เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 120 เมื่อ 09 พ.ค. 13, 20:07
|
|
นโยบายตีสองหน้าเป็นสิ่งไวท์ถนัดอยู่แล้ว ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่มีอะไรดีกว่าผูกมิตรกับเวลเดนเอาไว้ เพราะถ้าหักหาญกับเวลเดนก็เท่ากับเป็นศัตรูกับบริษัทอีสต์อินเดีย ถึงไวท์โกรธขนาดไหนที่เวลเดนยึดเรือเรสโซลูชั่นเอาไปจอดไว้เคียงเรือ ไวท์ก็คลั่งขึ้นมาประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็ระงับอารมณ์ได้ เริ่มพูดจากับเวลเดนด้วยดีต่อไป
ไวท์ยังมองการณ์ไกลอีกว่าถ้าเวลเดนทำหักหาญกับเมืองมะริดจนชาวเมืองทนไม่ได้ขึ้นมา เกิดสู้รบกันขึ้น จนล้มตายกันไปทั้งสองฝ่าย บริษัทอีสต์อินเดียก็เอาผิดกับไวท์ไม่ได้ เพราะไวท์แสดงตัวว่าเป็นมิตรกับเวลเดนมาตลอด ในขณะเดียวกันไวท์ก็เหยียบเรือสองแคมคือสั่งทางมะริดและตะนาวศรีให้เตรียมพร้อมหากอังกฤษบุกมะริดขึ้นมาง่ายๆ ถ้าหากว่าเวลดอนเล่นไม้แข็งกับมะริด ไวท์ก็ยังมีข้อแก้ตัวกับเจ้าพระยาวิชเยนทร์ได้ว่ามิได้รู้เห็นเป็นใจกับเวลเดน
เกมทั้งหมดนี้คนที่พอจะดูออกไม่มากก็น้อย คือดาเวนพอร์ทซึ่งตอนนั้นพักอยู่ในเรือของเวลเดน ดาเวนพอร์ทจึงพยายามเตือนเวลเดนว่าอย่าไว้ใจนายท่าเขี้ยวลากดินอย่างไวท์ แต่เวลเดนนอกจากฉลาดน้อยแล้ว ก็ยังพอใจง่ายๆกับสินบนที่ไวท์แอบเสนอให้ ดาเวนพอร์ทเตือนเท่าไหร่ เวลเดนก็ทำหูทวนลมเสีย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 121 เมื่อ 10 พ.ค. 13, 23:07
|
|
ต่อมาอีกไม่กี่วัน เรือติดอาวุธลำที่สองชื่อเจมส์ก็มาสมทบกับเรือของเวลเดนที่เมืองมะริด ไวท์ก็ต้อนรับขับสู้ตามเคย ทั้งๆตอนนั้น ชาวบ้านไม่ว่าอังกฤษไม่ว่าไทยในเมืองมะริดเริ่มจะอกสั่นขวัญหายกันแล้ว เกรงว่าวันร้ายคืนร้ายจะถูกเรืออังกฤษถล่มเมืองขึ้นมาโดยไม่มีใครป้องกันทัน ในเมื่อไม่ได้เอ่ยถึงชาวบ้านชาวเมืองมาก่อน ก็อาจจะทำให้ท่านผู้อ่านเข้าใจว่าชาวเมืองมะริดถ้าไม่ใจเย็นเหลือขนาดก็คงงี่เง่านอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น ปล่อยให้ฝรั่งทำต้มยำกันตามใจชอบ ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ตั้งแต่เวลเดนพาเรือเข้ามาข่มขู่ แสดงอำนาจตามใจชอบ ถูกจับตามองด้วยความปริวิตกจากคณะกรมการเมืองมะริดมาแต่แรก แต่ยังไม่สบโอกาสจะทำอะไร เพราะท่านเจ้าท่าออกหน้าไปต้อนรับขับสู้อยู่เสียก่อน คณะกรมการเมืองมะริดคือใคร ( ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Council of Mergui) ในการปกครองเมืองมะริด ประกอบด้วยเจ้าเมืองซึ่งเป็นชาวอังกฤษชื่อบาร์นาบี้ ไม่ได้เอ่ยถึงเพราะพี่แกไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรนัก จึงถูกปลดเป็นตัวประกอบ รองลงมาคือเจ้าท่าไวท์พระเอกผู้ร้ายของเรา นอกจากนี้มีคนไทยอีก 5 คนเรียกว่ากรมการเมืองมะริดช่วยกันปกครอง ใน 5 คนแบ่งเป็น 3 คนประจำการอยู่ตะนาวศรี ก็เหลือแค่ 2 คนอยู่ที่เมืองมะริด ซึ่งแน่ละว่ามีแค่ 2 เสียง ก็คงทำตาปริบๆ ค้านไวท์ไม่ได้อยู่ดี ก่อนหน้านี้ พวกนี้ก็ต้องหยวนๆกันเรื่อยมาตราบใดที่ไวท์ยังไม่ได้ข่มเหงรังแกชาวเมืองโดยตรง ไวท์ก็คงรู้ข้อนี้ดี จึงเลือกแต่ข่มเหงรังแกพ่อค้าวาณิชต่างเมืองแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อ 11 พ.ค. 13, 09:38
|
|
