ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ปฏิทิน
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
ระเบียงกวี
>
" เสียงกวี "
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
พิมพ์
อ่าน: 113564
" เสียงกวี "
Thammada
ชมพูพาน
ตอบ: 101
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
ความคิดเห็นที่ 105
เมื่อ 15 พ.ย. 20, 10:04
๐ สดับดาว ๐
(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)
สดับดาวดื่นฟ้า ฟังลม
สวดส่งสวัสดิ์ชม แช่มช้อย
พิศะพร่างโพยม ยอยิ่ง ฟ้าเอย
เดือนปลั่งดาวรวงร้อย เลื่องชั้นอัปสร ๚
ร่มร่มฤดีเทอญ ธุระเกินก็วางก่อน
ค่ำค่ำทิฆัมพร ภวะจรจะดูดาว
ลุกลุกมิรอรี สดุดีนภาพราว
นั่นนั่นมหันต์หาว สหสรวงสวรรค์ศิลป์
ดึกดึกจะโดยดล ภวะจนกระจ่างจินต์
ลึกลึกก็รวยริน ระบุรื่นฤดีดวง
นอนนอนสะท้อนถึง นภซึ่งพิสัยสรวง
ร่ำร่ำระบำบวง บุระเลื่อง ณ เบื้องบน
ฝันฝันถลันเลิศ ดละเกิดประกอบกล
ใดใดพิสัยผล ก็กมลมนุสสา
เช้าเช้าสุรีย์สรรค์ นภนั้นคละเมฆา
ร้อนร้อนจะวอนว่า สุขะมามโนมัย ๚
ธรรมดา
๑๔/ ๑๑/ ๒๕๖๓
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
ตอบ: 101
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
ความคิดเห็นที่ 106
เมื่อ 26 พ.ย. 20, 10:09
๐ จันทร์เสี้ยว ๐
ช่วงต้นเดือนธันวาอากาศหนาว
แสงส่งข่าวบอกลาก่อนฟ้าค่ำ
เวิ้งว้างอยู่โดยรอบอย่างชอบธรรม
เรไรร่ำบรรเลงเพลงราตรี
หลังม่านมืดโรยตัวไปทั่วป่า
ดาวบนฟ้าคึกคักคือสักขี
นกกลางคืนตื่นตารับอารี
สังคมที่ทุกอย่างต่างช่วงชิง
มืดกว่าเก่าเข้าครอบความบอบบาง
ช่วงสว่างพ่ายแพ้ก่อนแน่นิ่ง
โลกค่ำคืนตื่นเต้นตามเป็นจริง
สู้ต่อสิ่งที่เชื่อจากเมื่อวาน
หลายเริ่มต้นต้องกล้ากลางป่าเปลี่ยว
บ้างกินเที่ยวพอพักไม่หักหาญ
ทุกชีวาหน้าที่ต่างมีงาน
ที่ต้องหว่านหวังผลบนแผ่นดิน
ยิ่งดึกยิ่งเงียบงันทรงจันทร์เสี้ยว
ความเปล่าเปลี่ยวตอบมาจากผาหิน
หนาวน้ำค้างน้ำตาจนชาชิน
ก็ถวิลถึงฟ้าเพราะอาลัย
แม้เหน็บหนาวร้าวรักยังหนักหน่วง
หากทุกห้วงแห่งกาลก็หวานไหว
เก็บกำลังฝังแฝงจำแลงใจ
ยิ้มอยู่ในคืนหนาวกับดาวเดือน
ธรรมดา
๒๓/๑๒/๒๕๖๒
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
ตอบ: 101
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
ความคิดเห็นที่ 107
เมื่อ 26 พ.ย. 20, 10:25
๐ ประหยัด ๐
อยากประหยัดความเหงาเอาไว้บ้าง
เพราะกลัวว่าวันอ้างว้างจะห่างหาย
ห่วงแววตาว้าเหว่ทะเลทราย
จะสุดสายตาเคียงเพียงลำพัง
..
ต้องผ่านผันวันคืนยืนร้องไห้
กว่าจะได้ดื่มกินความสิ้นหวัง
ซุ่มสันโดษแดดวงในรวงรัง
จึงเห็นฝั่งเวิ้งว้างกลางเวลา
กว่าจะเหงาเท่านี้นะที่รัก
ต้องแตกหักกับวันเคยหรรษา
หลายรอยยิ้มห่างหายจากสายตา
เฝ้ามองฟ้าหดหู่อยู่คนเดียว
เริ่มรู้จักเข้าใจยามไร้ญาติ
อยู่อย่างขาดมิตรแท้ที่แลเหลียว
โลกร้อยลี้หลงร้างทางเคยเทียว
ต้องเปล่าเปลี่ยวประจำยามค่ำคืน
ฟังเสียงลมเรรวนกำสรวลโศก
ซึ้งเพลงโลกระทมที่ขมขื่น
ยินอยู่เช้าสายค่ำความกล้ำกลืน
จนเป็นอื่นอ้างว้างกลางคืนวัน
..
