siamese
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 07:49
|
|
เหวอ . . หนักแล้ว อัตโน
โห หัวหมุนติ้ว ๆ เลยหรอครับผม 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
spyrogira
อสุรผัด

ตอบ: 36
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 09:13
|
|
กำลังสนุกครับ ท่านอาจารย์ ... 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 19:20
|
|
ในเมื่อระบบรายได้ของขุนนางอยุธยาในสมัยนั้นเป็นอย่างที่เรียกกันว่า "จับเนื้อกินเอง" คือหารายได้เอง ราชการไม่มีให้ หรือมีก็ไม่พอ เราก็พอจะเดาได้ว่านายแซมมวล ไวท์ แกไม่ได้หวังว่าศูนย์กลางที่อยุธยาจะมาอุดหนุนจุนเจืออะไรแก แต่ว่ามะริดเป็นเมืองท่าอันเป็นศูนย์รวมของเงินทองไหลไปเทมาอยู่แล้ว แกจะแคร์อะไรกับเมืองหลวง การที่ส้มหล่นมาที่แซมมวล ไม่ใช่เหตุบังเอิญ สมเด็จพระนารายณ์เลือกนายเรือชาวอังกฤษรายนี้ก็เพราะมีคนส่งเสริมสนับสนุนให้ทรงเลือกเถอะพ่ะย่ะค่ะ คนนี้ละเหมาะมาก คนแบ๊คอัพนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฟอลคอนซึ่งหาทางส่งตัวเองเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักได้สำเร็จแล้วในตอนนั้น เมื่อฟอลคอนถูกอัธยาศัยกับไวท์ ไวท์ก็เลยมีเส้นขนาดก๋วยเตี๋ยวหลอดส่งตัวเขามาหาช่องทางร่ำรวยอยู่ที่นี่ และเราก็คงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความว่า ถ้าไวท์จะรวย ก็คงไม่ใจดำ รวยอยู่คนเดียว โดยไม่ตอบแทนฟอลคอนให้สมกับที่เกื้อหนุนมาด้วยดี
หน้าที่ของเจ้าท่าอย่างนายสยามขาวพระเอกของเราคือทำการค้าซื้อไปขายมาให้ท้องพระคลังสินค้า แต่มะริดนั้นก็อยู่ไกลอยุธยามากพอที่เจ้าท่าจะทำอะไรต่อมิอะไรได้ โดยไม่ต้องแจ้งอยุธยาไปเสียทุกอย่าง ผลจึงออกมาว่าสินค้าหลวงในเรือหลวงที่ส่งไปค้าขายตามเมืองต่างๆด้านตะวันตกของสยาม มีสินค้าของหลวงอยู่ไม่ถึงครึ่งลำเรือกระมัง เนื้อที่ค่อนลำเรือที่เหลือนั้นเป็นสินค้าส่วนตัวของท่านเจ้าท่าทั้งสิ้น ไวท์มาอยู่มะริดไม่นาน สมบัติก็เพิ่มพูนขึ้นทันตาเห็น พอจะทำให้ฝันหวานว่าจะกลับไปอังกฤษได้อย่างเศรษฐีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 21:45
|
|
ขอเข้าฉากตรงนี้ก่อนแล้วกันนะครับ
ในลิงค์ที่ผมโยงไว้ให้จะเห็นแนวทางการวิเคราะห์ของหลายท่านในพันทิปที่น่าจะสรุปได้ว่า ราชอาณาจักรไทยสมัยโน้น ทางฝั่งทะเลฝ่ายตะวันตกนี่ มีเมืองชื่อตะนาวศรี เป็นหัวเมืองสำคัญ และมีมะริดเป็นเมืองท่า
เมืองตะนาวศรีนั้นอยู่ลึกเข้าไปตามแม่น้ำสายที่มีเมืองมะริดตั้งอยู่ที่ปากอ่าว ดังเหตุผลที่คุณม้าเคยให้ไว้ว่า เมืองสำคัญนั้นจะต้องอยู่ไกลทะเลหน่อยเพื่อที่ทัพเรือของข้าศึกจะได้ไม่สามารถจู่โจมเข้าถึงตัวโดยง่าย เจ้าเมืองตะนาวศรีมีศักดิ์เป็นพระยาที่กรุงศรีอยุธยาส่งมาคุมกำลังทหารมอญชาวพื้นเมืองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ที่มะริดก็มีเจ้าเมืองปกครองเหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับพระยาตะนาวศรีอีกทีหนึ่ง ตำแหน่งสำคัญของเมืองนี้คือนายท่าผู้ดูแลการค้า หรือชาร์บันดาShabandaที่แต่ไหนแต่ไรมาคนไทยไม่ได้เป็น ที่มะริดนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวอิหร่าน ฝรั่งน่ะ มาทีหลัง