ตอนนี้ กรมการเมืองมะริดชาวไทยมองสถานการณ์แล้วเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากกัปตันเวลเดนพาเรือติดอาวุธเข้ายึดเมืองมะริด โดยมีไวท์ เจ้าท่าเป็นผู้อ่อนน้อมยอมให้เขายึดเมืองไปอย่างง่ายดาย กรมการเมืองที่มะริดจึงส่งข่าวไปบอกพรรคพวกอีก 3 คนตะนาวศรี กรมการเมืองที่ตะนาวศรีรู้ข่าว ก็รวบรวมผู้คน ยกพลมาที่มะริดอย่างเงียบๆ แล้วคบคิดกับกรมการเมืองมะริดเริ่มซ่องสุมผู้คน ตั้งค่ายรบในป่ารอบเมือง ที่เหลือก็ลงเรือเพื่อเข้าจู่โจมทางปากอ่าว เตรียมปืนผาหน้าไม้ จัดเตรียมอาวุธระยะไกลด้วยการใช้ขวดบรรจุดินปืน เพื่อขว้างใส่แทนระเบิด ทั้งหมดนี้ไวท์คงไม่มีกองสอดแนมอยู่ในมือ จึงไม่ได้เฉลียวใจ
ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วไวท์คิดอย่างไรกันแน่กับเวลเดน ในหนังสือของคอลลิส ได้แจกแจงความเห็นเอาไว้หลายหน้ากระดาษ (ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้น้ำท่วมทุ่งจริงๆ ช้อนผักบุ้งขึ้นมาได้ยากมาก) ว่ายังไงไวท์ก็สัญชาตินักเลงจริง ไม่ยอมแพ้แก่เรือรบอังกฤษให้เสียหน้าตัวเอง เพราะจะต้องกลับไปขึ้นศาลอังกฤษอยู่ดีเรื่องปล้มสะดมเรือ แต่กรมการเมืองซึ่งไม่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ และมองเข้าไปไม่เห็นหัวใจนายสยามขาว ก็เห็นแต่พฤติกรรมตำตาเช่นไวท์ก็เอาแต่เลี้ยงดูปูเสื่อกัปตันไวท์กันเป็นที่รื่นเริงอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า กัปตันเวลเดนก็เดินระรื่นจากเรือ มารับเลี้ยงในบ้านพักท่านเจ้าท่าโดยไม่ถืออาวุธป้องกันตัวเองสักอย่าง แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างแน่นแฟ้น ยังงี้ถ้าไม่ให้กรมการเมืองลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า "มันก็ไอ้พวกเดียวกัน" แล้วจะให้คิดยังไงได้อีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อ 11 พ.ค. 13, 12:24
|
|
ถ้ามองย้อนไปถึงความเป็นมาของไวท์ เขาก็เช่นเดียวกับวิชเยนทร์ คือเริ่มต้นชีวิตอย่างนักแสวงโชค มือเปล่ามาจากบ้านเกิดเมืองนอน ตุหรัดตุเหร่มาถึงดินแดนเอเชียอันไกลโพ้นโดยไม่รู้แน่ว่าตัวเองจะได้อะไรกลับไปมากน้อยแค่ไหน แต่โชคก็ส่งให้พวกเขามาตั้งหลักได้ในพระราชอาณาจักรเล็กๆที่กษัตริย์และพลเมืองมีนิสัยโอบอ้อมอารี ไม่รังเกียจชาวต่างชาติที่แตกต่างทั้งหน้าตาผิวพรรณและศาสนา ผิดกับบางอาณาจักรที่เห็นคนต่างถิ่นก็ไม่ไว้ใจเสียแล้ว ไล่ได้เป็นไล่ ฆ่าได้เป็นฆ่า เพื่อป้องกันภัยไว้ก่อน
แต่ทั้งวิชเยนทร์และไวท์ผู้ได้อำนาจวาสนาทำอะไรกับคนในอาณาจักรที่ให้โอกาสเขาสร้างตัว คำตอบก็คือเขาไม่คิดเป็นมิตรกับชาวเจ้าของดินแดนเลยแม้แต่น้อย ที่ปักหลักอยู่ ก็เพื่อกอบโกยแสวงหาความมั่งคั่งให้ตัวเอง ไวท์แตกต่างจากวิชเยนทร์ตรงที่ไม่ทะเยอทะยานใฝ่สูงถึงขั้นกุมอำนาจในประเทศไว้ ไวท์ขอแค่วิ่งเต้นมีเส้นสายมาเป็นนายท่าเมืองท่าริมทะเลก็พอแล้ว เพราะรู้ว่าทรัพย์สินมาจากทะเลมากกว่าบนบก แต่เรื่องปกครองมากกว่านั้น ไม่เอา
ดังนั้นชาวเมืองมะริดก็ดี ชาวเมืองอื่นๆตั้งแต่ตะนาวศรีไปจนอยุธยาก็ดี เป็นแค่"ชาวพื้นเมือง" หรือ native ในสายตาฝรั่งอย่างไวท์ คำนี้มีความหมายแฝงความดูถูกว่าเจ้าของประเทศด้อยพัฒนาป่าเถื่อนกว่าตน จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่ปรากฏว่าวิชเยนทร์ผูกมิตรกับขุนนางไทยอื่นๆ หากแต่หันไปผูกมิตรกับฝรั่งโดยไม่เลือกเชื้อชาติ และก็ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมไวท์จึงไม่เคยคิดสร้่างมิตรภาพกับกรมการเมืองมะริด ผลคือเขาไม่รู้เลยว่า ดาบของชาวเมืองกำลังจ่อคอหอยเขาอยู่แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 124 เมื่อ 11 พ.ค. 13, 22:09
