เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 8
  พิมพ์  
อ่าน: 87156 เจ้าจอมหม่อมห้ามผู้ถูกประหาร
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 08 มี.ค. 13, 16:25

 คดีนี้  พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นผู้ชำระความ  รุ่งขึ้นจึงโปรดให้จับกุมเจ้าฟ้าเหม็นมาสอบสวนทันที  นอกจากนี้ ยังมีรัชทายาทในพระเจ้าตากสินถูกกล่าวโทษในคดีนี้อีก 2 พระองค์ คือ เจ้าจอมมารดาสำลี พระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และพระองค์เจ้าชายอรนิกา  หรือนายหนูดำ
      เจ้าจอมมารดาสำลี  เดิมคือพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงพระนามว่าพระองค์เจ้าหญิงสำลีวรรณ   เมื่อสิ้นราชวงศ์ตากสินท่านก็กลายเป็นสามัญชน     และได้เป็นเจ้าจอมในกรมหลวงเสนานุรักษ์ วังหน้าในรัชกาลที่ 2   ลูกหลานท่านได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "อิศรเสนา ณ อยุธยา"

     หลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (ม.ล.เพิ่มยศ อิศรเสนา) ได้เล่าถึงเหตุการณ์นี้ไว้ว่า

      " ในวันจันทร์ วันเดียวกันนั้น เจ้าจอมมารดาสำลีตัดผมใหม่ พระองค์ชายพงศ์อิศเรศร์ ชันษา ๙ ปี พระองค์หญิงนฤมล ชันษา ๖ ปี สามคนแม่ลูกนั่งเล่นกันอยู่ที่พระตำหนักในพระนิเวศนเดิม (ราชนาวิกสภา) สมเด็จฯ กรมหลวงเสนานุรักษ์เสด็จกลับจากพระบรมมหาราชวัง รับสั่งถามเจ้าจอมมารดาสำลีว่า กรมขุนกษัตรานุชิตเป็นขบถ เขาว่าเจ้ารู้เห็นเป็นใจด้วยจริงหรือ คุณสำลีตอบเป็นทำนองว่า จะหาว่าเป็นขบถก็ตามใจ พ่อเขาก็ฆ่า พี่น้องเขาจะเอาไปฆ่า ตัวเองจะอยู่ไปทำไม รับสั่งให้เรียกตำรวจเข้ามาคุมตัวไป คุณสำลีก็ผลักหลังลูกสองคนว่า นี่ลูกเสือลูกจระเข้ แล้วก็ลุกขึ้นตามตำรวจออกไป"
     
     ในเมื่อเจ้าจอมมารดาสำลีไม่ได้ปฏิเสธ และยอมตายตามสมเด็จพระราชบิดาและพระเชษฐา     ท่านจึงอยู่ในกลุ่มผู้ร่วมสมรู้ร่วมคิด    ถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต
      คดีกบฏครั้งนี้  มีขุนนางผู้ใหญ่ถูกตัดสินว่าผิดตามข้อหากบฏอีกหลายคนคือเจ้าพระยาพลเทพ (บุนนาค บ้านแม่ลา) พระยาเพ็ชรปาณี (กล่อม)  พระยาราม (ทอง)  พระอินทรเดช (กระต่าย)  นอกนั้นเป็นชั้นผู้น้อย รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ 40 คน กับพระราชวงศ์อีก 3 พระองค์ และพระโอรสทั้งหมดในเจ้าฟ้าเหม็นก้ถูกประหารทั้งหมดเช่นกัน
      สามัญชนถูกประหารชีวิตที่สำเหร่  เจ้าฟ้าและพระโอรสทั้งหมดถูกสำเร็จโทษด้วยวิธีการถ่วงน้ำ  ไม่เหลือเชื้อสายกรมขุนกษัตรานุชิตในปัจจุบัน  แต่ราชสกุลอิศรเสนาที่สืบจากทางเจ้าจอมมารดาสำลี ยังมีลูกหลานมาจนถึงปัจจุบันนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 09 มี.ค. 13, 16:39

