อ่านๆไปก็อดเหนื่อยใจกับพวกสองแก๊งค์นี้ไม่ได้ เลยทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า สมัยพุทธกาล ไม่มีการจับพระภิกษุสึกเลยหรือไร เพราะสองแก๊งค์นี้น่าจะโดนจับสึกไปนานแล้ว ข้อหาก่อเรื่องไม่ได้หยุด
เลยนึกสงสัยว่าสมัยพุทธกาล คงไม่มีการจับพระภิกษุสึกละกระมัง หรือมีแต่ไม่ได้บันทึกไว้ ทั้งนี้ไม่รวมผู้ที่สมัครใจสึกออกไปด้วยเหตุผลส่วนตัวนะคะ
แต่แรกที่พระพุทธเจ้ายังมิได้ทรงบัญญัติพระวินัย เป็นศีลข้อห้ามไม่ให้พระภิกษุประพฤติผิดสมณสารูปอย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าพระภิกษุองค์ใดไปประพฤติเข้า เป็นครั้งแรกถือว่าไม่ผิด หากห้ามแล้วประพฤติเช่นนั้นอีกจึงผิด
การจับสึกพระภิกษุ มีเหตุเดียวคือประพฤติเหตุให้ต้องอาบัติปาราชิก คือเสพเมถุน ๑ ลักทรัพย์ที่มีค่าแม้น้อย๑ ฆ่าคนตาย๑ กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม(คืออวดอ้างคุณวิเศษที่ตนไม่มี)อีก๑
สี่ประการนี้ทำผิดเมื่อไร ก็ขาดจากการเป็นสมณะโดยอัตโนมัติทันที ถ้าไม่ยอมละจีวรออกจากตน หมู่สงฆ์จึงจะพรากจีวรออกจากร่างของสมีผู้นั้นได้
สมีที่พ้นจากการเป็นสมณะด้วยอาบัติปาราชิกคงมีแต่สมัยพุทธกาล แต่มิได้มีบันทึกประวัติไว้ว่ามีใครบ้าง
พระไตรปิฎกเองก็มาบันทึกสมัยหลังที่มีวัสดุและวิธีการเขียนแล้ว ก่อนหน้านั้นใช้วิธีท่องจำต่อๆกันมาแบบปากต่อปากทั้งสิ้น ถึงปัจจุบันจะมีพระไตรปิฎกฉบับที่พิมพ์หมึกบนกระดาษอย่างดี แต่ก็ยังสืบต่อประเพณีที่กระทำกันมาแต่สมัยพุทธกาล โดยประชุมสงฆ์ให้พระภิกษุที่เป็นตัวแทนของหมู่ทบทวนความจำโดยการท่องดังๆให้ทุกคนได้ยิน เรียกว่าสวดปาฏิโมกข์ นานเป็นชั่วโมงๆ โดยมีอีกองค์หนึ่งเปิดคัมภีร์อ่านตรวจสอบไปด้วย ท่องผิดตรงไหนท่านก็จะทักให้แก้ไขทันที
ฉะนั้นวิธีการบันทึกด้วยความสามารถในการจำของมนุษย์จึงมีแต่เรื่องสำคัญที่สุดที่จะสืบรักษาพระศาสนาไว้เท่านั้น