เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 132094 " เสียงกวี "
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 28 ธ.ค. 15, 20:03



มิตร..

โลกหากเหลือความงามให้ถามถึง
คงเพราะซึ้งในคำพร่ำเพรียกหา
แห่งหนใดไม่ห่างไม่ร้างลา
ไม่อาจฟ้ากั้นกรงวงศ์กวี

ผู้เรียงร้อยสร้อยศิลป์จากจินต์นั้น
ต่างผูกพันในรสบทบายศรี
จึงวิญญาณหวานไหวใกล้เสรี
รื่นรับกับวิถีแห่งชีวิต

ตื่นตามองทองทาบที่อาบอิ่ม
ด้วยรอยยิ้มย้ำเยือนยังเตือนติด
ในบทบรรณเช้าซึ่งตรึงความคิด
ไม่สักนิดไม่น้อยในรอยนั้น

รอยเท้าที่ก้าวก่อนกับอ่อนหวาน
บอกทุกการก้าวไปดวงใจฝัน
เห็นฟ้าพริ้มดาวพรายรำบายจันทร์
และคืนอันมืดมนบนเส้นทาง

ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นราวรุ้ง
พาดพยุงเยือนหล้ากับฟ้าสาง
เพื่อมวลมิตรมวลชนคนอับปาง
จะก้าวย่างยินดีมีกำลัง

สร้อยอักษรเซ่นสรวงจากดวงจิต
นิรมิตมุ่งงามและความหวัง
ดุจเชื้อแสงแรงลดการบดบัง
ให้ใจรั้งโลกฝันอันเสรี

ธรรมดา




บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 08 ม.ค. 16, 09:35



.....อ่อนไหว.....

เราต่างคนต่างมาเมื่อฟ้าค่ำ
หลายเรื่องเล่าเงาดำระส่ำสี
จากจุดเริ่มลึกลึกรู้สึกดี
เมื่อต่างมีเหมือนกันวันเดียวดาย

ผ่านเพลงกล่อมกล้ำกลืนในคืนหนาว
ก่อนฟ้าดาวดวงจันทร์จะหันหาย
ห่วงแววตาว้าเหว่ทะเลทราย
และอีกหลายร้อยรสบทอาทร

ที่ต่างเฝ้าเขียนคำจากค่ำนั้น
ผ่านสีสันความเชื่อกว่าเมื่อก่อน
ลบรอยร้าวรอยโศกโลกละคร
เปลี่ยนเป็นตอนต่างซึ้งจนตรึงใจ

ภาพความงามตามเติมตอนเริ่มต้น
ฝังกมลสัญจรซึ่งอ่อนไหว
ท่ามดวงตาราตรีเคยมีใคร
เขียนคำใส่ดาวดวงร่วงพรายพรู

จากทรงจำค่ำคืนเคยชื่นชิด
ไมตรีจิตเสรียังมีอยู่
ฝากความฝันกับฟ้าถ้าเธอดู
แม้ไม่รู้จักกันจนวันนี้!

ธรรมดา

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 09 ม.ค. 16, 18:59



ลูกนก...........................

หากปีกอันเสรีไม่มีสิทธิ์
แม้จะคิดแค่บินก็สิ้นศักดิ์
คงอับอายขายหน้าถ้าใครทัก
หาตระหนักเผ่าพงศ์ให้จงเจน

สืบชีวิตผิดโพ้นกระโจนจับ
ใครรู้อับอายอึ้งถึงหลานเหลน
วัยเจ้าหรือถือว่า.ก็กล้าเกณฑ์
แล้วจะเวรกรรมใดให้กริ่งกลัว

เถิดลูกรักโหยหาแต่ฟ้านั้น
เจ้าจงฝันถึงฟ้าอย่าหดหัว
ตื่นตามรอยพ่อพ้นเมื่อจนตัว
แต่นี้ทั่วท้องฟ้ากล้าเผชิญ

