เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8
  พิมพ์  
อ่าน: 87188 เจ้าจอมหม่อมห้ามผู้ถูกประหาร
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 21:05

ในรัชกาลที่ ๕ มีผู้หญิงถูกตัดสินประหารชีวิตชืิอ"อีอยู่"    มีหลักฐานบันทึกตรงกันทั้งไทยและฝรั่ง   ฝรั่งคนนั้นชื่อ นาย Carl Bock นักธรรมชาติวิทยาชาวนอร์เวย์  เดินทางเข้ามาสำรวจดินแดนไทยและเผอิญได้ไปดูการประหารอีอยู่ด้วย ก็เลยเขียนไว้อย่างละเอียดว่า

 “ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ” เสียงตะโกนจากนักโทษประหารซึ่งเป็นหญิง เพชฌฆาตหกคนยังคงร่ายรำดาบ ถอยหน้าถอยหลังอยู่เบื้องหลังนักโทษอีกครู่ ก่อนที่เพชฌฆาตมือหนึ่งจะวิ่งเข้าฟันคออย่างแรง จนศีรษะขาด เลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มุงดูการประหารจึงค่อยเริ่ม แยกย้ายกันกลับไป เสียงพึมพำดังจับความได้ว่า ต่างก็พอใจที่ผู้ตายได้รับกรรมที่กระทำไว้แล้ว แม้แต่ในหมู่ญาติพี่น้องของหล่อนเอง!
      เพชฌฆาตยังคงทำงานต่อไปด้วยการตัดข้อเท้าซึ่งมีโซ่ตรวนพันธนาการไว้ และตัดศพออกเป็นชิ้น แล่เนื้อออกจากกระดูก ทิ้งตับไตไส้พุงไว้เป็นทานแก่แร้งกา ส่วนศีรษะเอาไปเสียบไม้ไผ่ปักประจานไว้ให้มองเห็นได้แต่ไกล

      หญิงที่ถูกประหารนี้ไม่ใช่หญิงชาวบ้านสามัญธรรมดา  แม้ว่าเมื่อถูกประหาร ทางการเรียกว่า "อีอยู่"  แต่ว่าก่อนหน้านี้แค่เดือนเศษ   อีอยู่คือคุณนายอยู่  ภรรยาของพระบรรฦาสิงหนาท แต่คุณนายอยู่ไม่รักดี    ลักลอบเป็นชู้กับทาสในเรือนชื่อ ไฮ้ มั่วสุมกันอยู่ถึงสองปีเศษโดยตัวสามีไม่รู้เรื่อง   ซึ่งก็คงยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา  ถ้าไม่เป็นเพราะอ้ายไฮ้เอง เกิดไปลักลอบได้เสียกับนางทาสอีกคนหนึ่งชื่อ เกลี้ยง หลังจากทั้งคู่สมสู่กันได้สามเดือน ความเรื่องของคุณนายอยู่เป็นชู้กับอ้ายไฮ้ก็เกิดแตกขึ้นมา      
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 21:07

      วันนั้นพระบรรฦาฯกลับบ้านเร็วกว่าปกติจึงจับได้คาเตียงว่าเมียเป็นชู้กับทาส     ก็เลยทำโทษอ้ายไฮ้ด้วยการโบย ๕๐ที แล้วล่ามโซ่ไว้ที่ครัวไฟ แต่พระบรรฦาฯอาจจะกลัวเมียหรืออะไรสักอย่างจึงไม่ได้ลงโทษภรรยา   เห็นได้จากคุณนายยังกินเหล้าเมามายหลังจากนั้นและอาละวาดเล่นงานทาสอื่นๆได้อย่างหนัก   แสดงว่าคงไม่ได้ถูกสามีซ้อมแต่อย่างใด   
       บ้านคุณนายอยู่นี่เละเทะกันทั้งบ่าวทั้งนาย  เพราะอ้ายไฮ้ก็เป็นชู้กับอีเกลี้ยง  คุณนายอยู่ก็หึงอีเกลี้ยงจึงทารุณร่างกายอีเกลี้ยงด้วยวิธีวิตถารซาดิสต์ต่างๆ เกินกว่าจะนึกว่าผู้หญิงทำกันได้   จนในที่สุดอีเกลี้ยงสุดจะทนกับความเจ็บปวดจากการทรมาน จึงขาดใจตาย