|
|
ในเมื่อฝรั่งไม่มีจิตคิดปรารถนาดีกับชาวสยาม ก็ไม่ต้องหวังว่าชาวสยามจะมีไมตรีจิตตอบทั้งวิชเยนทร์และไวท์ ตลอดจนฝรั่งอื่นๆในเมืองมะริด ตรงกันข้าม การที่ไวท์กับบาร์นาบี้ข้ามหัวมาเป็นนายของชาวบ้านเจ้าของท้องถิ่นในเมืองนี้ก็เป็นสิ่งที่ชาวเมืองทั้งหลายกลืนได้ยากอยู่แล้ว แต่จะค้านก็ไม่ได้ในเมื่อเป็นพระบรมราชโองการของสมเด็จพระนารายณ์แต่งตั้งมา ทุกคนรู้ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้มีวิชเยนทร์หนุนหลังอยู่ บัดนี้ไวท์ก็เข้าไปสมคบกับฝรั่งอังกฤษที่เอาเรือติดอาวุธมายื่นคำขาดกับสยามให้จ่ายค่าเสียหายมากมายแก่พวกเขา ทั้งๆอะไรที่ไปทำความเสียหายตามอ้างนั้นชาวบ้านก็ไม่ได้ก่อขึ้นเลยสักนิด ชาวเมืองมะริดจึงมองอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่า ขืนปล่อยทิ้งเอาไว้ฝรั่งพวกนี้มันฮุบเมืองไปแน่นอน มิใช่แต่มะริด กรุงศรีอยุธยาก็คงเสียแก่ฝรั่งเป็นลำดับต่อไป พวกเราจะต้องกลายเป็นขี้ข้าฝรั่งตาน้ำข้าวกันทั้งอาณาจักรเป็นแน่
ระหว่างนี้ ไวท์หาได้เฉลียวใจไม่ว่าวันดีเดย์ที่ชาวบ้านจะยกพลขึ้นเล่นงานนั้นใกล้เข้ามาแล้ว มีแต่ดาเวนพอร์ทที่เริ่มรู้สึกรำไรว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็เตือนเวลเดนและไวท์ว่า...เรือชาวบ้านมันมาลอยลำอยู่เต็มแถวๆหน้าเรือนท่านเจ้าท่านะท่าน ตอนดึกๆทุกคืน มันดูผิดปกติ ยังไงก็อย่าชะล่าใจ ขนชาวอังกฤษมาลงเรือให้หมดซะก่อนเถอะ ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คำเตือนของดาเวนพอร์ทก็ blowing in the wind ลอยหายไปกับสายลมตามระเบียบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 125 เมื่อ 11 พ.ค. 13, 22:26
|
|
ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1687(พ.ศ. 2230 ) เวลเดนไปกินอาหารค่ำที่บ้านของไวท์ตามเคย โดยหนีบเอาทหารติดตามไปด้วยกลุ่มหนึ่ง เหลือแต่ต้นหนเฝ้าเรืออยู่ จนสามทุ่มเศษกินเสร็จก็จะกลับ พอเดินลงบันไดบ้านมา มีไวท์เดินมาส่งอย่างมารยาทดี ก็สะกิดใจนิดหน่อยว่าทุกคืนมีบ่าวถือไต้จุดไฟลุกโพลงคอยส่องทางให้ เพื่อจะไปลงที่ท่าน้ำ แต่คืนนั้นไม่รู้บ่าวหายตัวไปไหน ไต้ก็ไม่มี เจ้าของบ้านก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ส่งแขก ให้เวลเดนก็เดินดุ่มฝ่าความมืดจะไปลงเรือ
ฉับพลันเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเหมือนในหนังฮอลลีวู้ด คนกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากเงามืดราวกับปีศาจ ตรงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายทหารเรืออังกฤษทั้งกลุ่มชนิดไม่ให้ตั้งตัว คนหนึ่งพุ่งมาที่กัปตัน ใช้กระบองหรือไม้พลองอะไรสักอย่างหวดลงไปบนหัว เวลเดนล้มฟุบลงไปทันที พวกทหารติดตามก็ระส่ำระสายตั้งตัวไม่ติด ใช้ปืนยิงส่งเดชเข้าไปในหมู่คนที่ตะลุยกันเข้ามา ส่วนไวท์นั้นยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก พอได้สติหันกลับเผ่นหนีเข้าบ้านก็เห็นคนออกันเต็มหน้าประตูบ้าน ก็รู้ว่าคับขัน ไม่มีทางอื่นนอกจากหนีลงเรือ ก็โกยแน่บไปลงเรือพายอีกลำที่ริมน้ำ ให้ทหารฝรั่งในเรือพายออกไปส่งที่เรือโดโรธีซึ่งขณะนั้นจอดอยู่กลางทะเล