เจ้าจอมที่ถูกประหารชีวิตรายต่อไปที่จะนำมาเล่า เป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๓  ชื่อเจ้าจอมอิ่ม ธิดาพระยามหาเทพ (ทองปาน)
ความผิดของเจ้าจอมอิ่มไม่ใช่เรื่องกบฏ  แต่เป็นเรื่องส่วนตัว คือลอบส่งเพลงยาวเชิงชู้สาวกับชายหนุ่มนอกวัง    ชายนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกชายขุนนางบุญหนักศักดิ์ใหญ่  ชื่อพระสุริยภักดี นามเดิมว่า สนิท   เป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ(หรือสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย)แห่งตระกูลบุนนาค

พระสุริยภักดี (สนิท) ไม่ใช่ผู้ชายตัวเปล่า  แต่สมรสแล้วกับศรี ธิดาพระยาอุไทยธรรม (กลาง ณ บางช้าง) มีบุตรธิดา ๓ คน   นอกจากนี้ยังมีบุตรธิดากับภรรยาอื่นอีกถึง ๑๑ คน  อายุตอนที่เกิดเรื่องอื้อฉาวนี้ขึ้น ก็คือ ๒๗ ปี    คนที่กล่าวโทษคุณพระสุริยภักดีก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นทาสของตัวเองชื่ออ้ายพลายกับอีทรัพย์   
ทำไมทาสถึงกล้าแฉนายขนาดนี้ก็ไม่ทราบ   และเป็นทาสที่สามารถเขียนหนังสือร้องเรียน ทำเรื่องราวยื่นต่อเจ้าพระยาธรรมาฯ เสนาบดีวังได้เป็นเรื่องเป็นราวเสียด้วย   ทำให้สงสัยว่าน่าจะมีเบื้องหลัง   ใครสักคนเป็นตัวจริงที่ร้องเรียนขึ้นมา เพียงแต่อาศัยชื่อทาสสองคนนี้บังหน้าเท่านั้น เพราะเป็นทาสใกล้ชิดรู้เห็นเหตุการณ์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 09 มี.ค. 13, 17:30

  เรื่องที่ฟ้องร้องก็คือคุณพระสุริยภักดีกับเจ้าจอมอิ่มติดต่อให้ข้าวของกัน    ด้วยใจปฏิพัทธ์ฉันชู้สาว   ถึงขั้นเจ้าจอมอิ่มสั่งให้มาบอกกับคุณพระสุริยภักดีว่าจะลาออกจากเป็นเจ้าจอม กลับมาอยู่บ้านพ่อแม่เสียชั่วคราวก่อน แล้วจึงให้คุณสุริยภักดีส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอ
   เรื่องลอบติดต่อกันนี้  พระสำราญราชหฤทัย (อ้าว) กรมวังก็รู้เห็นเป็นใจด้วย และจะทำหน้าที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายช่วยสู่ขอเจ้าจอมอิ่มต่อพระยามหาเทพ ผู้เป็นบิดาเจ้าจอมอิ่มให้

  เมื่อเจ้าพระยาธรรมาฯ  อ่านเรื่องฟ้องร้องแล้ว ก็นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว     โปรดฯ ให้กรมหลวงรักษ์รณเรศร์เป็นตุลาการ ชำระได้ความว่า คุณสุริยภักดีและเจ้าจอมอิ่ม เป็นแต่ให้หนังสือเพลงยาวและข้าวของกันเท่านั้น ไม่เคยลอบออกไปพบปะพูดจากันที่ใด     
   นอกจากนี้ยังมีคนนอกเกี่ยวข้องด้วยอีกถึง ๗ คน คือ ผู้ที่รู้เห็น เช่นพระสำราญราชหฤทัย กรมวัง รู้แล้วก็นิ่งเสียไม่ห้ามปราม    ตลอดจนคนอื่นที่เกี่ยวข้องกันทั้งสองฝ่าย รวมทั้งหมอดูหมอเสน่ห์ด้วย    อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่มีรายละเอียดทั้งๆอยากรู้จริงๆว่าหมอเสน่ห์เข้ามาเกี่ยวอะไรด้วย   ส่วนหมอดูนั้นพอเข้าใจ  ไม่ฝ่ายชายก็ฝ่ายหญิงคงไปดูดวงว่าเป็นเนื้อคู่กันหรือไม่ละกระมัง
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 09 มี.ค. 13, 22:16