        เรื่องนี้ พระบรรฦาฯ ทราบเพียงว่าอีเกลี้ยงตายเพราะเป็นไข้ประจุบันเท่านั้น จึงให้อำแดงอยู่บัญชาการทาสอื่นห่อศพให้เรียบร้อย แล้วหามไปให้สัปเหร่อฝัง ตอนแรกทาสที่นำศพมาก็ไม่ยอมแก้ผ้าห่อศพ สัปเหร่อเลยไม่ยอมฝัง ในที่สุดพวกทาสก็ต้องยอมให้สัปเหร่อ CSI และนิติเวชเบื้องต้น ดูศพก่อน แต่พอได้ดูศพแล้ว จรรยาบรรณสัปเหร่อบอกว่าไม่ยอมให้ฝัง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 21:08

    ปรากฏว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อหนูไปแจ้งความ จึงเกิดการชันสูตรศพขึ้นก็พบว่าอีเกลี้ยงถูกทารุณร่างกายบอบช้ำทั้งตัว กระดูกหัก เป็นแผลสาหัส
        “ ศพอีเกลี้ยงนั้นกระหม่อมยุบกว้าง ๒ นิ้ว หน้าบวมช้ำดำเขียว หูข้างซ้ายช้ำบวมมีเลือดไหลออกมาจากหู ยังเป็นคราบติดอยู่ ต้นแขนริมศอกขวา บวมช้ำ และกระดูกหัก ต้นแขนซ้ายบวมช้ำกระดูกหัก อกบวมช้ำ โตกลมหนึ่งนิ้ว สะโพกข้างขวาบวมช้ำดำเขียวเต็มทั้งสะโพก นอกจากนั้นมีแผลที่เกิดจากการตีด้วยไม้รวมเก้าแผล ”

        หลังการสอบสวน คุณนายอยู่โดนมาตรการยึดทรัพย์ทั้งหมด  และมีพระบรมราชโองการให้ประหาร  แต่ก่อนประหารต้องลงโทษเตือนวิญญาณให้จดจำไปถึงชาติหน้า ด้วยการเฆี่ยน ๙๐ทีเสีย ก่อน จึงจะประหาร

         วันที่ประหารอีอยู่คือ วันเสาร์ เดือน๑๑ แรม ๗ ค่ำ ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๒๔

         ถ้าย้อนกลับไปอ่านที่ฝรั่งเล่าถ่ายทอดรายละเอียดไว้  จะเห็นได้ว่าไม่มีตะแลงแกง   ไม่มีการเผานักโทษตรงไหนเลย  มีแต่ตัดหัวอย่างที่ทำกันมาในบรรดานักโทษ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 15 มี.ค. 13, 21:10

   นักเรียนฟังบรรยายมาถึงตรงนี้แล้วคงจะอยากรู้ว่า  อ้าว  งั้นตะแลงแกงของแหม่มแอนนามาจากไหนกันล่ะ   นักโทษไทยถูกจับมัดกับหลักประหาร  มีเพชฌฆาตตัดหัว    ไม่ได้ถูกเครื่องไม้เครื่องมือทรมาน และเผาร่างจนมอดไหม้สักหน่อย

    คำตอบ คือ จากในรูปข้างล่างนี้ไงล่ะคะ
   



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 08:46

คำบรรยายในหนังสือ แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม  เล่าถึงการประหารว่า

