เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 32072 สยามใหม่ ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 15:06

คุณแปลกแสดงความปรารถนาดีด้วยเห็นว่าคำแทนชื่อ คำรับและปฎิเสธที่คนไทยใช้กันอยู่เดิมมีมากมายเกินไปทำให้ยุ่งยากในการเลือกใช้ จึงได้จัดระเบียบเสียใหม่ ตาม ประกาสสำนักนายกรัถมนตรี เรื่อง วางระเบียบ คำแทนชื่อ และคำรับ คำปติเสธ ลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๕



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 15:11

ต่อมาคุณแปลกเห็นว่า คนไมนิยมใช้คำตอบรับว่า "จ้ะ" และคำปฏิเสธว่า "ไม่" จึงได้เปลี่ยนแปลงเสียใหม่  ตาม ประกาสสำนักนายกรัถมนตรี เรื่อง เปลี่ยนแปลงคำรับ คำปติเสธ และไห้ไช้ระเบียบคำแทนชื่อ คำรับ คำปติเสธโดยเคร่งครัด   ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 16:07

นายแปลกแกคงต้องการให้ภาษาไทยกลายเป็นภาษาอังกฤษ เลยตัดสรรพนามต่างๆ ออกไป แม้กระทั่งเรื่องการสวมหมวกหรือการจูบภรรยา   ก็ทำให้เห็นวิสัยทัศน์ของแกและคนรอบข้างได้ดี ว่าแม้ปากจะเชิดชูวัฒนธรรมไทย แต่กลายเป็นเอาค่านิยมฝรั่งมายัดเยียดและบังคับไปซะฉิบ แถมไม่สนใจรากเง่าหรือพื้นฐานคนไทย คิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ทำยังกะเด็กเล่นขายของ  แถมยังบ่งบอกความเชื่อเรื่องการเชิดชูและเห็นฝรั่งเหนือกว่าได้เป็นอย่างดี เลยจะทำให้เรากลายเป็นฝรั่ง


การกระทำต่างๆ ของนายแปลกยุคเรืองอำนาจ ไม่ต่างกับสมัยสมบูรณาญาฯ แต่อย่างใด แถมหนักยิ่งกว่าอีก ชี้นกเป็นไม้ ชี้ตายเป็นตาย   น่าเศร้าที่แม้ในปัจจุบันเวลาคนมองเรื่องประชาธิปไตย ยังให้ความสำคัญกับรูปแบบมากกว่าพฤติกรรมความเป็นจริงในการบริหารปกครองบ้านเมือง


ถ้าจำไม่ผิดนายแปลกนี่ยังริเริ่เรื่องวิปริตอย่างอื่นเช่นการโบกอิฐฉาบปูนซากโบราณสถานในอยุธยาด้วย  คือแกจะเนรมิตรของเก่าให้เป็นของใหม่ซะด้วย


ขออภัยที่ใช้ชื่อเรียกว่านายแปลกอาจขัดหูขัดตาผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ที่กระผมไม่เรียกจอมพล ป หรือจอมพล  คือถ้าเรียงลำดับนายกที่นายประกอบนักเรียนหัวรุนแรงเกลียดที่สุด  นายแปลกแกเป็นอันดับสอง แต่ไม่ทิ้งห่างอันดับหนึ่งมากนัก อ่านเรื่องบุคคลผู้นี้ทำไร 'รมณ์เสีย ของขึ้นทุกที  ที่แกไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศเพราะผมมองว่านายแปลกแกบ้าอำนาจยศศักดิ์อย่างเดียว ไม่บ้าเงินตรามหาศาลด้วย เลยแพ้อันดับหนึ่งไปอย่างฉิวเฉียด
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 20:13