กลุ่มทหารติดตามเวลเดนตะลุมบอนกับชาวเมืองที่จู่โจมเข้ามา แบบน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จึงถูกฝ่ายที่มีกำลังเหนือกว่ารุมฟันแทง ฆ่าตายจนหมด มีรอดไปได้คนเดียวคือเวลเดนซึ่งล้มสลบไป ใครๆนึกว่าตายแล้ว พอฟื้นขึ้นมาก็ค่อยๆคลานหลบใช้ความมืดกำบังออกไปจนถึงหลังบ้าน แล้วเลาะริมฝั่งลุยโคลนไปจนพบกับเรือพายของไวท์ซึ่งถูกน้ำพัดลอยไปตามริมฝั่ง คนบนเรือเห็นเงาตะคุ่มโซเซมาก็พายเรือมาใกล้ แล้วฉุดเวลเดนขึ้นเรือไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 126 เมื่อ 12 พ.ค. 13, 12:35
|
|
ทางชาวเมืองคงไม่ได้วางกำลังสะกัดจับทางเรือเอาไว้ เรือเล็กของไวท์จึงเล็ดรอดไปจนถึงเรือเรสโซลูชั่นที่จอดอยู่บนสันดอนปากอ่าว ไวท์พาเวลเดนขึ้นเรือไป ตัวเองก็รีบส่งคนไปเรือเคอร์ตานาของเวลเดนที่จอดทอดสมอห่างออกไป บอกว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วในเมืองมะริด ให้หมอจากเรือเคอร์ตานารีบมารักษากัปตันด่วน แล้วถอนสมอเรือเรสโซลูชั่นออกไปพ้นสันดอน ไปจอดเคียงเรือเคอร์ตาน่า เพื่อให้พ้นรัศมีการยินจากเมือง คืนนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลของพวกอังกฤษที่ไม่ทันตั้งตัว เรือเคอร์ตานาเองก็ถูกยิงจากป้อมปืนใหญ่บนฝั่งในเวลา 3 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาลงมือของชาวเมือง แต่กระสุนไม่ถูกเรือ บ้านของไวท์เริ่มถูกไฟเผา เช่นเดียวกับเรือเจมส์ถูกยิงจนชำรุดเสียหาย ลูกเรือตายไปหลายคน แต่กัปตันหนีรอดมาสมทบกับไวท์ได้ ฝรั่งอังกฤษทุกคนลงความเห็นว่าสภาพในตอนนั้นเสียเปรียบ ไม่พร้อมจะต่อสู้กับชาวเมืองมะริด ไหนกัปตันจะบาดเจ็บ ไหนเรือเจมส์จะเสร็จไปแล้วลำหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องล่าถอย เรือเรสโซลูชั่นและเคอร์ตาน่าจึงกางใบออกนอกอ่าวไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน ปัญหาที่ทุกคนยังแก้ไม่ตกก็คือ ในเมื่อหนีรอดกันออกมาได้ไม่กี่คนแค่นี้ คนอังกฤษที่เหลือตกค้างอยู่ในมะริด จะมีชะตากรรมอย่างไรกับชาวเมืองที่บ้าคลั่งบุกเข้าฆ่าฟันฝรั่งอย่างไม่ยั้ง ไวท์เป็นห่วงคนอังกฤษในเมืองมาก แต่มิได้คิดเลยว่าสาเหตุที่ชาวเมืองถึงจุดระเบิดนี้เกิดมาจากใครและเรื่องอะไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 127 เมื่อ 12 พ.ค. 13, 13:33
|
|
ไวท์ออกความเห็นว่าจะส่งเรือเล็กแอบเข้าไปสอดแนมดูข่าวคราวในเมือง เพราะคิดว่าคนอังกฤษในเมืองอาจจะถอยไปรวมกันที่บ้านของไวท์ซึ่งแข็งแรงมั่นคง พอจะต้านทานชาวเมืองได้สักระยะ แต่ว่าบรรดาพวกลูกเรือและกัปตันที่มาสมทบก็ชี้แจงว่า บ้านของไวท์ถูกไฟเผาวอดวายไปแล้ว คงไม่มีคนอังกฤษเหลืออยู่แถวนั้นอีก ระหว่างนั้นศพฝรั่งก็เริ่มลอยมาติดเรือ ทำให้ความคิดจะกลับไปสอดแนมต้องล้มเลิกไป วันต่อมา ไวท์ให้แขกในเรือถือสารเข้าไปในเมือง เพื่อยอมแพ้และประนีประนอมด้วยการยอมเสียค่าไถ่ชีวิตคนอังกฤษในเมืองตามแต่อีกฝ่ายจะเรียกร้องมา ไม่มีหลักฐานว่าชาวเมืองตอบไวท์หรือไม่ อย่างไร แต่มีคำบอกเล่าจากผู้ถือสารซึ่งเข้าไปในเมือง กลับมารายงานว่าผู้ชายอังกฤษที่มีอยู่ในเมืองราว 60 คนถูกสังหารเรียบวุธ บาร์นาบี้เจ้าเมืองเองก็ถูกฆ่าตายในบ้านพัก มือขวาของไวท์ที่ชื่อเลสลี่ก็ถูกฆ่าตาย แต่ชาวเมืองเว้นชีวิตพวกผู้หญิงและเด็กเอาไว้ ก็มองได้อย่างหนึ่งว่า กรรมที่ไวท์ก่อให้มะริดมาแต่แรกด้วยความละโมบตัวเดียวแท้ๆ กลับไปตกหนักอยู่กับชาวอังกฤษที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ต้องมาสังเวยชีวิตให้กับความเจ้าเล่ห์เจ้ากลของนายท่าผู้นี้ ส่วนไวท์เองก็ใช่ว่ารอดได้แล้วจะถือว่าแคล้วคลาด ดวงที่รุ่งมาตั้งแต่ออกจากอังกฤษมาทำมาหากินอยู่ในสยาม ก็เริ่มตก เพราะพวกกลาสีชาวเรือสงสัยว่าไวท์อาจมีส่วนรู้เห็นกับชาวเมือง ก็อยากให้คุมขังไวท์ไว้ในฐานะนักโทษ และยังมีเรื่องคดีกับบริษัทอีสต์อินเดียที่เป็นชนักปักหลัง ถอนไม่หลุดอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 128 เมื่อ 12 พ.ค. 13, 16:57