" ในราวบ่ายสองโมงวันนั้น   ข้าพเจ้ามีความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งที่เห็นตะแลงแกง ๒ ที่ ถูกตั้งขึ้นที่สนามหน้าพระลานเบื้องหน้าหน้าต่างของข้าพเจ้าออกไป    ตรงกันข้ามกับพระบรมมหาราชวัง   ประชาชนเป็นอันมาก ทั้งลูกเล็กเด็กแดง  และหญิงชายจากทุกหนทุกแห่งหลั่งไหลมาชุมนุมอยู่ที่นั่น     เพื่อดูเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไป   พวกคนงานพากันตอกเสา   และนำเครื่องประหารมาตั้ง
...................................
ตามที่ข้าพเจ้าได้ทราบในภายหลังนั้น   เมื่อข้าพเจ้าออกจากเฝ้าไม่ทันไร    ตุลาการฝ่ายหญิงที่ข้าพเจ้าพบที่เชิงบันได ก็นำรายงานพิจารณาและคำพิพากษาพระปลัด และทับทิม เข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้าแผ่นดิน     พอทรงเสด็จแล้วก็กลับสัตย์ที่ทรงสัญญาว่าจะผ่อนโทษจำเลยลงมา     ทรงพิโรธทั้งทับทิมและข้าพเจ้า   และเนื่องจากไม่มีหนทางใดที่พระองค์จะทรงใช้อำนาจสิทธิ์เด็ดขาด  ซึ่งทรงมีเหนือชีวิตพลเมืองของพระองค์ แก่ข้าพเจ้าอย่างไรได้      จึงรับสั่งให้ตั้งตะแลงแกงขึ้นตรงหน้าต่างของข้าพเจ้า   และทรงสาบานว่าจะแก้แค้นทดแทนไม่ว่าบุคคลใดๆ หากจะกล้าไปขัดพระราชประสงค์ของพระองค์

   ตะแลงแกงที่สร้างขึ้นนี้  ทำเป็นยกพื้นด้วยฟาก  สูงจากพื้นดินราววาครึ่ง มีเสาสี่เสา   ปลายเสาสูงพ้นฟื้นฟากขึ้นไป   ใช้เป็นที่ตรึงปลายโซ่ล่ามขื่อคาที่จองจำ ที่คอนักโทษให้แน่นหนา  มิให้เผ่นหนีลงมาได้"


จากหนังสือ THE ROMANCE OF THE HAREM BY MRS. ANNA H. LEONOWENS   ขยิบตา

ABOUT two o'clock that very afternoon I was startled to see two scaffolds set np on the great common in front of my windows, opposite the palace. A vast crowd of men, women, and children had already collected from every quarter, in order to see the spectacle, whatever it might happen to be. A number of workmen were driving stakes and bringing up strange machines, under the hurried instructions of several high Siamese officials. There was an appearance of great and general excitement among the crowd on the green, and I became sufficiently aroused to inquire of my maid what was the reason of all this preparation and commotion. She informed me that a Badachit (guilty priest) and a Nangharm (royal concubine) were to be exposed and tortured for the improvement of the public morals  that afternoon. It was afternoon already.

As I afterwards learned, I had no sooner left the king than the woman judge I had met at the head of the staircase laid before him the proceedings of both the trials, of Balat and Tuptim. On reading them he repented of his promised mercy, flew into a violent rage against Tuptim and me, and, not knowing how to punish me except by showing me his absolute power of life and death over his subjects, ordered the scaffolds to be set up before my windows, and swore vengeance against any person who should again dare to oppose his royal will and pleasure. To do justice to the king, I must here add that, having been educated a priest, he had been taught to regard the crime of which Tuptim and Balat were accused as the most deadly sin that could be committed by man.

The scaffolds or pillories on which the priest and Tuptim were to be exposed were made of poles, and about five feet high ; and to each were attached two long levers, which were fastened to the neck of the victim, and prevented his falling off, while they were so arranged as to strangle him in case this was the sentence.