มาลดดีกรีความร้อนในอารมณ์คุณประกอบ ที่ตัวเอกในกระทู้นี้ก่อให้โดยไม่ตั้งใจ       เมืองที่คุณประกอบอยู่อากาศคงจะยังหนาวเย็น   แต่ว่าในประเทศไทยตอนนี้ร้อนตับแตกมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม      เลยไม่อยากเพิ่มอุณหภูมิในเรือนไทยอีกค่ะ
ดูรูปสาวงามสมัยสยามใหม่ให้เย็นๆใจ   เสียดายไม่ทราบชื่อว่าเธอเป็นใคร  ทราบแต่ว่าชนะประกวดเครื่องแต่งกายในสมัยสงคราม ตรงตามวัธนธัมของท่านผู้นำ
ถ้าเป็นยุคนี้หนังสือพิมพ์อาจจะมีคำว่าไฮโซนำหน้าชื่อเธอ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 20:43

   มีเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับชาตินิยมอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งเคยเอ่ยมาบ้างแล้วในกระทู้เก่า  แต่ทบทวนอีกครั้งก็คงไม่ถึงกับเบื่อกันนะคะ
   ทั้งๆที่สยามใหม่ถูกกำหนดให้อะไรๆก็เป็นของชาติไทยหมด  ไม่มีชาติอื่นเจือปน   แม้แต่ชื่อตำบลแต่ดั้งเดิมที่บันทึกถึงชาติพันธุ์ต่างๆซึ่งเคยอพยพมาตั้งหลักแหล่งอยู่ในถิ่นนั้น  ก็ถูกลบล้างออกไปจากประวัติศาสตร๋      เช่นตำบลบ้านญวนสามเสน   กลายเป็นตำบลวชิรพยาบาล
   แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณแปลก(ของคุณเพ็ญชมพูและคุณประกอบ)   ยอมยกให้ว่าไม่ต้องเปลี่ยนชื่อก็ได้   นั่นก็คือก๋วยเตี๋ยว   ซ้ำยังสนับสนุนให้ชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวกันเป็นล่ำเป็นสัน ราวกับเป็นอาหารประจำชาติอีกด้วย     มิได้ไยดีข้าวแกงหรือน้ำพริกของไทยที่คนไทยกินกันมาแต่เดิม

   ที่มาของก๋วยเตี๋ยว ตามที่เล่าไว้ใน "สี่แผ่นดิน" ก็คือ เมื่อพ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วกรุงเทพ     ข้าราชการลุยน้ำออกมากินข้าวกลางวันนอกออฟฟิศไม่ได้  ก็มีเรือก๋วยเตี๋ยวพายเข้าไปขายถึงในทำเนียบ    เมื่อนายกรัฐมนตรีได้กินก๋วยเตี๋ยวก็ชอบว่ามีรสอร่อย  ซ้ำยังประกอบด้วยผัก ถั่วงอก และหมู   ซึ่งท่านส่งเสริมให้ประชาชนปลูกผักเลี้ยงหมูกินกันเองอยู่พอดี     ท่านก็เลยคิดนโยบายสนับสนุนก๋วยเตี๋ยวเป็นการใหญ่    ให้ประชาชนทั้งบริโภคและค้าขาย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 21:15

     จอมพลป. เห็นว่า การส่งเสริมให้คนไทยกินก๋วยเตี๋ยวกันมากๆ นั้น จะเป็นการแก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพงในยามสงครามได้    ข้อนี้ท่านไม่ได้พูดเล่นๆ   และดิฉันก็ไม่ได้พูดเว่อร์   มีหลักฐานยืนยัน  เห็นได้จากคำแถลงข้างล่างนี้

    "อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน เพราะก๋วยเตี๋ยว มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานพร้อม   ทำเองได้ในประเทศไทย   หาได้สะดวกและอร่อยด้วย หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งชามทุกวัน วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม ตกลงวันหนึ่งค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยหนึ่งวันเท่ากับเก้าสิบล้านสตางค์  เท่ากับเก้าแสนบาท เป็นจำนวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้     เงินเก้าแสนบาทนั้น ก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกัน     ไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่งคนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาท   ก็มีราคาหนึ่งบาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้   ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยขน์เต็มที่ในค่าของเงิน.."