อยากประหยัดความเหงาเอาไว้ว่า
ในหนึ่งหยดน้ำตาต้องกล้าฝัน
เก็บทุกความขมขื่นขึ้นยืนยัน
ให้แสงสรรค์โชติช่วงในดวงมาน ๚
ธรรมดา
๒๐/๑๒/๒๕๖๒
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
ตอบ: 101
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
ความคิดเห็นที่ 108
เมื่อ 30 พ.ย. 20, 16:23
๐ เพลงที่เธอร้อง ๐
อย่าร้องไห้ให้คนเห็นเป็นคนแกร่ง
เธอต้องแข่งความท้อต้องต่อสู้
โลกดีบ้างก็ร้ายหลายฤดู
คอยเป็นครูให้เธอเสมอมา
ยิ้มสักนิดให้เงาความเศร้าโศก
แม้อับโชคเจ็บช้ำยังนำหน้า
ก็เก็บไว้ในทรวงในดวงตา
ต่อศรัทธาเพิ่มพ้องทำนองทาง
เธอจะพ้นพบวันแสงจันทร์ส่อง
หรือไม่ท่องเท้าท้าถึงฟ้าสาง
จะเห็นวันฝันเห็นไม่เว้นวาง
ไม่ก็ห่างที่เห็นเช่นเงาจันทร์
หากเจ็บช้ำแทนเธอเสมอได้
จะร้องไห้แทนเธอทุกเวอร์ชั่น
กุมมือน้อยคล้อยขื่นขึ้นยืนยัน
ว่าโลกนั้นใช่ร้างเหลือทางเทียว
..
ไม่มีใครทำเธอให้เข้มแข็ง
เท่าเธอแกร่งขึ้นข้ามสายน้ำเชี่ยว
กี่กำลังลุกล้มฝ่าคมเคียว
เธอผู้เดียวดื่มด่ำในคำนึง
..
ฉันเขียนรุ้งให้โลกคราโศกเศร้า
ขับความเหงาความงามเธอถามถึง
เชื่อมดินดลหนหาวดาวดึงส์
แม้ไม่ซึ้งสักนิดมิตรราตรี
หากจิตจารผจงพอองอาจ
ก็อยากวาดดอกไม้หลายสิบสี
กำนัลวันฟ้าหม่นให้คนดี
ห่างวิถีทุกข์ท้อจะพอเพลิน
เห็นฟ้างามยามค่ำคอยย้ำยิ้ม
อุ่นเช้าอิ่มแสงเช้าดั่งหาวเหิน
เห็นฝันฟากฝากย้ำในดำเนิน
ให้ก้าวเกินกว่าก้าวเคยร้าวราน
..
แล้ววันที่ฟ้าเปิดก็ปรากฏ
ให้รับรสสุนทรอันอ่อนหวาน
ฟังฟ้าหนึ่งดินได้ ดอกไม้บาน
เล่านิทานทักทายจากสายลม ๚
..
ธรรมดา
๒๙/๑๑/๒๕๖๓
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
ตอบ: 101
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
ความคิดเห็นที่ 109
เมื่อ 01 ม.ค. 21, 20:57
๐ กาละวัฏ ๐ (กมลฉันท์ ๑๒)
วระซึ่งสวัสดี สุจะศรีสดับดัง
กละเก่าก็เล่าหลัง รตะเรื่องระทมทน
กิจะใดสะดุดเดิน ขณะเขินคะเนผล
นิรมาณประการกล ก็จะเกื้อประสพชม
ชิวะเชิญดำเนินใน ทิศะใสสวัสดิ์สม
สิริหนึ่งนภาพรม ภวะพ้องฉลองสิน
ชุติซึ่งจะพึงพบ สุประสพชโลมริน
สมะไซร้ ณ ใดดิน ฤดิดั่งอลังการ
สุรทรงประสงค์สรรค์ มนะมั่นอุบายบาน
ชนะหนักลุศักดิ์สาน ปฏิภาณผดุงดล
วระซึ่งสุวรรณฉาย สุขจายชโลมชน
วสะใดอำไพผล กะพิพัฒน์พะนอนาน ๚
ธรรมดา
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 11518
ความคิดเห็นที่ 110
เมื่อ 02 ก.พ. 21, 09:30
นกพิราบปีกหัก
เมื่อเช้านี้นกพิราบปีกหัก
กระอึกกระอักสะเทือนสะท้านเกินต้านได้
ข่าวร้ายข้ามขอบฟ้ามาไม่ไกล
รินน้ำตาอาบไหลร่วมใจเดียว
เพิ่งจะกางปีกบินขึ้นเหินฟ้า
เพิ่งเช็ดเลือดน้ำตาได้ประเดี๋ยว
เจ้าพิราบปีกอ่อนไม่ปราดเปรียว
เพียงชั่วเสี้ยวตระหนกก็ตกพับ
นกพิราบเมียนมาร์น้ำตาร่วง
นกพิราบทั้งปวงก็ร่วงดับ
นกพิราบทั่วโลกก็โศกยับ
อกเขาอับอกเราอ่อนร้าวรอนใน
ชมัยภร แสงกระจ่าง
๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.032 วินาที กับ 19 คำสั่ง
Loading...