เจ้านกน้อยหน้าหดหมดทางเถียง
ปีกก็เหวี่ยงพับพับกับเก้อเขิน
โก่งก้านคอรอรับความยับเยิน
ก่อนหาเหินให้พบจบกระบวน

ชีวิตนกตกอับอยู่กับปีก
เจริญหลีกหรือล่มกับลมหวน
หลายบทบาทวาดฟ้าท่าทบทวน
แล้วแต่ล้วนลีลาสง่างาม

กลับมาหาลูกนกเดี๋ยวตกหล่น
เพื่อจะพ้นภาพกลัวหัวใจห่าม
เช้าเย็นย่ำคลำหาพยายาม
หวังจะข้ามคำเย้ยเคยได้ยิน

ความหดหู่อยู่ไหนจะไม่แจ้ง
แต่ด้วยแรงน้อยนิดคิดถวิล
จะใฝ่ฟ้าหาวหนไม่จนจินต์
คงไม่สิ้นสืบสานการเป็นนก

เมื่อปีกอันเสรีนั้นมีสิทธิ์
ย่อมไม่ผิดเผ่าพงศ์ดงวิหค
ให้หลงฝันหลงฟ้ามาเพ้อพก
เหมือนแนบอกอัมพรอย่างตอนนี้.

ธรรมดา

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:53


ดวงจิตอันเสรีย่อมมีสิทธิ์
ปีกความคิดขานตอบมิยอบหนี
หวั่นและหวาดขลาดครั้งแน่ยังมี
ใจจักคลี่คลุมได้ไม่ยากนาน

ใต้แสงแดดแผดกร้าวอันร้าวร้อน
เธอจะร่อนเริงรับเรื่อยขับขาน
เธอจะร่ำรำร้องก้องกังวาน
เธอจะผ่านผายโบกในโลกกลม

ตราบเมื่ออยู่ใต้ฟ้าจงคว้าสิทธิ์
ขยับนิดเขยื้อนหน่อยค่อยสั่งสม
ด้วยดวงจิตทิศปรับกับสายลม
เธอจะบ่มความกล้าอันท้าทาย

จงอาบแสงแรงกล้ามาปรุงเปลี่ยน
และรู้เรียนลมว่อนมิห่อนหาย
ดุจภูษาผ้าแพรที่แผ่พราย
อากาศรายร้อนเย็นเช่นอาภรณ์

เมื่อยังอยู่ใต้ฟ้าว่ามีสิทธิ์
เธอมิผิดเผ่นโผนจะโจนร่อน
ฟ้ามอบปีกฉีกกฎทุกบทตอน
เพื่อเธอฟ้อนฟ้าเล่นดั่งเช่นนก

เหลือที่ใจใฝ่โผนยังโพ้นฟ้า
ปีกอุราเริงร่ายไม่ต่ำตก
จะร่วงหล่นหนทางอย่างช้ำฟก
ยังยงหยกหยัดกล้าในท่าทาง

เมื่อศักดิ์เธอรับรู้อยู่ที่ปีก
ยากจะหลีกความจริงทุกสิ่งอย่าง
ศักดิ์ของใจใฝ่ฝันโลกรางชาง
อย่าเว้นว่างวาดปีกฉีกกฎเกณฑ์

สักวันฟ้าอ่าเผยที่เคยฝัน
เธอจะบั่นบุกเหินข้ามเนินเด่น
อาบภูษาอาภรณ์มิซ่อนเร้น
ประดุจเช่นทวิชาติ..องอาจงาม ฯ

      - Black Sword -
      (หมู มยุรธุชบูรพา)
   
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 12 ม.ค. 16, 08:59


จวบจนสายแสงทองมาส่องสาด
ภาพเคยวาดว่าวันอันอร่าม
ก็ปรากฏกับใจในนิยาม
อยากอยู่ท่ามท้องฟ้าที่ว่าวาว

กางปีกกว้างกับใจจึงไม่หมด
แม้รันทดเท่าทนถึงหนหาว
เติมตระหนักปักษาฟ้าสกาว
ก็ถึงคราวโบกโบยโดยเสรี

