เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 8
  พิมพ์  
อ่าน: 87160 เจ้าจอมหม่อมห้ามผู้ถูกประหาร
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 11:55

เชิญคุณsirinawadee มาร่วมวงหม่ำของว่าง ระหว่างรอคุณครูนะคะ  ยิงฟันยิ้ม
หายไปหลายวัน สงสัยท่านจะติดธุระ....


บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 21:58

   ขออนุญาตร่วมวง papaya salad ? ด้วยคนนะครับ ช่วงที่ยังรออาจารย์อยู่หน้าห้อง แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 08:28

ยกข้าวเหนียวกับหมูน้ำตกมาเพิ่มขึ้นนักเรียนชั้นนี้ค่ะ
อิ่มแล้ว อย่าลืมเอาเค้กไปแบ่งกันคนละชิ้นนะคะ  แก้เผ็ด


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 09:00

ถ้าใครสงสัยว่าพระสุริยภักดีและพระอินทร์อภัยถูกประหารไปพร้อมกับเจ้าจอม   แล้วลูกเมียญาติพี่น้องล่ะโดนหางเลขเข้าบ้างหรือเปล่า  คำตอบก็คือเปล่าค่ะ    ลูกเมียเครือญาติของท่านยังอยู่กันเป็นปกติ   ไม่ได้พลอยตายไปด้วยอย่างกรณีพระโอรสธิดาของเจ้าฟ้ากรมขุนกษัตรานุชิต
ทั้งนี้เพราะสาเหตุความผิด เป็นเรื่องต่างกัน   เรื่องของเจ้าฟ้ากรมขุนกษัตราฯเป็นเรื่องความผิดฐานกบฏ  สมัยนี้เรียกว่าผิดต่อความมั่นคงของรัฐ   เลยโดนกราวรูด     เจ้าจอมสำลีวรรณไม่ใช่ต้นคิดแต่ถูกข้อหาสมรู้ร่วมคิด  ท่านก็เลยโดนคนเดียว   ลูกหลานเชื้อสายไม่ได้โดนด้วย   

พระอินทร์อภัยมีธิดา ชื่อน้อย   เป็นหม่อมในเจ้าฟ้ามงกุฎตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๒ ก่อนเสด็จออกผนวช      หม่อมน้อยมีพระองค์เจ้าเล็กๆ ๒ พระองค์ชื่อพระองค์เจ้านพวงศ์และพระองค์เจ้าสุประดิษฐ์      ต่อมาในรัชกาลที่ ๔  หม่อมน้อยเลื่อนเป็นเจ้าจอมมารดาน้อย   พระองค์เจ้านพวงศ์ทรงกรมเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส  ต้นราชสกุลนพวงศ์ ณ อยุธยา     ส่วนพระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ ทรงกรมเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมหมื่นวิษณุนาทนิภาธร  ต้นราชสกุลสุประดิษฐ์ ณ อยุธยา 
หม่อมน้อยท่านก็อยู่ปลอดภัยดี มิได้รับราชภัยอย่างบิดา 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 09:00

ขอแยกซอยเล่าเกร็ดเล็กๆว่า  ในรัชกาลที่ ๔ เจ้าจอมมารดาน้อยมีเรื่องโดนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ กริ้ว ถึงขั้นติดสนม (คือถูกจำกัดบริเวณ )    แต่ก็ไม่นานนัก  เพราะพระราชโอรสไปทูลขอพระราชทานอภัยโทษ ก็โปรดเกล้าฯให้เป็นไปตามนั้น

เรื่องที่เจ้าจอมมารดาน้อยโดนกริ้ว ปรากฏอยู่ในพระราชหัตถเลขา  ฉบับวันพุธขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12  พ.ศ. 2398   ทรงเขียนถึงเจ้าจอมที่โปรดปรานคือเจ้าจอมมารดาผึ้ง มีข้อความว่า