รอติดตามอยู่ค่ะ
บันทึกการเข้า
lantum
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 09 มี.ค. 13, 22:33

มาลงชื่อรออ่านต่อคะ
บันทึกการเข้า
PG
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 09 มี.ค. 13, 23:25

มารายงานตัวครับ ติดตามเรือนไทยมานานแล้ว เพิ่งสมัครสมาชิก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 10 มี.ค. 13, 08:24

มีนักเรียนใหม่เพิ่ม  นักเรียนเก่าก็ยังไม่โดดเรียน    ขอยกข้าวแช่มาเลี้ยงนะคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 10 มี.ค. 13, 09:15

ด้วยหลักฐานพยานบุคคลต่างๆ ที่รวมกันแล้วเป็นหลักฐานมัดผู้ต้องหาแน่น ดิ้นไม่หลุด   กรมหลวงรักษ์รณเรศก็นำผลการชำระความขึ้นกราบบังคมทูล       เมื่อทรงทราบ  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ มีพระกระแสรับสั่งให้สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย บิดาของคุณพระสุริยภักดี ซึ่งขณะนั้นเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดีขึ้นไปเฝ้าฯ  มีพระราชดำรัสว่า คุณสุริยภักดีนั้นยังเป็นหนุ่มคะนอง ย่อมจะทำอะไรผิดพลาดไปโดยไม่รู้ผิดรู้ชอบ    ตุลาการก็ได้กราบบังคมทูลขึ้นมาแล้วว่า คุณสุริยภักดีมิได้พบปะกับเจ้าจอมอิ่มเลย จึงมีพระกรุณาจะยกโทษให้     แต่เมื่อเรื่องราวอื้อฉาวมีโจทก์ฟ้องขึ้นมาเช่นนี้ จะทรงพระกรุณานิ่งเสียก็ไม่ได้ จึงทรงพระราชดำริเห็นว่า สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยควรจะขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นมา และทำทัณฑ์บนไว้ให้แก่คุณสุริยภักดี ก็จะโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษให้

ข้อความข้างบนนี้แสดงให้เห็นน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาต่อข้าราชบริพาร  ทั้งทรงรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว      จึงทรงตัดสินว่าความผิดแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่ม  ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงของแผ่นดิน     และมิได้ทรงยึดมั่นถือมั่นว่าบังอาจมาล่วงละเมิดต่อเจ้าจอมหม่อมห้ามซึ่งถือเป็นเหมือนสมบัติส่วนพระองค์       
การที่ทรงเรียกสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติมา ก็เพื่อบอกตรงๆว่าไม่เอาผิดลูกชายน่ะแหละ   แต่เพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบหน่อยก็ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษมาก็แล้วกัน   จะได้พระราชทานได้ตามขั้นตอน     จะชิงพระราชทานอภัยโทษมาก่อนทั้งๆฝ่ายผู้ผิดยังไม่ได้ขอ มันก็ไม่ถูกต้อง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 12:33

      คำตอบของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เป็นเรื่องหนึ่งที่สมควรจารึกลงในประวัติศาสตร์เป็นหลักฐานถึงความซื่อตรงเที่ยงธรรม   เห็นได้ชัดว่าท่านต้องการรักษากฎหมายของแผ่นดินและความถูกต้อง  ยิ่งกว่าความอาลัยรักในสายโลหิตของตน
      ท่านกราบบังคมทูลว่า ท่านเองเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อบุตรของท่านเองทำผิดบทพระอัยการร้ายแรงถึงเพียงนั้น    หากไม่ลงพระราชอาญาไปตามโทษานุโทษแล้ว ก็จะเสียหายแก่แผ่นดินยิ่งนัก เหมือนกับว่าถ้าเป็นบุตรของท่านแล้วย่อมจะทำอะไรทำได้ไม่เป็นผิด จึงขอพระราชทานให้ลงพระอาญาตามแต่ลูกขุนจะปรึกษาโทษเถิด
   
     เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาฯ ท่านทูลปฏิเสธ ไม่ยอมรับสิทธิ์ดังกล่าว   พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงโปรดฯ ให้ลูกขุนปรึกษาโทษตามที่ท่านกราบบังคมทูล      ลูกขุนเชิญบทพระกฤษฎีกาออกมาดูแล้ว ปรากฎในบทพระกฤษฎีกาว่า ชายใดบังอาจสมรักด้วยนางใน ก็ให้ประหารชีวิตเสียทั้งชายหญิง ส่วนผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ ก็ให้ประหารชีวิตเสียด้วย
      เมื่อผลการตัดสินเป็นอย่างนี้  คุณพระสุริยภักดี เจ้าจอมอิ่ม และคนที่เกี่ยวข้องอีก ๗ คน ก็ถูกประหารชีวิตที่ตำบลสำเหร่
   
   
บันทึกการเข้า
:D :D
นิลพัท
*******
ตอบ: 2333


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 13:21

อ้าว  ตกใจ
จากที่ไม่ต้องตาย เลยตายยกแก๊งเลย โธ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ  ร้องไห้
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 13:38

 
     เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาฯ ท่านทูลปฏิเสธ ไม่ยอมรับสิทธิ์ดังกล่าว   พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จึงโปรดฯ ให้ลูกขุนปรึกษาโทษตามที่ท่านกราบบังคมทูล      ลูกขุนเชิญบทพระกฤษฎีกาออกมาดูแล้ว ปรากฎในบทพระกฤษฎีกาว่า ชายใดบังอาจสมรักด้วยนางใน ก็ให้ประหารชีวิตเสียทั้งชายหญิง ส่วนผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ ก็ให้ประหารชีวิตเสียด้วย
      เมื่อผลการตัดสินเป็นอย่างนี้  คุณพระสุริยภักดี เจ้าจอมอิ่ม และคนที่เกี่ยวข้องอีก ๗ คน ก็ถูกประหารชีวิตที่ตำบลสำเหร่
   
   

ลานประหารตรงไหนหนอ  ฮืม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 15:40

อาจจะเป็นวัดโคกขี้แร้ง  หรือวัดสันติธรรมาราม   ตั้งอยู่หลังสถานีตำรวจนครบาลบุคคโล ริมถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฝั่งธนบุรีในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 18:03

น่าเห็นใจคุณพระเหมือนกัน แต่ที่เห็นใจกว่าคือเจ้าจอมที่พลอยถูกประหารไปด้วย   น่ากลัวว่าคุณพระอาจจะเคยรู้จักเจ้าจอมมาตั้งแต่ก่อนเจ้าจอมถวายตัวหรือเปล่า ไม่งั้นไม่น่าจะสนใจไปตามส่งเพลงยาวได้แบบนี้  แต่ว่าก็ว่าไปคุณพระเองก็มีทั้งเมียแต่ง เมียไม่แต่งมากมาย ตัวเป็นถึงคุณพระตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นลูกชายสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4  บารมีพ่อก็ใหญ่คับบ้านคับเมือง ไม่นับบารมีลุงอีก  วาสนาบารมีทั้งตัว ทั้งวงศ์ตระกูลก็ไม่น้อย ใหญ่กว่าพ่อไอ้ปื้ดสมัยนี้เยอะ  เพราะที่จะใหญ่กว่าก็มีเพียงพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น  เชื้อพระวงศ์อื่นๆ ยังไม่เทียบเท่าเลย เดินไปไหนเบ่งได้เต็มที่ เรื่องจะหาอีหนูเอ๊ะๆ สวยแค่ไหนคงไม่ยากสำหรับคุณพระ    แต่สงสัยว่ามันจะไม่เร้าใจ คนเราเพียบพร้อมทุกอย่างเกินไปเลยอยากหาอะไรตื่นเต้นๆ เล่นของสูงเกินเอื้อม  เลยเล่นกับไฟซะเลย ไฟเลยลามเผาทั้งตัว ทั้งเจ้าจอมไปเลย   คิดไปคิดมาเอ ไม่เห็นใจแล้วดีกว่า
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 11 มี.ค. 13, 19:55