ผมเอ่ยถึงบทบาทของเมืองตะนาวศรีไว้ก่อนเพราะตอนท้ายประวัติของนายสยามขาวจะมีบทบู๊ ท่านจะได้เข้าใจที่มาที่ไป
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 21:48
|
|
ส่วนมะริดเล่า ทำไมจึงเป็นเมืองท่าสำคัญขึ้นมาได้
การค้าทางทะเลสู่กรุงศรีอยุธยา ตามเส้นทางด้านตะวันออกที่ส่วนใหญ่ค้าขายกับจีนนั้นไม่มีอุปสรรคปัญหา แต่เส้นทางเดินเรือทางตะวันตกมีพื้นที่อับลมในบริเวณที่เรียกว่า“ช่องแคบมะละกา” ตรงนั้นในบางฤดูกาลเรือสินค้าที่ใช้ใบไม่สามารถวิ่งผ่านได้ หรือวิ่งผ่านได้แต่ช้ามาก จนถูกชาวมลายูเมืองอาเจะห์ที่อยู่บนฝั่งพายเรือยาวมาปล้นเอาได้ถึงกลางทะเล
ดังนั้น พ่อค้าจึงเลือกที่จะเดินเรือมาที่มะริด แล้วถ่ายของเก็บไว้ในโกดัง รอกระทั่งฤดูที่ลมส่งท้ายเรือให้กางใบใช้ความเร็วเต็มที่ได้ จึงขนถ่ายสินค้าใส่เรือขนาดย่อมวิ่งเข้ากรุงศรีอยุธยาอีกทีหนึ่ง ส่วนคนถ้าไม่อยากอยู่รอ ก็สามารถเดินทางบกจากมะริด ผ่านตะนาวศรี ข้ามเขามาทางด่านสิงขร แล้วมาลงเรือต่อที่กุย หรือปราณบุรี เข้ากรุงศรีอยุธยาได้เลยโดยไม่ต้องมากับเรือ มะริดในสมัยที่หลังจากฝรั่งเริ่มค้นพบเส้นทางเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปมาเอเซียตะวันออกได้จึงมีความสำคัญขึ้นมาได้ฉะนี้
แผนที่เมืองมะริดซึ่งฝรั่งเศสทำไว้หลังจากนายสยามขาวหมดวาสนาไปแล้วนิดเดียวนั้น จึงเห็นอาคารยาวๆที่เป็นคลังสินค้ามากมาย ทั้งของเอกชนและของหลวง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 22:02
|
|
แถมอีกนิด
มะริดเจริญได้ก็เพราะการขนส่งสินค้าด้วยเรือสำเภากางใบจากตะวันตกมาเมืองไทยเท่านั้น เมื่อกลับคืนไปเป็นของพม่า การค้าตรงนี้ก็ขาด มะริดก็หมดความสำคัญไป พม่าไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ไทยเคยได้
ครั้นเรือสินค้าเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความจำเป็นของไทยที่จำเป็นต้องมีมะริดในฐานะเมืองท่าก็ไม่เหลือแม้น้อย (แต่ในด้านการท่องเที่ยวและเก็บเกี่ยวทรัพยากรทางทะเลนั้น พม่ารออนาคตตรงนี้อยู่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 22 เม.ย. 13, 22:06
|
|
ขอเชิญกลับไปที่บทบาท"จับเนื้อกินเอง"ของนายสยามขาวต่อครับ ท่านจขกท.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 08:49
|
|
คุณหนุ่มสยาม เด็กชายประกอบ คุณลุงไก่ คุณ spyrogira และท่านอื่นๆ มัวไปอยู่ไหน เข้ามายกป้ายเชียร์ท่านออกพระหน่อยเร้ว เดี๋ยวท่านจะเขิลลล...