"ข้าออกเรือกระบวนมาจากตำหนักน้ำ...ขึ้นมาถึงวัดเขมาตลาดแก้ว เวลาเช้า    มีเรือเก๋งลำหนึ่งพายตามขึ้นมา  แข่งเรือที่นั่งของข้า   เกินหน้าเรือตำรวจ  เรือที่นั่งรองทุกลำ   แข่งจนเก๋งเคียงเรือกันยาเรือที่นั่ง   แต่แรกข้าสำคัญว่านางหนูลูกรำเพย( หมายถึงพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑล ซึ่งประสูติจากสมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์) จะร้องไห้   มารดาจะให้เอาใส่เรือเก๋งขึ้นมาส่งให้ข้ากระมัง ข้าจึงร้องถามไปว่าเรือใคร  เรือนั้นมีม่านบังมิด  มีผู้หญิงนั่งท้ายหลายคน  เรือตำรวจตามไปก็สำคัญว่าเรือข้างในในกระบวน  จึงไม่มีใครห้ามปล่อยให้พายขึ้น  สรรเพธภักดีร้องถามหลายคำก็ไม่บอก   ข้าถามหลายคำว่าอะไรๆ เรือใครก็ไม่บอก   บ่าวผู้หญิงข้างท้ายก็หัวร่อเยาะด้วยบานเต็มที่ จนคนในเรือที่นั่งโกรธว่าหัวร่อเยาะ  ข้าคิดจะเอาปืนยิงตามกฎหมาย  ก็กลัวจะถูกคนตายเขาจะลือไปว่าดุร้ายใจเบาทำคนตายง่ายๆ  พายแข่งไล่เรือที่นั่งอยู่นาน เห็นผิดทีแล้ว  จึงได้ร้องให้ตำรวจไล่จับ  ครั้นเรือไปจับจะฉุดเรือมาจึงพายหนีห่างออกไป  ไล่ไปไกลจึงได้ตัวเรือมา  ได้ความว่าเป็นเรือมารดากรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส มาทำหน้าเป็นเล่นตัว ล้อข้าต่อหน้าธารกำนัล  น่าชังนักหนา  ข้าสั่งให้พระอินทรเทพจับคุมเรือลงมาส่งตัวนายเข้ามาให้จำไว้ บ่าวให้จำไว้ข้างหน้า  ข้าได้เขียนหนังสือมาให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสทราบแล้ว  ได้มีไปสั่งถึงท้าวศรีสัจจา  ท้าวโสภสนิเวศน์ ให้เอาตัวจำไว้ให้มั่นคง กว่าข้าจะกลับลงไป  อยากจะใคร่ให้เอาๆตัดหัวเสียตามสกุลพ่อมัน แซ่นี้มักเป็นเช่นนั้น"
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 09:21

เย้ ได้เรียนต่อแล้ว

ขอบคุณคุณ ยิ้มกว้างๆ:D ที่ชวนกินของว่างค่ะ น้องๆ จะตาเขียวไหมหนอ ยายป้านี่มากินซะหมดชามเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:20

ในที่สุดก็มาถึงเจ้าจอมคนสุดท้ายของกระทู้นี้    ซึ่งจะต้องค่อยๆเล่า ค่อยๆแกะรอยกันไป  เพราะยังมีอะไรอึมครึมให้ต้องขบคิดถกเถียงกันได้อีกมาก
นั่นคือ  การประหารเจ้าจอมทับทิม ในรัชกาลที่ ๔

เจ้าจอมที่มีนามว่าทับทิมในรัชกาลที่ ๔  มีอยู่หลายคนด้วยกัน     เช่นเจ้าจอมทับทิม จากสกุล "วัชโรทัย"  ธิดาของพระจำนงภูษิต (อยู่ วัชโรทัย) และเจ้าจอมทับทิมจากสกุล "เพ็ญกุล"  เป็นธิดาของเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล)  แต่คนที่จะเอ่ยถึงนี้  ปรากฏชื่ออยู่ในเรื่องสั้นหนึ่งในสองเรื่องที่นางแอนนา เลียวโนเวนส์ เล่าถึงในหนังสือ ชื่อ "Romance of the Harem"
ต่อมา มาร์กาเร็ต แลนดอน นำเรื่องเล่าของนางแอนนมามาเขียนเป็นนิยายเรื่อง "Anna and the King of Siam" ในปี พ.ศ. 2487    เรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นละครเวทีและภาพยนตร์ "The King and I"  