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 08:54

http://archive.org/stream/romanceofharem00leon#page/35/mode/1up



บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 09:41

ชวนพักอารมณ์เชิญชม ภาพสวยๆ เรื่องราวประทับใจ ของแหม่มแอนนา,เจ้าจอมทับทิม
และแม่มณี (ไม่มีเรื่องการประหาร) ใน ทวิภพ Deleted Scenes ครับ

         


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 11:46

อ้าว ไปเรื่องเจ้าจอมทับทิม ของแหม่มแอนนา เฉยเลย....5555+
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 12:00

หลังจากชมทวิภพจนอิ่มอกอิ่มใจดีแล้ว  ขอเชิญกลับมาที่ตะแลงแกง...เอ๊ะ ยังไง   ลังเล
ขอนำชมสถานที่ค่ะ  
แหม่มแอนนา ได้ฉากการประหารชีวิตเจ้าจอมทับทิมและพระปลัดมาจากไหน  คำตอบก็คือจากตะแลงแกงของฝรั่งนั่นเอง    ตะแลงแกงแบบนี้ เรียกว่า scaffold   เขาใช้ไม้  ทำเป็นยกพื้นง่ายๆ สูงจากพื้นดิน สร้างแบบชั่วคราว     เพราะการประหารนักโทษทั่วไปนั้นใช้วิธีแขวนคอ    จึงต้องเอาตัวขึ้นไปสูงกว่าพื้นดินทั่วไป    แขวนจากที่สูงเช่นเสา  เท้านักโทษเหยียบไม่ถึงพื้นดิน    
ถ้าหากว่าเป็นเมืองคาวบอยที่มักจะใช้ศาลเตี้ยตัดสินกันให้เสร็จสรรพ    ก็ไม่ต้องเสียเวลาสร้างตะแลงแกง   ใช้แขวนคอ ห้อยต่องแต่งจากกิ่งไม้ใหญ่ริมทางไปเลย ง่ายดี

การประหารชีวิตทั่วไปที่ใช้กับโจรผู้ร้าย   ฝรั่งใช้วิธีแขวนคอ    มีธรรมเนียมนิยมว่าชาวบ้านชอบดูนัก   หลั่งไหลกันมาดูราวกับมหรสพ   แล้วก็อินกันยิ่งกว่าดูคอนเสิร์ต   เช่นตะโกนสาปแช่ง และโห่ร้องยินดีเร่งให้แขวนคอเร็วๆ หรือเฮกันเมื่อผู้ร้ายตายเสียได้    ก็เลยต้องยกพื้นสูงขึ้นมาให้เห็นชัดๆทั่วถึงกันด้วย เป็นเหตุผลอีกข้อหนึ่งว่าทำไมตะแลงแกงถึงต้องสร้างบนเสาสูง

แต่ของไทยเราไม่มีที่มาแบบนั้น  ลานประหารนักโทษของไทยเป็นพื้นดินธรรมดา    ใช้วิธีตัดคอ สำหรับสามัญชน    มีเพชฌฆาตสองคนรำดาบเข้าไปข้างหน้าข้างหลัง  คนหนึ่งลงมือ อีกคนซ้ำ  หากว่าการตัดคอครั้งแรกเกิดผิดพลาด เช่นคอไม่ขาด   จะได้ซ้ำให้เสร็จงานไปเลย  นักโทษไม่ต้องทรมานอยู่นาน

ทั้งคุณนายแอนนาและคุณนายมาร์กาเร็ตที่เอาเรื่องของแอนนามาเขียน ไม่เคยเห็นการประหารชีวิตแบบไทยด้วยกันทั้งคู่   เมื่อเล่าเรื่องเจ้าจอมทับทิม  แอนนาจึงต้องอาศัยพื้นความรู้จากการประหารแบบฝรั่ง   ส่วนมาร์กาเร็ตที่นำเรื่องของแอนนามาเขียนใหม่ ของเดิมเขาว่าไงก็เดินรอยตามนั้น       การประหารเจ้าจอมทับทิมจึงมีรายละเอียดผิดหมดตั้งแต่สถานที่เลยทีเดียว

และที่ผิดยิ่งกว่านี้ก็คือ...โปรดอดใจรอ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 13:44

ระหว่างรอ

ขออนุญาตเสนอเรื่องราวโศกนาฏกรรมของเจ้าจอมทับทิมและพระครูปลัด จากภาพยนตร์เรื่อง  Anna and the King ปี ๑๙๙๙