    จอมพลป.จริงจังมากกับนโยบายเศรษฐกิจจากก๋วยเตี๋ยว   จึงไม่ได้แค่ชักชวนประชาชนเฉยๆ  แต่กำหนดให้ราชการออกคำสั่งเวียนไปทุกจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และครูใหญ่ทุกโรงเรียน ต้องขายก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งหาบ และให้กรมประชาสงเคราะห์จัดทำคู่มือการทำก๋วยเตี๋ยวแจกจ่าย สมัยนั้น ข้าราชการที่มีหน้ามีตาจึงมีหน้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวกันเป็นการใหญ่     ข้าราชการชั้นลูกน้องเช่นครูน้อยก็ต้องเปลี่ยนเวรกันมาช่วยครูใหญ่ขายก๋วยเตี๋ยวด้วย 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 21:46

อ้างจากคุณ V_Mee:

อ้างถึง
เรื่องให้ข้าราชการขายก๋วยเตี๋ยวนี้  ท่านหม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล ซึ่งเวลานั้นเป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษาได้รับสนองนโยบายของท่านผู้นำด้วยการจัดก๋วยเตี๋ยวไปขายที่กระทรวงศึกษาธิการ  ปรากฏว่าขายดีมากแต่ไม่ได้เงินค่าก๋วยเตี๋ยว       เพราะลูกค้าของท่านซึ่งล้วนเป็นข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ต่างก็มาช่วยรับประทานก๋วยเตี๋ยวของท่านอธิบดีโดยไม่จ่ายสตางค์  เพราะถือกันว่าเป็นการช่วยท่านอธิบดีปฏิบัติราชการ   จะได้ไม่ต้องหอบข้าวของกลับบ้าน

ตามถนัดของผู้นำรัฐบาล  นอกจากราชการแล้ว ท่านก็กำหนดให้กรมโฆษณาการแต่งเพลง "ก๋วยเตี๋ยว" ขึ้น  เชิญชวนให้คนไทยหันมาขายและรับประทานก๋วยเตี๋ยวกัน โดยเนื้อเพลง มีดังนี้

"ก๋วยเตี๋ยวเอ๊ย...ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วจ้า...ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วจ้า..
ก๋วยเตี๋ยวจ้า...ก๋วยเตี๋ยวเอ๊ย...ของไทยใช้พืชผล เกิดในไทยรัฐทั้งสิ้น...ทรัพย์ในดินหาได้ทั่วไป ...ช่วยซื้อขายกันให้มั่งมี
เพราะไทยเรานี้ช่วยกันตลอดไป..."
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 01 เม.ย. 13, 22:15

^
^


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 07:02


   ที่มาของก๋วยเตี๋ยว ตามที่เล่าไว้ใน "สี่แผ่นดิน" ก็คือ เมื่อพ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วกรุงเทพ     ข้าราชการลุยน้ำออกมากินข้าวกลางวันนอกออฟฟิศไม่ได้  ก็มีเรือก๋วยเตี๋ยวพายเข้าไปขายถึงในทำเนียบ    เมื่อนายกรัฐมนตรีได้กินก๋วยเตี๋ยวก็ชอบว่ามีรสอร่อย  ซ้ำยังประกอบด้วยผัก ถั่วงอก และหมู   ซึ่งท่านส่งเสริมให้ประชาชนปลูกผักเลี้ยงหมูกินกันเองอยู่พอดี     ท่านก็เลยคิดนโยบายสนับสนุนก๋วยเตี๋ยวเป็นการใหญ่    ให้ประชาชนทั้งบริโภคและค้าขาย

ของแพงขึ้นทุกวัน ด้วยน้ำท่วม และ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่กรุ่น ๆ เข้ามายังประเทศไทย ทำให้ก๋วยเตี๋ยวจากชามละ ๓ สลึง ถีบตัวขึ้นไปถึงชามละ ๑๐ สลึง