แอนนา เลียวโนเวนส์( หรือจะพูดว่ามาร์กาเร็ต แลนดอนด้วยก็ได้ )เขียนไว้ว่า ทับทิมเป็นเด็กสาวอายุ ๑๕ ปี  บิดาซึ่งเป็นข้าราชการหวังจะให้ลูกสาวมีหน้ามีตา  จึงนำลูกสาวมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ  ทั้งที่พระองค์ท่านมีพระชนมายุสูงถึง ๖๐ พรรษาแล้ว   ทั้งๆทับทิมมีคนรักอยู่ก่อน     เมื่อถูกพรากจากกันฝ่ายชายก็สละทางโลกหันเข้าหาวัด  จำพรรษาอยู่ ณ วัดราชประดิษฐ์  จนได้เป็นพระครูปลัด ฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช(สา)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:22

ในหนังสือ "แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม" บรรยายว่าทับทิมได้มาเรียนหนังสืออยู่กับแอนนา ๒-๓ เดือนก็หายตัวไป   เมื่อแอนนาสอบถามคนอื่นๆก็ได้ความว่าเจ้าจอมทับทิมหายตัวไปจากพระบรมมหาราชวัง     จนถูกจับตัวได้ว่าโกนศีรษะปลอมตัวเป็นเณร ปรนนิบัติอยู่ในกุฏิพระครูปลัดวัดราชประดิษฐ์  โดยพระครูปลัดไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเณรน้อยผู้นี้เป็นหญิง  และเป็นคนรักเก่าของตน     ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์ชู้สาวกัน

เมื่อแอนนา ลีโอโนเวนส์ รู้เรื่องนี้   เธอตัดสินใจเข้าขัดขวางมิให้ทับทิมถูกประหาร ด้วยการเข้าเฝ้าสมเด็จพระจอมเกล้าฯ  ทูลขอให้ทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราช(สา) มาเป็นพยาน ตามคำร้องขอของทับทิม   แต่พระเจ้าอยู่หัวกลับกริ้วแอนนามาก   ทรงไม่ยอมรับฟังและปฏิเสธที่จะทูลถามสมเด็จพระสังฆราช    ทรงตวาดแอนนาว่า

" บ้า! แหม่ม  เธอบ้า"

แอนนาเขียนไว้ว่า เจ้าจอมทับทิม และพระครูปลัด ถูกประหารชีวิตในปี พ.ศ. 2410 โดยถูกเฆี่ยนตี ทรมาน และเผาทั้งเป็น    ต่อหน้าต่อตานางแอนนาเอง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:29

ภาพจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง The King and I    เดเบอร่าห์ คาร์แสดงเป็นแอนนา และริต้า โมเรโน่เป็นเจ้าจอมทับทิม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 17:34

ทับทิมเป็นตัวละครสำคัญในหนังเรื่องนี้   ทำกี่หนๆก็เลือกดาราสวยๆมาเล่นทั้งนั้นเลย



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 19:25

คำบรรยายในหนังสือ แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม  เล่าถึงการประหารว่า

" ในราวบ่ายสองโมงวันนั้น   ข้าพเจ้ามีความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งที่เห็นตะแลงแกง ๒ ที่ ถูกตั้งขึ้นที่สนามหน้าพระลานเบื้องหน้าหน้าต่างของข้าพเจ้าออกไป    ตรงกันข้ามกับพระบรมมหาราชวัง   ประชาชนเป็นอันมาก ทั้งลูกเล็กเด็กแดง  และหญิงชายจากทุกหนทุกแห่งหลั่งไหลมาชุมนุมอยู่ที่นั่น     เพื่อดูเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไป   พวกคนงานพากันตอกเสา   และนำเครื่องประหารมาตั้ง
...................................
ตามที่ข้าพเจ้าได้ทราบในภายหลังนั้น   เมื่อข้าพเจ้าออกจากเฝ้าไม่ทันไร    ตุลาการฝ่ายหญิงที่ข้าพเจ้าพบที่เชิงบันได ก็นำรายงานพิจารณาและคำพิพากษาพระปลัด และทับทิม เข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้าแผ่นดิน     พอทรงเสด็จแล้วก็กลับสัตย์ที่ทรงสัญญาว่าจะผ่อนโทษจำเลยลงมา     ทรงพิโรธทั้งทับทิมและข้าพเจ้า   และเนื่องจากไม่มีหนทางใดที่พระองค์จะทรงใช้อำนาจสิทธิ์เด็ดขาด  ซึ่งทรงมีเหนือชีวิตพลเมืองของพระองค์ แก่ข้าพเจ้าอย่างไรได้      จึงรับสั่งให้ตั้งตะแลงแกงขึ้นตรงหน้าต่างของข้าพเจ้า   และทรงสาบานว่าจะแก้แค้นทดแทนไม่ว่าบุคคลใดๆ หากจะกล้าไปขัดพระราชประสงค์ของพระองค์