ฉากตอนท้าย เป็นการประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 21:08

การประหารแบบหนึ่งของยุโรปในยุคกลาง ที่พิเศษกว่าการประหารผู้ร้ายโดยทั่วไป คือการเผาทั้งเป็น     เรื่องนี้จำกัดผู้เคราะห์ร้ายเอาไว้เฉพาะคนที่ถูกเชื่อว่าเป็นแม่มด    พ่อมดก็มีเหมือนกันแต่ไม่แพร่หลายเท่าแม่มด    พวกนี้ถือว่าเป็นสาวกของซาตานซึ่งถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของสรวงสวรรค์    ใช้มนตร์ดำทำอันตรายต่อเหยื่อ      ถ้าใครโดนข้อหาแม่มดก็เตรียมตัวเป็นไก่อบฟางได้เลย   ไม่รอดจากจุดจบแบบนี้

การเผาแม่มดมีหลายแบบ  แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละท้องถิ่น    และแต่ละประเทศ       แต่แพร่หลายที่สุดก็คือสร้างยกพื้นชั่วคราวแล้วขนฟืนเข้ามาสุม  จับผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดมัดให้แน่นติดกับเสา เพื่อไม่ให้ดิ้นหลุดไปไหนได้     แล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น
ดังรูปที่นำมาแสดงข้างล่างนี้   

แหม่มแอนนาเอาวิธีการประหารแม่มดมาใช้ในนิยาย   ทับทิมจึงถูกเผาแบบเดียวกับเปี๊ยบ        อาจเป็นเพราะครูแอนนาไม่เคยเห็นการประหารชีวิตคนไทย อย่างหนึ่งละ  และอีกอย่างคือวิธีประหารแม่มดมันมีสีสันตื่นเต้นดีสำหรับคนอ่าน  มากกว่าแขวนคออย่างธรรมดา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 21:40

ในหนังสือของแหม่มแอนนา บรรยายเหมือนในภาพประกอบการเผาแม่มดที่นำมาเป็นตัวอย่างข้างบนนี้  คือทับทิมเปลือยอก  เธอกับพระปลัดมีผ้าพันกายกันอุจาดคนละผืน    ก่อนตาย   เธอก็ร้องโหยหวนว่า
" ฉันไม่ได้ผิด  คุณพระปลัดก็ไม่ผิด   พระพุทธเจ้าทรงทราบดี"
ในฉบับภาษาอังกฤษเขียนเป็นคำทับศัพท์ไว้ว่า
"Chan my di phit  Khun Phra Balat ko my mi phit P'hra Budh the Chow sap mot"

แหม่มเอาสำนวนและความเชื่อของคริสตศาสนามาบรรยายพุทธศาสนา      เพราะสำหรับชาวคริสต์  พระผู้เป็นเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกอย่างและทุกเรื่อง   ดังนั้นผู้ที่ศรัทธาแน่นแฟ้นจึงอ้างด้วยความเชื่อมั่นว่า แม้มนุษย์อื่นไม่รู้ แต่พระเจ้าก็ย่อมล่วงรู้    แต่นี่ไม่ใช่สำนวนของชาวพุทธ    ชาวพุทธถือว่าพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปสองพันกว่าปีแล้ว   ท่านไม่มารับทราบอะไรกับเรื่องราวในโลกนี้อีก   

เหตุการณ์ตอนเผาเป็นอย่างไรคนเขียนข้ามไปง่ายๆ ไม่บรรยาย    ด้วยข้ออ้างว่าแอนนาเป็นลมสิ้นสติไป   ฟื้นขึ้นมาก็จบพิธีประหารไปแล้ว   เหลือแต่กองขี้เถ้า  ง่ายดี   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 21:51