ก่อนหน้านี้ก๋วยเตี๋ยวเป็นแบบของจีน โรยหน้าด้วยหมู แต่พอเป็นก๋วยเตี๋ยวแบบไทย ก็ดัดแปลงไปหาก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เพื่อเลี่ยงกันการสับสนกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 08:54

แปลกที่ท่านแปลกมิได้ส่งเสริมอาหารประจำครัวเรือนคนไทยกรุงเทพมาหลายสิบชั่วคนอย่างน้ำพริก ในนโยบายรัฐนิยมของท่านเลย   จะเป็นเพราะไม่มีหมูประกอบ (ทั้งๆมีผัก)  หรือท่านไม่ชอบอาหารเผ็ด ก็สุดจะรู้ได้
แปลกของท่านแปลกอีกข้อก็คือ ท่านไม่ยักตั้งชื่อไทยให้ "ก๋วยเตี๋ยว" จนแล้วจนรอด    ก็ขนาดชื่อตำบลอำเภอและชื่อคนยังเปลี่ยนกันทั่วประเทศ    ทำไมหนอ คำว่า "ก๋วยเตี๋ยว" ถึงยืนยงคงกระพันเป็นชื่อจีนในอาหารไทยประจำสยามใหม่อยู่ได้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

แต่ที่ไม่แปลกก็คือ ท่านแปลกมิได้ลืมต้นกำเนิดของก๋วยเตี๋ยว   ว่ายังไงอาหารจานเด็ดนี้ ก็เกิดมาจากคนจีน ไม่ใช่อาหารไทยแท้ๆ     หลังจากสั่งให้ข้าราชการขายก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว   ท่านจึงดำริให้มีการคิดสูตรก๋วยเตี๋ยวที่มีเอกลักษณ์เป็นไทยแท้ๆ ขึ้น เป็นของไทยเราเอง  มิได้ขอยืมมาจากจีนอีกต่อไป

ตรงนี้เอง   อาหารไทยอย่างใหม่ก็อุบัติขึ้น  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 08:57

มีการนำ "ก๋วยเตี๋ยวผัด" มาดัดแปลงสูตรให้เป็นไทย   เลิกก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เล็ก  เอาเส้นจันท์มาผัด  หั่นเต้าหู้เหลืองเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไป ใส่กุ้งแห้ง ใบกระเทียม  ตอกไข่ คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก พริกป่น ถั่วป่น หากใส่กุ้งใหญ่ ก็จะได้ผัดไทยกุ้งสด ประดับจานด้วยถั่วงอก และต้นกระเทียม
ผัดไทยนั้นจะต้องไม่ใส่หมู เพราะท่านแปลกถือว่าไหนๆจะทำอาหารไทยแล้ว   ก็ไม่ควรมีหมูซึ่งเป็นอาหารจากจีนมาปนอยู่  คนไทยแท้ๆ จะกินแต่ผัก ปลา ไก่ เป็นอาหารหลัก    เนื้อหมูนั้นจะกินก็ต่อเมื่อมีงานฉลองใหญ่ๆ เท่านั้น ดังนั้นก๋วยเตี๋ยวไทยชนิดใหม่นี้ จึงไม่หมูมาปนให้เสียเอกลักษณ์ไทย
อาหารจานนี้ก็คือ "ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย "  หรือ "ผัดไทย" นั่นเอง


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 11:19

นายแปลกแกคงต้องการให้ภาษาไทยกลายเป็นภาษาอังกฤษ

เรื่องนี้เป็นผลงานอีกเรื่องหนึ่งของคุณแปลก   ตกใจ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 20:13