|
|
เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ก็นึกถึงภรรยาของไวท์ขึ้นมา ว่าคุณนายแมรี่ ไวท์ที่พบกันในเรือโดยสารเที่ยวแรก หายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่มีการเอ่ยถึงในเหตุร้ายครั้งนี้เลย ไวท์เองก็ไม่มีตอนไหนแสดงว่าห่วงลูกเมีย เป็นไปได้ว่าภรรยาของไวท์อาจจะกลับไปอังกฤษนานแล้วก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็ตายตั้งแต่ยังสาวด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดได้บ่อยมากกับหญิงผิวขาวที่มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองร้อน ไวท์จึงอยู่ในมะริดโดยไม่มีครอบครัว เห็นได้อีกอย่างว่า ทายาทของไวท์คือพี่ชาย จอร์ช ไวท์ ทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกของไวท์ จึงเป็นได้ว่าไวท์ไม่มีลูกเมีย หรือถ้าหากว่ามีภรรยาซึ่งเดินทางกลับไปอยู่อังกฤษ และมีลูก ก็คงมีแต่ลูกสาว ไม่มีลูกชายเป็นทายาทสืบมรดกทรัพย์สินที่ดินต่อไป เหลือแต่พี่ชายซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดที่สุดเป็นทายาท ตามหลักการที่เรียกว่า primogeniture ซึ่งให้ฝ่ายชายเท่านั้นรับมรดกที่ดินบ้านช่องห้องหอของผู้ตายได้ เรื่องนี้ตั้งข้อสังเกตเฉยๆ จนกว่าใครจะกรุณาหาหลักฐานมาบอกกล่าวกันได้ว่าคุณนายไวท์หายไปไหน ตอนนี้ขอเชิญชมฉากต่อไปก่อนนะคะ
กัปตันเวลเดนผู้เป็นพันธมิตรของไวท์มาแต่แรก เพราะประทับใจกับการต้อนรับขับสู้ และเงินใต้โต๊ะที่ไวท์อัดฉีดยัดเข้ากระเป๋าให้ก่อนหน้านี้ โดดออกมาปกป้องไวท์ คงจะบวกด้วยสำนึกบุญคุณที่รอดตายมาได้เพราะไวท์รับขึ้นเรือด้วยอีกอย่าง เวลเดนยืนกรานว่าไวท์ไม่ได้เข้าร่วมกับชาวเมืองต่อต้านพวกอังกฤษแน่นอน ตัวไวท์เองก็แทบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน เมื่อกัปตันเข้าข้างไวท์ ลูกเรือก็จำต้องราข้อ ไวท์ก็อยู่ในเรือได้อย่างผู้โดยสารแทนที่จะเป็นนักโทษ นับว่านรกยังอุ้มชูนายสยามขาวต่อไปทั้งๆก็เกิดเรื่องขนาดนี้แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 129 เมื่อ 12 พ.ค. 13, 17:29
|
|
ตามจุดมุ่งหมายเดิม กัปตันเวลเดนจะเดินทางไปเมืองมัทราสในอินเดีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทอีสต์อินเดีย แล้วส่งไวท์ขึ้นฝั่งที่นั่น แต่ไวท์ก็ชาติเสือไว้ลาย รู้ดีว่าบริษัทอีสต์อินเดียเตรียมเปิดประตูกรงขังเสือเอาไว้ที่นั่นแล้ว เหยียบเมืองมัทราสเมื่อไร ความผิดที่เคยปล้นสะดมเรือของบริษัท ทั้งด้วยตัวเองและด้วยกัปตันโค้ทส์ผู้เป็นลูกน้องก็ต้องฉาวโฉ่ขึ้นมา ยังไงบริษัทก็ไม่ปล่อยมือแน่นอน หลักฐานปลอมมั่งจริงมั่งที่เตรียมไว้ก็ถูกเผาวอดวายไปพร้อมบ้านพักของนายท่า เหลือแต่ตัวรอดมาได้ เรื่องอะไรไวท์จะเดินเข้ากรงของบริษัทง่ายๆ เวลเดนเป็นผู้อยู่ในอุ้งมือไวท์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไวท์จึงเกลี้ยกล่อมให้เรือเรสโซลูชั่นแวะที่เมืองท่าเล็กๆชื่อเมืองปูลิกัต (Pulicat) ใกล้กับมัทราสนิดเดียว บอกว่าขอแวะขึ้นฝั่งไปซื้อข้าวของจำเป็นประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็จะตามไป พร้อมกับฝากจดหมายไปถึงประธานบริษัทอีสต์อินเดียให้เวลเดนนำไปให้อีกด้วย เวลเดนก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ว่าไวท์พูดอะไรเชื่อหมด ก็ปล่อยไวท์ลงที่เมืองนี้ แล้วพาเรือเดินทางต่อไปที่มัทราส ในหนังสือของคอลลิสบอกว่าพอไวท์ลงที่เมืองปูลิกัตได้ก็รีบจำหน่ายข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องเอาไปอังกฤษ เปลี่ยนเป็นเงินสดพกง่าย ฟังๆแล้วดูเหมือนไวท์ก็ยังมีสมบัติติดตัวอยู่มิใช่น้อย ไม่สมกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไวท์รอดตายมาจากหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งไม่น่าจะมีอะไรเหลือนอกจากเสื้อกางเกงที่สวม เมื่อหนีลงเรือออกปากอ่าวไปแล้วจะย้อนกลับไปขนสมบัติที่บ้านก็คงเอาชีวิตไปทิ้งแน่นอน ถ้างั้นไวท์เอาเงินที่ไหนมาอัดฉีดเวลเดนให้ปล่อยตัวลงง่ายๆ เราต้องมาปะติดปะต่อกันเอง การที่เวลเดนเกิดเชื่อไวท์อย่างปัญญาอ่อนขนาดนี้ ก็แน่ๆว่าจะต้องมีเงินทองค่อนข้างมากเป็นตัวช่วยฉุดไอคิวให้ต่ำถึงขั้น ถ้าไวท์ทำได้จริง ก็มีทางเดียวคือสินค้าในเรือเรสโซลูชั่นที่ใช้โดยสารมานี่แหละ เป็นสินค้าเดิมของไวท์ที่แอบแฝงเข้าไปในเนื้อที่สินค้าของพระคลังหลวง และไวท์ก็คงประเคนให้นายเรือไปเกือบหมด เหลือติดตัวไว้พอขายเป็นค่าโดยสารกลับอังกฤษ เวลเดนจึงยอมโดยดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 130 เมื่อ 12 พ.ค. 13, 17:50
|
|
พอได้เงินสดมา ไวท์ก็ไม่รอช้า ปร๋อออกจากเมืองปูลิกัตลงใต้ไปเมืองพอนดิเชอรี่ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งคลังสินค้าของฝรั่งเศส จากนั้นก็ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางจากพอนดิเชอรี่ไปฝรั่งเศส เมื่อถึงฝรั่งเศสเมื่อไรจะเดินทางต่อไปอังกฤษก็ง่ายแล้วทีนี้ ไวท์ก็คงนอนยิ้มไปในเรือโดยสาร ที่รอดตายจากมะริดยังไม่พอ ยังรอดคุกอิสต์อินเดีย นับคืนวันเวลากลับไปเสวยสุขที่บ้านเกิด ส่วนเรื่องคดีความ เมื่อถึงอังกฤษแล้วมีสตางค์เสียอย่างก็จ้างทนายความเก่งๆ เอาไว้สู้คดีได้ ไม่ต้องวอรี่
ส่วนทางกัปตันเวลเดนก็เดินทางต่อไปยังมัทราส เข้าไปรายงานตัวกับประธานบริษัทอีสต์อินเดียที่สำนักงานใหญ่ แต่ประธานบริษัทไม่ได้กินสินบาทคาดสินบนกับเขาด้วย ก็เดือดดาลว๊ากเวลเดนเป็นการใหญ่ที่ปล่อยนักโทษหลุดมือไปง่ายๆ อุตส่าห์ส่งไปยึดมะริดเพื่อเรียกค่าเสียหายจากสยาม ผลสุดท้ายถูกชาวเมืองไล่เปิดแน่บกลับมา พร้อมด้วยเรือเรสโซลูชั่นซึ่งก็ไม่ใช่เรือสินค้าเอกชน ดันเป็นเรือของหลวงของสยามเสียอีก ที่สำคัญคือปล่อยผู้ต้องหาสำคัญอย่างไวท์หลุดมือไปง่ายๆ ประธานบริษัทก็ยื่นคำขาดว่า จะต้องเอาเวลเดนขึ้นศาลของทหารเรือเพื่อลงโทษต่อไป เวลเดนเองรู้ตัวดีว่าทำแบบนี้คงไม่พ้นผิด ความผิดอื่นๆ สามารถแก้ตัวได้ว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ที่แก้ตัวไม่ได้มีเรื่องเดียวคือทำไวท์หลุดมือไป ความผิดแค่นี้ก็อาจจะแค่ถูกไล่ออกจากอาชีพทหารเรือ ตราบใดที่ยังมีเงินของไวท์รองรังอยู่ เวลเดนก็ไม่วิตกนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 131 เมื่อ 14 พ.ค. 13, 21:05
|
|