   ตะแลงแกงที่สร้างขึ้นนี้  ทำเป็นยกพื้นด้วยฟาก  สูงจากพื้นดินราววาครึ่ง มีเสาสี่เสา   ปลายเสาสูงพ้นฟื้นฟากขึ้นไป   ใช้เป็นที่ตรึงปลายโซ่ล่ามขื่อคาที่จองจำ ที่คอนักโทษให้แน่นหนา  มิให้เผ่นหนีลงมาได้"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 19:26

ตอนนี้รอนักเรียนภาคค่ำทยอยกันเข้ามาก่อนค่ะ  แล้วจะเฉลยว่าข้อความที่ขีดเส้นใต้ มีความสำคัญอย่างไร  พิสูจน์เรื่องเจ้าจอมทับทิมถูกประหารได้อย่างไรบ้าง

โปรดอดใจรอ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 19:39

วัยรุ่นใจร้อนมาแล้วคร้าบบบบบ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 20:26

อ้าว โดนนักเรียนเร่งให้เลกเชอร์   ลังเล

แอนนายังเล่าอีกว่า ในวันที่ประหารชีวิตเจ้าจอมทับทิม   หน้าต่างทุกบานของตำหนักต่างๆที่อยู่ทางด้านตะวันออกเปิดกว้างออกหมด   ที่กำแพงพระบรมมหาราชวัง  ก็จะเป็นที่ประทับชั่วคราวทางด้านในของใบเสมา(หมายถึงด้านในของกำแพงวัง)  สำหรับพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรการประหาร    พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์  เจ้านายข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน   สาวสนมกำนัลก็ตามเสด็จกันมาถ้วนหน้า

พอบ่ายสามโมง    เจ้าหน้าที่ก็ขนเครื่องทรมานด้วยวิธีต่างๆมาพร้อมสรรพ  วางไว้ใต้พื้นตะแลงแกงทั้งสองที่   ในจำนวนนั้นมีฟืนดุ้นเล็กและดุ้นโตอยู่เป็นอันมาก
**********************
ก่อนอื่น  แหม่มทั้งสองแหม่มคือแหม่มแอนนาและแหม่มมาร์กาเร็ตนั้น ไม่รู้ว่าในเขตพระบรมมหาราชวังนั้นไม่มีใครเข้าไปตายได้   เว้นแต่เจ้านายที่สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุธรรมชาติต่างๆเช่นประชวรพระโรค       แม้แต่สามัญชนที่ทำงานในวัง ก็ต้องหามออกไปตายนอกวัง       เว้นแต่กะทันหันหามออกไปไม่ทันจริงๆเช่นหัวใจวายเฉียบพลัน  ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำพิธีกลบบัตรสุมเพลิง   ปัดรังควาน  เพื่อให้พ้นจากอัปมงคลต่างๆที่อาจจะพึงมีขึ้นมาได้
 
ในเมื่อไม่รู้ ว่าคนไทยถือกันว่าเรื่องตายเป็นเรื่องไม่ใช่มงคล   ต่อให้ตายธรรมดาในวังก็ยังไม่ถือว่าธรรมดาอยู่ดี       คุณเธอก็เลยบรรยายเต็มปากว่า  พิธีประหารชีวิตเจ้าจอมทับทิมและพระครูปลัดจึงทำกันเป็นงานมหกรรมอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง   มีพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางใหญ่น้อย   แม้แต่ตำหนักใหญ่น้อยก็เปิดหน้าต่างดูกันเอิกเกริก     ประชนชนอุ้มลูกจูงหลานแห่กันมาดู    ปานประหนึ่งว่าเป็นพระราชพิธีสมโภชอะไรสักอย่าง 
ทั้งหมดนี้พูดอย่างไม่เกรงใจว่า คนเขียนปั้นน้ำเป็นตัวเพราะไม่รู้จักประเพณีไทยเท่าที่ควร และไม่ศึกษาด้วย      แต่เอามาเขียนซะเจื้อยแจ้วเชียว