อ่านข้างบนนี้แล้ว  เห็นได้ว่าคุณแปลกของคุณเพ็ญชมพูประสงค์จะให้เกิดความเสมอภาคแก่ชาวไทยทั่วหน้า ไม่ว่าเจ้าหรือสามัญชน   โดยจะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม    ความหมายคือไม่เอาราชาศัพท์น่ะแหละ   แต่อ้างนั่นนิดนี่หน่อยโดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ท่านเห็นว่าเป็นภาษาของประเทศอารยะ

อ่านแล้วก็นึกถึงประโยคเด็ด ในหนังสือ The Animal Farm ของ George Orwell  เล่มนี้เรียนตอนอยู่ปี 1   
“All men are created equal but some are more equal than others…”
"คนเราเกิดมาเท่าเทียมกัน  แต่บางคนก็เท่าเทียมมากกว่าคนอื่นๆ"

ในช่วงที่กำลังคึกคักกับรัฐนิยม  จอมพล ป.เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้บัญญัติกฎหมายยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทยเดิม โดยสถาปนา "ฐานันดรศักดิ์" (Lordship) ตามแบบฝรั่งขึ้นใหม่ คือ ดยุค. มาควิส, เคานท์, ไวสเคานท์, บารอน ฯลฯ โดยตั้งศัพท์ใหม่ขึ้นเพื่อใช้สำหรับฐานันดรศักดิ์เจ้าศักดินาใหม่ คือ สมเด็จเจ้าพญา, ท่านเจ้าพญา, เจ้าพญา, ท่านพญา ฯลฯ ส่วนภรรยาของฐานันดรศักดินาใหญ่นั้นให้เติมคำว่า "หญิง" ไว้ข้างท้าย เช่น "สมเด็จเจ้าพญาหญิง"

ก็ยังดี ที่เรื่องนี้ตกไป   
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 21:29

ฮิฮิ ถ้าไม่โดนไม้เรียวซะบ้างรู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดๆ แม้เมืองนอกจะเย็นขนาดมีละอองหิมะเมื่อวานซืน  แต่เมื่อมองอนาคตเมืองไทยที่รักยิ่งของผมตอนนี้แล้วมันร้อนรุ่ม เห็นแต่ความมืดมนวังเวงรออยู่  ร้องไห้


ผมมีความคิดมานานแล้วว่านายแปลกของผม(คุณแปลกของซายาเพ็ญ จอมพล ป ของ อ.เทา) แกบูชาฝรั่งมากซะจนแกมองว่าความเจริญหรือวัฒนธรรมแบบฝรั่งคือวัฒนธรรมอันดีงาม โดยไม่มองหรือพิจารณารากเง่า ตลอดจนความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไทย-เทศ จนแกไม่สามารถนำแก่นแท้ของความเจริญที่แตกต่างมาปรับใช้ได้ สิ่งที่แกทำเป็นการนำเปลือกแบบฝรั่งมาบังคับทาบทับคนไทยเฉยๆ  จริงๆ เรียกได้ว่าตามก้นเค้าอย่างเดียวจริงๆ  เพียงแต่เปลี่ยนจากภาษาของฝรั่งเป็นภาษาไทย  ทั้งเรื่องการปรับภาษา  การแต่งกาย ฐานัรดรฯลฯ นี่เป็นวิธีคิดแบบคนหลงอำนาจที่ไม่มีวิสัยทัศน์พอจะเข้าใจว่าอะไรคือเปลือก  อะไรคือแก่น อะไรคือสิ่งสำคัญที่เราควรเอาอย่างมาปรับใช้ อะไรที่เราควรคงไว้ 


ในขณะที่ส่งเสริมชาตินิยม  นายแปลกแกกลับสองมาตรฐานสำหรับสิ่งที่แกชอบหรือนิยม เช่นเรื่องของก๋วยเตี๋ยว  จึงจริงอย่างที่ท่านอาจารย์ยกมา คนบางคนเท่าเทียมมากกว่าคนอื่นๆ จริงๆ  น่าเสียดายที่ช่วงที่แกมีอำนาจสูงสุด ชี้นกเป็นไม้ ชี้เป็นชี้ตายใครๆ ก็ได้ แกกลับนำอำนาจไปใช้กับการเอาเปลือกฝรั่งมาฉาบคนไทย  แก่นของเราเลยอ่อนๆ ไหวยวบยาบมาแม้จนปัจจุบัน