ย้อนกลับมาทางเมืองมะริด เมื่อเรือเรสโซลูชั่่นพาไวท์และเวลเดนหนีตายออกจากเมืองไปได้แล้ว เหตุร้ายในเมืองก็เริ่มสงบลงเพราะทางฝ่ายผู้ชนะจัดการประหัตประหารฝรั่งเสียเหี้ยนเตียน กรมการเมืองฉลองชัยชนะหมาดๆได้อึดใจเดียวก็นึกขึ้นได้ว่า สิ่งที่พวกตัวทำลงไปนี้ทางผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองหลวงหาได้รู้เรื่องด้วยไม่ เป็นการกระทำโดยพลการ มิหนำซ้ำไวท์ก็มีเส้นขนาดใหญ่อยู่ในกรุงศรีอยุธยาคือเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ซึ่งยังมีอำนาจเต็ม สามารถสั่งประหารใครโดยอ้างพระราชโองการขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ ความดีอกดีใจของกรมการเมืองก็เปลี่ยนเป็นฝ่อลงกว่าเก่า หันหน้าเข้าปรึกษากัน ลงมติกันว่ายังไงเรื่องนี้ก็ปิดบังไม่อยู่ ก็ต้องทำเรื่องแจ้งไปที่เมืองหลวงตามระเบียบ แต่เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ก็ต้องเขียนเสียใหม่ให้ผู้ชนะเป็นฝ่ายถูกต้อง คือแต่งเรื่องว่าไวท์เป็นฝ่ายก่อเรื่องขึ้นก่อน เพราะหันไปเข้าข้างนายเรืออังกฤษที่นำเรือเข้ามายึดเมือง จนในที่สุด ใช้ปืนระดมยิงกรมการเมืองก่อน เพื่อขู่มให้ยอมแพ้ เผอิญว่าไปเจอกรมการเมืองใจเด็ดยอมสู้ตายดีกว่ายอมแพ้ ก็เลยฮึดสู้สุดชีวิต ผลปรากฏว่าชาวอังกฤษเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเอง จึงถูกฆ่าตายไปหลายสิบคน ที่เหลือก็หนีรอดออกทะเลไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 132 เมื่อ 15 พ.ค. 13, 20:48
|
|
ใบบอกของกรมการเมืองมะริด ถือเป็นหนังสือราชการที่มีอย่างเป็นทางการไปถึงรัฐบาลสยาม คือสมเด็จพระนารายณ์และมหาเสนาบดีวิชเยนทร์ ดังนั้นตามระเบียบราชการ รัฐบาลก็ต้องฟังรายงานนี้เป็นหลัก ว่าสาเหตุของเหตุร้ายเกิดจากฝรั่ง ไม่ใช่ไทย ใครจะไปสอบสาวราวเรื่องของจริงได้ เพราะคนที่จะให้การแบบตรงกันข้ามได้ก็ถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว
ในตอนนั้นอำนาจของอังกฤษในสยามน่าจะสูญสิ้นไปพร้อมกับชีวิตชาวอังกฤษในมะริด วิชเยนทร์มองเห็นข้อนี้ แล้วก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่บริษัทอีสต์อินเดียคงไม่นิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ แต่ต้องเกิดศึกขึ้นมาแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องส่งเรือรบมาเรียกร้องค่าเสียหาย วิชเยนทร์ก็เลยหันไปเอาใจฝรั่งเศส เพื่อหวังจะขอกำลังมาช่วยเหลือหากรบกับอังกฤษ อย่างแรกคือส่งผู้ว่าฯ คนใหม่มาว่าราชการในมะริด เป็นหนุ่มชาวฝรั่งเศสอายุแค่ 20 ปี เมื่อวิชเยนทร์เตรียมรับมือถึงขนาดนี้ ประวัติศาสตร์จึงบันทึกว่าในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ สยามประกาศศึกกับบริษัทอีสต์อินเดียอย่างเป็นทางการ แต่มิได้ประกาศศึกกับรัฐบลอังกฤษ ความโกลาหลเหล่านี้ไวท์ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่เจ้าตัวลอยนวลออกจากอินเดีย เดินทางไปยุโรปเตรียมไปเสวยสุขที่บ้านแล้ว ไวท์คงไม่รู้เช่นกันว่า การเมืองในสยามปั่นป่วนถึงขีดสุดเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ประชวรหนัก ในตอนนั้นมะริดที่เพิ่งสงบลงไปหยกๆ เจอฝรั่งเศสเข้ามาเป็นนายอีกหลังจากอังกฤษเพิ่งถูกกวาดล้าง ข้าราชการและชาวเมืองก็ทนไม่ไหวที่จะให้ฝรั่งมาเป็นนายอีก จึงพร้อมใจกันไปเข้าข้างขุนนางสำคัญชื่อพระเพทราชา ผู้มีนโยบายแอนตี้ฝรั่ง และเกลียดชังวิชเยนทร์เข้าไส้ ด้วยเชื่อว่าฝรั่งตาน้ำข้าวนี้จะพาอาณาจักรศรีอยุธยาไปเป็นเมืองขึ้นของชาวยุโรป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 133 เมื่อ 15 พ.ค. 13, 21:17