จากลูกนกตกคอนอยู่ตอนนั้น
เคยหวาดหวั่นกับวัยไร้แสงสี
เป็นนกหนุ่มกุมกล้าโดยท่าที
สู่วิถีฟ้างามตามใจตน

ท่องโลกกว้างก็แปลกเมื่อแรกรุ่น
ทำใจคุ้นคอยรับความสับสน
หลังผ่านช่วงลวงตาพาวกวน
ใกล้ค่ำจนใจล้า จะพาพัก

ตัดภาพสู่อีกวันอันอุ่นเอื้อ
สายลมเหนือพัดพรูพอรู้จัก
กางปีกป่ายปีนฟ้าลาพำนัก
ยิ้มทายทักเส้นทางข้างหน้านั้น

จะไปไหนนกหนุ่มผู้รุ่มร้อน
เหมือนไฟฟอนสุมใส่หัวใจฝัน
อาณาจักรดอกไม้บานธารพระจันทร์
เขาอยู่กันด้วยดี ไมตรีเติม

ดั่งแดนสรวงร่วงฟ้ามาให้หอม
พร่างพะยอมเย้ายวนอีกส่วนเสริม
ต่างหลายช่วงห้วงหาวและด้าวเดิม
จึงใจเพิ่มภาพฝันวันเป็นจริง

เปลี่ยนเสรีที่ใจให้เป็นปีก
กำลังอีกเอื้ออันขยันยิ่ง
เหนื่อยหนักตักเมฆเหมือนเป็นเพื่อนพิง
ขอแต่มิ่งขวัญฟ้ามาเอออวย

วิหคหนุ่มทุ่มเทเห่ฟ้าใหม่
เมื่อหัวใจเจ้าฝันถึงวันสวย
หวังว่ากล้าถลำจะอำนวย
โชคจะช่วยชูไว้ไม่อับปาง

แต่ฟ้ากว้างกว่าใจเจ้าใฝ่ถึง
ห้วงคำนึงหนักหนาเมื่อฟ้าสาง
เสรีล้าหลับหล่นบนเส้นทาง
ร่วงระหว่างเวิ้งฝันตะวันรอน

สืบชะตากล้าใหม่จึงไม่พบ
สุขสงบเงียบเย็นเช่นวันก่อน
หลงทางฟ้าฝ่าเมฆไม่อาทร
ถลาร่อนลาลับไม่กลับคืน

เหลือรอยฟ้าฝากเตือนแด่เพื่อนพ้อง
เคียงครรลองเรืองหล้าหรือฝ่าฝืน
อันอุดมใดด้าวจะยาวยืน
ที่ดาษดื่นได้ดื่มกิน เท่าถิ่นตน.

            ธรรมดา

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 12 ม.ค. 16, 09:03


เมื่อวิหคใฝ่ฟ้ามาฝ่าฝัน
แต่ยากยันหยัดกล้าเริ่มล้าร่น
ปีกเคยแผ่ผืนกว้างกลางกมล
ก็ร่อนหล่นลงถิ่นแผ่นดินเดิม
๒.
แผ่นฟ้ากว้างกว้างใหญ่กว่าใจนก
ในอ้อมอกลมเก่าเคยเฝ้าเสริม
กลับเกรี้ยวกราดผาดผันจนสั่นเทิ้ม
ปีกเคยเหิมหุบร่วงหมุนควงลง

สายพิรุณรื่นฉ่ำเมื่อยามแรก
ก็เปลี่ยนแปลกโปรยฟาดประหลาดหลง
แดดที่อุ่นจุนเจือเอื้อใจจง
กลับแสงส่งปรุปีกแทบฉีกพัง

เมื่อหัวใจไปไม่ถึงแม้ครึ่งฟ้า
ความอ่อนล้าริดรอนบั่นทอนหวัง
เหลียวหาขวัญฝันฟ้ามาประทัง
เพื่อจะรั้งโลมใจกลับไม่เจอ