อีกเรื่องหนึ่งที่มีประเด็นให้ค้านได้ คือเรื่องอายุและเวลาในเรื่อง     แอนนาบอกว่าทับทิมเป็นสาวอายุยังไม่ถึง 16 ปี ก็คือ 15 ปี   หล่อนเป็นเมียพระปลัดมาก่อนจะต้องมาเป็นเจ้าจอมในวังหลวง    ส่วนฝ่ายชายก็ชอกช้ำระกำใจ   หันไปบวชพระ  จนได้เป็นพระปลัด    เป็นพระฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช(สา)
พระที่จะเป็นพระครูปลัดได้ต้องมีอายุพรรษาไม่ต่ำว่า 5 พรรษา    ไม่ใช่บวชปุ๊บได้เป็นปั๊บยกเว้นจะเป็นกรณีพิเศษสองร้อยกว่าปีมีหนึ่งครั้ง   ซึ่งไม่ได้เกิดในรัชกาลที่ 4 แน่นอน      ถ้างั้นตามระเบียบของสงฆ์แล้ว   พระปลัดบวชมากี่ปีกันแน่   ถ้าบวชไม่ต่ำกว่า 5 ปี  ทับทิมจะอายุแค่ 15 เมื่อแอนนาพบหล่อนไม่ได้แน่    นอกจากจะมีสามีตั้งแต่อายุ 10 ขวบซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 

รายละเอียดที่ไม่สมจริงเหล่านี้ แม้เป็นรายละเอียดเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เกิดความฉงนสนเท่ห์ได้มาก     ถ้าหากว่าแอนนาเขียนจากเรื่องจริง  เล่าไปตามความจริง  ก็ไม่น่าจะผิดในรายละเอียดพวกนี้      นี่ยังไม่รวมว่า ในสมัยรัชกาลไหนๆก็ตาม    หญิงที่มีสามีแล้วจะไม่มีวันถูกนำตัวเข้าถวายเป็นเจ้าจอม    ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่าสตรีที่พระองค์ท่านทรงต้องตาต้องใจ ไม่ใช่หญิงพรหมจารี   แต่มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่   ท่านก็จะไม่ทรงรับ   คนที่ย้อมแมวเข้ามาถวายนั่นแหละจะโดนโทษหนัก 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 16 มี.ค. 13, 22:20

อีกอย่างการถวายหญิงสาวเป็นเจ้าจอมก็ใช่ว่าจะง่ายดายนัก  เห็นตัวอย่างจากพระยาพิพิธฯในอีกกระทู้    ขนาดมีเส้นสายใหญ่ เป็นพี่น้องของเจ้าจอมของสมเด็จพระจอมเกล้าฯ   ยังไม่สามารถถวายหลานสาวเป็นเจ้าจอมได้โดยตรง     ถวายเข้าวังก็ต้องไปเป็นพนักงานหรือนางข้าหลวงเสียก่อน    แล้วค่อยถูกคัดเลือกตามความเหมาะสมอีกทีว่าควรคู่กับตำแหน่งนี้หรือไม่      แต่แม่ทับทิมสาวชาวบ้านที่มาเป็นกรรมกรหญิงในวัดก่อนเข้าวัง    เธอช่างพาสชั้นง่ายดายเสียเหลือเกิน     

แอนนามาอยู่ในสยามได้เพียง 4 ปี 6 เดือนก็ลาออกจากงาน กลับไปบ้านในอังกฤษ   อาจจะยังไม่ทราบขั้นตอนรายละเอียดพวกนี้  หรือว่าทราบแต่ไม่ได้สนใจจะเขียนให้ถูกต้อง     เนื่องจากเรื่องของเธอเป็นนิยาย ที่อาศัยเค้าโครงฉากจากอาณาจักรจริง   เวลาเขียนก็ต้องระบายสีสันลงไปให้กระทบความสนใจของคนอ่าน      เธอคงจะถือว่าเธอเขียนนิยาย  ตามชื่อเรื่องที่บอกแล้วว่าเป็น Romance   ซึ่งในสมัยนั้นมีความหมายเท่ากับ fiction หรือนิยาย     ก็จะเอาความจริงกระไรนักหนา
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 17 มี.ค. 13, 01:17

เปิดดูวิดีโอที่คุณเพ็ญชมพูลงไว้.. ฟังอยู่นานเชียวค่ะ ..ท้าบที่ม ยาลืมผี่นาาาา..
ส่วนแม่ทับทิม แกยืนยิ้มให้พระยังกับสาวๆ เจอดาราแน่ะค่ะ

โรงเรียนปิดไฟมืดเชียว พรุ่งนี้นักเรียนมาใหม่ค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 19 คำสั่ง