|
|
พงศาวดารไทยในช่วงนี้คงเป็นที่รู้ๆกันแล้ว ว่าในที่สุดพระเพทราชาก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เจ้าพระยาวิชเยนทร์ถูกประหาร และฝรั่งเศสก็ถูกขับออกจากอาณาจักรไปตามระเบียบ ศึกระหว่างอิสต์อินเดียกับสยามก็เจ๊ากันไป ซึ่งจะไม่ขอเล่าในกระทู้นี้ เพราะจะออกนอกเรื่องของนายสยามขาวไปไกลค่ะ
กลับมาที่นายสยามขาว ซึ่งหนังเหนียวและดวงดีอย่างเหลือเชื่อ เขาเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนโดยสวัสดิภาพ ใช้เวลาเดินทางราว 8 เดือน ไปถึง ไวท์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือลงนั่งกินนอนกินบนกองเงินกองทองอยู่เฉยๆ เพราะยังมีห่วงผูกคออีกห่วงใหญ่เหลืออยู่ ไวท์ขอให้พี่ชายหาทนายความมาปรึกษาเรื่องคดีกับบริษัทอีสต์อินเดีย เพื่อเตรียมรับมือให้พร้อมในฐานะจำเลย ทนายความบอกให้ไวท์ใจชื้นขึ้นมากว่า ไม่ต้องห่วง สถานการณ์ทางการเมืองในอังกฤษเป็นประโยชน์แก่ทางฝ่ายไวท์ เพราะบัดนี้ อังกฤษเปลี่ยนแผ่นดินใหม่แล้ว พระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองวิค(Whig) ซึ่งมีนโยบายต่อต้านการผูกขาด บริษัทอีสต์อินเดียซึ่งได้สัมปทานผูกขาดจากพระเจ้าเจมส์กษัตริย์องค์เก่า มีแววว่าจะดวงตกกันในรัชสมัยใหม่นี้ละ เพราะฉะนั้น บริษัทคงต้องดูทิศทางลมมากหน่อย ไม่กล้าทำกร่าง เอาคดีอะไรๆขึ้นฟ้องได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะคดีอย่างไวท์ซึ่งทนายความดูแล้ว เห็นว่าไวท์หาหลักฐานสู้ไว้เต็มเพียบ จึงเห็นว่าย.ห. อย่าห่วง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 134 เมื่อ 16 พ.ค. 13, 11:31
|
|
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น ฟังทนายความตอบอย่างนี้ก็คงโล่งใจยิ้มออก จากนั้น ตราบใดที่บริษัทอีสต์อินเดียยังเงียบอยู่ ไม่ฟ้องร้องขึ้นมา ก็พอจะถือได้ว่าฝ่ายนั้นไม่เอาเรื่อง นับว่าเจ๊ากันไป ถึงเวลาใช้ชีวิตสบายๆอย่างเศรษฐีเสียให้คุ้มเหนื่อย หลังจากผจญภัยแทบจะเอาชีวิตไม่รอดมาหลายครั้ง
แต่ไวท์ก็ประหลาดเอาการ ไม่ยักเหมือนชาวบ้านทั่วไป ในหนังสือไม่ได้บอกว่าความคิดนี้ใครริเริ่มขึ้นก่อน ทนายความหัวหมอหรือว่านายลูกความสยามขาว แต่ผลคือสองคนนี้เห็นพ้องต้องกันว่า แทนที่จะอยู่เฉยๆ ก็น่าจะทำคดีให้เป็นตัวอย่างสักคดีหนึ่ง ให้แสบสันต์แก่บริษัทอีสต์อินเดีย เอาให้ลือลั่นไปทั่วอังกฤษ ว่าเอกชนนายหนึ่งกล้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทบิ๊กระดับอินเตอร์บริษัทนี้อย่างไม่มีใครกล้าทำมาก่อน เป็นการล้มยักษ์ใหญ่ทางการค้า ประเดิมนโยบายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งพรรควิค พรรคการเมืองเสียงข้างมากในอังกฤษกำลังชูป้ายส่งเสริมอยู่ ถ้าทำได้สำเร็จ นอกจากจะได้เงินทองไหลมาเทมาจากการฟ้องร้องแล้ว เผลอๆไวท์จะได้เป็นฮีโร่ คนรู้จักกันทั่วประเทศอีกต่างหาก ในฐานะแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ นายสยามขาวแกคงลืมสนิทว่า บรรดาคนอังกฤษที่ตายไปตั้ง 60 คนในเมืองมะริด เกิดจากต้นเหตุคือใคร จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครเหลียวแลลูกเมียพวกเขาที่ถูกทิ้งอยู่ในเมืองนั้นเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|