นึกย้อนไปถึงกระทู้ที่เคยคุยกันว่าทำไมญี่ปุ่นเกาหลีแซงเราไป ก็อดคิดไม่ได้ว่าแม้แต่ในปัจจุบัน ไทยเราก็ยังไม่อาจนำแก่นที่ชาติอื่นใช้พัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จ มาปรับใช้กับประเทศเราได้ดีเท่าไหร่นัก เรายังคงให้ความสำคัญกับเปลือกหรือรูปแบบ มากกว่าผล  เรามองวันนี้แต่ไม่มองวันหน้า  และเพราะเปลือกเราเจ๋ง  แต่แก่นเราอ่อน  เราจึงจะยังคงเป็นชาติที่สามารถจัดพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ได้ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้มหาอำนาจใดในโลกจัดพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิค  แต่จะเป็นเจ้าเหรียญทองได้เฉพาะการแข่งกันเองในประเทศละแวกนี้เท่านั้น


ปล  เสียดายนิดที่กฏหมายฐานันดรไม่ผ่าน เผื่อผมจะได้มีฐานันดรกับเค้าบ้าง เอาแค่บารอนก็โก้พอแล้ว อาจจะได้เป็นท่านพญาที่หนึ่งแห่งทุ่งหมาว้อบ้าง (Baron of Tung-Ma-Wah I) ที่จริงถ้าผ่านรัฐอาจจะทำเงินได้มหาศาลจากการขายฐานันดรสำหรับพวกชอบโก้บ้างก็ได้ ชื่อระดับหมู่บ้านหรือตำบลถูกหน่อยจ่ายยี่สิบล้านให้ชั้นบารอน หรือไวสเคานท์  ระดับชื่ออำเภอร้อยล้านเป็นเคานท์หรือมาควิส จ่ายห้าร้อยล้านให้ระดับชื่อจังหวัดเป็นดยุคไปเลย เพิ่มแกรนด์ดยุคแบบรัสเซียสำหรับคนที่ยอมจ่ายแพงลิบลิ่วสองพันห้าร้อยล้านอีกด้วย  ฐานันดรนี้ให้ส่งผ่านถึงลูกหลานได้แต่ต้องเสียค่าบำรุงรายปี ปีไหนไม่จ่ายริบคืนไว้ขายใหม่ ให้สิทธิพิเศษรับเชิญงานรัฐพิธีมีเก้าอี้จัดพิเศษให้นั่งหน้าๆ หน่อยใกล้ๆ ระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง  ยิงฟันยิ้ม  แล้วก็แจกตำแหน่งอัศวินสำหรับคนที่ทำคุณงามความดีก็ไม่เลว  แล้วก็แยกระหว่างเครื่องราชฯกับฐานันดรที่รัฐแจกเองไปเป็นคนละส่วนไปเลย
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 02 เม.ย. 13, 21:46

ถึงฐานันดรศักดิ์ถูกเลิกไปเสียก่อนจะเกิด   แต่เครื่องราชฯยังมีอยู่ในราชการไทย    คุณประกอบลองไปค้นกูเกิ้ลคำว่า "คดีเจ้าคุณอุดม" อาจจะได้ความรู้เพิ่มเติม
ส่วนเรื่องอัศวิน   มีแหวนอัศวินประดับนิ้วนายตำรวจมือปราบ ยุคพลต.อ.เผ่าครองอำนาจ   นี่ก็เรื่องมันๆอีกเหมือนกันค่ะ

ชักออกนอกทาง  กลับมาเรื่องสยามใหม่ดีกว่า
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.244 วินาที กับ 20 คำสั่ง