จะปอกเปลือกนิยายของแอนนา ออกมาให้ดูทีละชั้นเหมือนปอกหัวหอม     ถ้าผิดพลาดตรงไหนกรุณาแก้ไขให้ด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 20:43

ขั้นต่อไป คือแอนนาบรรยายว่า การประหารเจ้าจอมทับทิมและพระครูปลัดนั้นมีการก่อสร้างตะแลงแกง   บรรยายไว้ละเอียดว่าหน้าตาเป็นยังไง  ดังที่ยกมาในค.ห. 70  
แอนนา (หรือมาร์กาเร็ต แลนดอน) ยังได้บรรยายต่อว่า บรรดาราชมัลหรือผู้คุมนักโทษได้เอาเครื่องมือทรมานหลายอย่างต่างชนิดขึ้นมาใช้กับนักโทษชายหญิง ที่ถูกคุมตัวมาที่ตะแลงแกง    ผลัดเปลี่ยนกันทรมานด้วยประการต่างๆ  จนทับทิมกรีดร้องโหยหวนซ้ำแล้วซ้ำอีก    ส่วนคุณพระปลัดไม่ร้องเลย  มีแต่เสียงสวดมนตร์เบาๆไม่ขาดปาก
แอนนาทนดูไม่ได้ก็เป็นลมหน้ามืดล้มลงไป   พอฟื้นขึ้นมาพบว่าลานตะแลงแกงว่างผู้คนหมดแล้ว   มีแต่กองถ่านที่ไฟยังติดแดงและขี้เถ้าเหลืออยู่บนพื้นดินยกฟากของตะแลงแกง    แสดงว่าเจ้าจอมทับทิมถูกเผาไม่เหลือซากไปแล้ว

เรามาดูกันดีกว่าว่าการประหารชีวิตในสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ต้นจนถึงรัชกาลที่ ๕ เขาทำกันอย่างไร     เพราะการประหารชีวิตแต่ละราย ไม่ใช่เรื่องปกปิดซ่อนเร้น งุบงิบกันทำ    แต่ละรายมีบันทึกบอกเอาไว้เป็นหลักฐานทั้งสิ้น   บางคดีก็บันทึกตรงกันทั้งฝรั่งและไทย
ขอยกเป็นตัวอย่างว่าในต้นรัชกาลที่ ๕ มีผู้ร้ายสำคัญออกอาละวาดในอยุธยา  ชื่อ อ้ายอ่วม อกโรย (ชาวบ้านตำบลอกโรย) เป็นโจรปล้นฆ่าและข่มขืน อีกคนหนึ่งชื่ออ้ายสาย  สมเด็จเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จึงบัญชาให้จับตัวให้ได้   พอได้ตัว ท่านก็ขึ้นไปกรุงเก่าพร้อมด้วยผู้พิพากษาในทันที
สำหรับพวกหัวหน้าโจรที่ต้องโทษประหารชีวิต เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์สั่งให้ประหารชีวิตด้วยการเอาขวานฟันหัวขาดเป็น 2 ท่อน ที่หน้าพะเนียดคล้องช้างแห่งหนึ่ง    ให้ผ่าอกที่วัดชีตาเห็น (บ้านหักไห่) อีกแห่งหนึ่ง
การประหารทั้ง 2 แห่งนี้ ได้มีการป่าวร้องให้คนมาดูโดยหวังจะให้คนพาลสยดสยอง แม้ใครตำหนิว่าทำการประหารอย่างทารุณ แต่ก็ต้องตอมรับว่าได้ผล ด้วยโจรผู้ร้ายตามหัวเมืองสงบโดยทันที
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 20 คำสั่ง