ก่อนจะลงจากเรือนไทยไปช็อปปิ้ง ขอส่งการบ้านตามที่ออกพระศรีนวรัตนให้ไว้ เรื่อง "จับเนื้อกินเอง "ก่อนค่ะ
ขอขยายคำว่า "จับเนื้อกินเอง" ว่า เนื้อในที่นี้หมายถึงเนื้อทรายเก้งกวาง ไม่ใช่เนื้อหนังมังสา อาชีพขุนนางในสมัยโน้นก็เหมือนอาชีพบางอาชีพที่ไม่ต้องอธิบายให้มาก อาจไม่มีในประเทศไทย แต่ยังพบได้บ่อยในประเทศสารขัณฑ์ คือถึงแม้รายได้น้อยแต่ใครๆก็อยากเป็น เพราะเป็นแล้วรวย เนื่องจากมีช่องทางให้หารายได้เสริมได้ง่ายกว่าอาชีพอื่น แต่ต้องขยันออกป่าจับเหยื่อกินเอง จะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ในออฟฟิศอย่างเดียวไม่ได้
แซมมวล ไวท์ มาเป็นเจ้าท่าได้ไม่นานก็จับเนื้อกินเองได้เหลือเฟือ เรือสินค้าที่ต้องผ่านไปมา หรือแวะท่ามะริดอยู่แล้ว ลำไหนเจอแจ๊คพ็อท ก็จะถูกท่านเจ้าท่ายึดเรือไว้ เพื่อยัดข้อหาโน่นข้อหานี่ แล้วแต่ว่าสำรวจแล้วท่านไวท์จะหาข้อบกพร่องอะไรเจอได้บ้าง บางลำก็โดนริบสินค้า บางลำก็เจอค่าปรับ ถ้าไม่จ่ายให้ท่าเรือซะดีๆ ก็อย่าหวังเลยว่าจะแล่นใบไปขายสินค้าที่ปลายทางได้ นายเรือพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องกัดฟันจ่าย เพราะยังดีกว่าถูกยึดต้นทุนหายปลายทุนหด ลำไหนมีสินค้าแพงๆขนมามาก อาจถูกรางวัลที่หนึ่งคือถูกยึดทั้งเรือทั้งของไปหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 09:03
|
|
สรุปความว่า โดยหน้าที่แล้วนายสยามขาวก็เป็นขุนนางผู้มีเกียรติของอยุธยา แต่โดยภาคปฏิบัติแล้ว แกก็เป็นสลัดทะเลหลวงเราดีๆนี่เอง ควรจะเปลี่ยนชื่อจาก "สยามขาว" เป็น "ฉลามขาว" อย่างยิ่ง
ถ้ามีใครสงสัยอยากยกมือถามว่า พฤติกรรมเลวร้ายของเจ้าท่า ไม่ถูกร้องเรียนไปถึงพระเนตรพระกรรณบ้างหรือ คำตอบก็คือ คอรัปชั่นของไวท์ซึ่งเรียกได้เต็มปาก ว่า ทั้ง"ฉ้อราษฎร์" และ "บังหลวง" นี้ ไวท์รู้ดีว่าถ้าทำคนเดียว ก็มีหวังถูกจับได้ ไม่มีทางรอดหลักประหารไปได้แน่นอน คอรัปชั่นถ้าให้ปลอดภัยต้องทำเป็นขบวนการ แกจึงรอบคอบพอจะส่งส่วยไปถึงผู้มีอำนาจอยู่เหนือแกขึ้นไป คนนั้นเราก็คงพอเดาได้ว่าเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเพื่อนซี้ของแก ผู้ซึ่งบัดนี้ก้าวพรวดๆขึ้นเป็นถึงเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ขุนนางคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อวิชเยนทร์ได้ส่วนแบ่งอย่างงามจากไวท์ ก็ยินดีปรีดาว่าไม่เสียแรง เพื่อนคนนี้ได้ดีแล้วไม่ลืมเพื่อน ดังนั้นพฤติกรรมเลวใดๆของไวท์ที่จะเล็ดรอดถึงพระเจ้าแผ่นดิน วิชเยนทร์ก็ปัดเป่าเสียให้หนักกลายเป็นเบา และร้ายกลายเป็นดี พระเอกและพระรองก็เลยอยู่รอดกันมาได้ แม้ว่าจะหวุดหวิดอยู่หลายทีก็ตาม
นอกจากจับเนื้อกินเองแล้ว ไวท์ยังค้าขายส่วนตัวโดยอาศัยเรือหลวง กะลาสีหลวง ต้นทุนหลวง ขนสินค้าไปขายตามเมืองต่างๆทางอินเดียตอนใต้ ข้อนี้เป็นเหตุให้เกิดพิพาทกับเจ้าเมืองคนหนึ่งชื่ออาลี บีค(Ali Beague) มีตำแหน่งเป็น governor ของเมืองชื่อมาสุลิปาตัม ( Masulipatam) อยู่ทางอินเดียตะวันออก ปัจจุบันเรียกว่า Machilipatnam หรือ รัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย
จากนี้ขอส่งไม้ให้ท่านออกพระซีนวรัตนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
spyrogira
อสุรผัด

ตอบ: 36
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 09:31
|
|
ครับ ..  ... ระบบ ขอรับฉัน นี่ .. มันเกิดมาพร้อมมนุษย์เลยนะครับ .. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 10:06
|
|
ศูนย์ช็อปปิ้งยังไม่เปิดค่ะ เลยกลับเข้ามาในเรือนไทยได้อีกหน่อย
ยังหาประวัติไม่เจอว่าคอรัปชั่นครั้งแรกในโลกเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เข้าใจว่าเมื่อมนุษย์ออกจากถ้ำมาตั้งชุมชน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน การทุจริตก็เกิดขึ้นแล้วในตอนนั้น ในศตวรรษที่ 17 ยุคของนายสยามขาวนี้ คอรัปชั่นเกิดขึ้นอย่างเละเทะในการค้าของอังกฤษสู่เส้นทางตะวันออก บริษัทอีสต์อินเดียเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานผูกขาดจากรัฐบาลอังกฤษ ให้มาเป็นเอเย่นต์ค้าขายทางตะวันออกอยู่เพียงผู้เดียว จึงโกยกำไรมหาศาลโดยไม่มีคู่แข่ง เมื่อเงินทองไหลเข้าบริษัทไม่อั้น ก็เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัทถือโอกาสหากินกับรายได้ของบริษัท แล้วแต่จะหาหนทางไหนได้บ้าง จนกลายเป็นปัญหาร้ายแรง ถูกส่งเข้ารัฐสภาอังกฤษ เกิดการอภิปรายกันนับไม่ถ้วนครั้งเรื่องการติดสินบนและการทุจริต บิ๊กๆของบริษัทถูกจับได้ไล่ทันก็กลายเป็นนักโทษถูกส่งตัวไปคุมขังไปยังหอคอยแห่งลอนดอน
รูปข้างล่างนี้เป็นหน้าปกเอกสารรวบรวมการอภิปรายของรัฐสภา เกี่ยวกับเรื่องทุจริตในบริษัทอีสต์อินเดียค่ะ ในเมื่อคอรัปชั่นระบาดอย่างกว้างขวางจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมลูกปูอย่างนายสยามขาวถึงไม่ได้ตะขิดตะขวงใจเลยในการเจริญรอยตามแม่ปูขาเกบ้างเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
spyrogira
อสุรผัด

ตอบ: 36
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 11:16
|
|
ขอบคุณครับอาจารย์ .. ..  ขออนุญาตฟังเลคเชอร์อย่างเดียวครับ .. 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 11:28
|
|
คุณหนุ่มสยาม เด็กชายประกอบ คุณลุงไก่ คุณ spyrogira และท่านอื่นๆ มัวไปอยู่ไหน เข้ามายกป้ายเชียร์ท่านออกพระหน่อยเร้ว เดี๋ยวท่านจะเขิลลล...
ก่อนจะลงจากเรือนไทยไปช็อปปิ้ง ขอส่งการบ้านตามที่ออกพระศรีนวรัตนให้ไว้ เรื่อง "จับเนื้อกินเอง "ก่อนค่ะ
มาคร้าบ ๆ แอบนั่งกินขนมอยู่หลังห้อง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 23 เม.ย. 13, 14:28
|
|
ฮิฮิ มาแย่งขนมท่านหนุ่มรอออกพระนวรัตนด้วยอีกคนครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
|