้นนานมากระทำการงานว่ากล่าวได้ราชการมากขึ้น โปรดในเลื่อนที่เป็นพระยาวิชาเยนทร์ อยู่มาวันหนึ่งจึ่งมีพระราชโองการตรัสถามว่า ในเมือง ฝรั่งเศสโน้นมีของวิเศษประหลาดประการใดบ้าง พระยาวิชาเยนทร์จึ่งกราบทูลสรรเสริญสรรพสิ่ง และช่างทำนาฬิกาและปืนลมปืนไฟ กล้องส่องของไกลเห็นใกล้ กระทำของวิเศษได้ต่างๆ ทั้งเงินทองก็มีมาก ในพระราชวังพระเจ้าฝรั่งเศสนั้น หลอมเงินเป็นท่อน ๘ เหลี่ยม ใหญ่ประมาณ ๓ กำ โดยยาว ๗ - ๘ ศอก กองอยู่ตามริมถนนเป็นอันมาก ประดุจท่อนเสาอันกองไว้ กำลังคนแต่ ๑๓ - ๑๔ คน จะยกท่อนเงินขึ้นมิได้ไหว ภายในท้องพระโรงนั้น ดาดพื้นด้วยแผ่นศิลา มีสีต่าง ๆ จำหลักลายฝั่งด้วยเงินทอง และแก้วต่างสีเป็นลดาวัลย์ และต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา และรูปสัตว์ ต่าง ๆ พื้นผนังก็ประดับด้วยกระจกภาพ กระจกเงา อันวิจิตรควรจะพิศวง เบื้องบนเพดานนั้นให้แผ่แผ่นทองบางดุจแผ่นทองอังกฤษ ตัดเป็นเส้นน้อย ๆ และผูกเป็นพู่พวงห้อยย้อยและแขวนโคมแก้ว มีสัณฐานต่าง ๆ สีแก้วและสีทองก็รุ่งเรืองโอภาสงามยิ่งนัก สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังพระยาวิชาเยนทร์กราบทูลพรรณนาสมบัติ ณ เมืองฝรั่งเศสวิเศษต่าง ๆ มิได้ทรงเชื่อ พระราชดำริจะใคร่เห็นความจริง จึ่งมีพระราชดำรัสแก่เจ้าพระยาโกษาธิบดีว่า เราจะแต่งกำปั่นให้ไปถึงเมืองฝรั่งเศส จะได้ผู้ใดเป็นนายกำปั่นออกไปสืบดูของวิเศษ ยังจะมีจริงสมเหมือนคำพระยาวิชาเยนทร์หรือประการใด เจ้าพระยาโกษาจึ่งกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าไม่เห็นผู้อื่น ซึ่งจะเป็นนายกำปั่นไปถึงเมืองฝรั่งเศสได้ เห็นแต่นายปาน ผู้น้องข้าพระพุทธเจ้าผู้เดียว อาจไปสืบข้อราชการ ณ เมืองฝรั่งเศสดุจกระแสพระดำริได้ จึ่งมีพระราชโองการตรัสให้หานายปานเข้ามาเฝ้า แล้วตรัสว่า ไอ้ปานมึงมีสติ ปัญญาอยู่ กูจะใช้ให้เป็นนายกำปั่นไป ณ เมืองฝรั่งเศส สืบดู สมบัติพระเจ้าฝรั่งเศส ยังจะสมดังคำพระยาวิชาเยนทร์กล่าวหรือจะมิสมประการใด นายปานกราบทูลพระกรุณา รับอาสาจะไปเมืองฝรั่งเศสสืบให้ได้ราชการตามรับสั่ง แล้วกราบบังคมลาออกไปจัดแจงการทั้งปวงในกำปั่น ให้เที่ยวสืบหาคนดีมีวิชา ก็ได้อาจารย์คนหนึ่งได้เรียนในพระกรรมฐานชำนาญญาณกระสินธุ์ และ รู้วิชาการต่าง ๆ แต่เป็นนักเลงสุรา ยอมจะไปด้วย นายปานมีความยินดีนัก แล้วจัดหาพวกฝรั่งเศสเป็นล้าต้า ต้นหน คนท้าย ลูกเรือ พร้อมเสด็จ ก็ให้เจ้าพระยาโกษาพาเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลา ทรงพระกรุณาตรัสสั่งให้แต่งพระราชสาส์น แล้วตั้งให้ นายปานเป็นราชทูต ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|