อ่านมาถึงตอนจบแล้วก็...อ้าว พลิกล็อค   ยิ้มเท่ห์
*****************
เจ้าจอมหม่อมห้าม เป็น"นางห้าม" ใครๆก็รู้ๆกันอยู่     แต่ก็ไม่วายมีผู้ชายที่ละเมิดกฎข้อบังคับอันเข้มงวดข้อนี้อยู่บ้าง     ย้อนกลับไปในรัชกาลที่ ๒   ก็มีกรณีแบบเดียวกับพระสุริยอภัยและเจ้าจอมอิ่มเกิดขึ้นมาก่อน

เราคงจะจำกันได้ว่า เมื่อสิ้นราชวงศ์ธนบุรีแล้ว บรรดาเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้าพระราชโอรสธิดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯก็กลายเป็นสามัญชน    ส่วนใหญ่ก็ยังทรงพระเยาว์อยู่ และอยู่รอดปลอดภัยดีไม่มีใครไปทำร้ายแต่อย่างใด    องค์ไหนผิดก็ว่าไปตามผิด องค์ไหนไม่ได้ทำผิดก็เจริญพระชันษาขึ้นมาเป็นขุนนางทั้งในปลายรัชกาลที่ ๑ และต่อมาในรัชกาลที่ ๒

ในจำนวนนี้มีเจ้าฟ้าชายพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าสมเด็จเจ้าฟ้าทัศไภยิ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๑๔ ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประสูติในกรมบริจาภักดีศรีสุดารักษ์ (เจ้าหญิงฉิม) ธิดาของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช (หนู)
มีพระเชษฐา พระอนุชา และพระขนิษฐา ร่วมพระมารดา คือ
    สมเด็จเจ้าฟ้าชายทัศพงศ์ ต้นราชสกุล "พงษ์สิน"
    สมเด็จเจ้าฟ้าชายทัศไภย
    สมเด็จเจ้าฟ้าชายนเรนทรราชกุมาร ต้นราชสกุล "รุ่งไพโรจน์"
    สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงปัญจปาปี เป็นพระชายาของพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ต้นราชสกุล อิศรางกูร ณ อยุธยา

     สมเด็จเจ้าฟ้าชายทัศพงศ์ และสมเด็จเจ้าฟ้าชายทัศไภย มีความรู้ทางการแพทย์ และได้รับราชการในราชสำนักพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นพระพงษ์นรินทร์  และ พระอินทร์อภัย  ตามลำดับ มีตำแหน่งเข้าเฝ้าต่อจากเสนาบดี    ความเป็นแพทย์ทำให้มีสิทธิพิเศษ  สามารถเข้าออกในเขตพระราชฐานฝ่ายในได้     มีสิทธิพิเศษอีกอย่างคือสามารถนอนค้างคืนในเขตพระราชฐานได้ด้วยเวลามีเจ้านายประชวรหนัก  แต่ว่าห้ามกางมุ้ง   ต้องนอนห่มผ้าตากยุงอยู่ยังงั้นแหละ   

      พระอินทร์อภัย ได้ลักลอบเป็นชู้กับเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   ตอนนี้ยังค้นไม่พบว่าเป็นเจ้าจอมชื่ออะไร และมีรายละเอียดอย่างใด    รู้แต่ว่า ไต่สวนพบว่ามีความผิดจริง และถูกประหารชีวิตเมื่อเดือน 10 ปีวอก พ.ศ. 2355
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 14 มี.ค. 13, 11:34

นักเรียนยังนั่งรอเรียนต่ออยู่นะคะ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 20 คำสั่ง