ปีกเสรีที่ฝันเคยมั่นหมาย
เพียงนิยายยามจิตหลงคิดเผลอ
แต่ปีกปรุผุพ่ายใช่ละเมอ
อาภรณ์เพ้อปรากฏเป็นบทบรรณ
๓.
เมื่อหัวใจโบกบินสู่ถิ่นเก่า
เก็บเรื่องเล่ารายทางระหว่างฝัน
เก็บทรงจำช้ำชอกมาบอกกัน
และฉากชั้นสิ่งดีที่พานพบ
๔.
จึงล้อมวงฟังสารนิทานพ่าย
กับเส้นสายทางนี้ที่ประสบ
เรื่องสองปีกฉีกฟ้ามาทดทบ
ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนใจ

จึงพบค่ากว่าฝันอันฟุ้งเฟื่อง
ทุกสิ่งเรื่องราวผ่านนำขานไข
คือรอยแสงแห่งฤกษ์เธอเบิกไว้
คือรอยทางแห่งนัยมาวาดวาง

หัวใจนกตกฝันอันล้ำค่า
ผู้เบิกฟ้าความจริงทุกสิ่งอย่าง
แม้ไม่ถึงครึ่งซีกของปีกกาง
แต่มิร้างความหมายที่ได้บิน

สิ่งอุดมแดนไหนแม้ไม่เห็น
แต่กลับเป็นประสบการณ์มิรู้สิ้น
ระหว่างดาวหาวหนได้ยลยิน
ทุกแผ่นดินแผ่นฟ้ามาจดจำ

หากโลกถามถึงว่าผู้ฝ่าฝัน
มีจริงไหมหรือนั่นแค่ขานขำ
ผู้วาดปีกฉีกกว้างออกกางนำ
ทั้งเถื่อนถ้ำได้พบจนจบจร
๕.
เธอวิหคใฝ่ฟ้าผู้ฝ่าฝัน
เธอผู้บั่นบุกทางรกร้างก่อน
เก็บและกอบโลกกฏทุกบทตอน
เธอผู้ร่อนปีกเป็น..เช่นตำนาน ฯ

    - Black Sword -
    (หมู มยุรธุชบูรพา)
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 14 ม.ค. 16, 10:49


ปีหนึ่งหลายฤดู               โลกหลายผู้แสวงหา
รอยยิ้มหยาดน้ำตา           ย่อมถึงทั่วทุกตัวตน

ร้อนมาก็ร้อนรุ่ม              จึงทั้งกลุ้มและสับสน
ไร่สวนแต่ล้วนลน           ระงมงำคำวิจารณ์

หนาวมาระอาอื่น            หลายภาคพื้นพบผสาน
หลายคนก็ทนทาน          กับทุกข์ถมที่จมใจ

ร้องรอจะขอฝน               อีกผจญปัญหาใหญ่
ราบลุ่มระวังภัย               จะท่วมทับนับอนันต์

ลมฝนคนร้อนหนาว       โลกหลายร้าวรับมหันต์
ใจเรารู้เท่าทัน                  ถึงสุขทุกข์ไม่ลุกลาม

                            ธรรมดา

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 15 ม.ค. 16, 09:26


สุขอื่นแม้หมื่นแสน         คงไม่แม้นมาเทียมเท่า
กว่านามที่งามเงา             ดั่งใจนี้มีสุขชม

ทุกข์บ่าคณานับ               หาเท่ากับใจถูกถม
มืดมิดเหมือนจิตจม         จะใดเทียบมิเปรียบปาน

ดีใดในโลกล้วน               ก็คู่ควรแต่เขาขาน
เท่าดีที่ดวงมาน                ดุจดีใจไม่มีเลย

เสียทรัพย์สู้รับไหว           แต่เสียใจสุดเอื้อนเอ่ย
หาเทียบจะเปรียบเปรย     เท่าใจนี้ที่เสียทรง

จึงใจนั้นใหญ่ยิ่ง               หลายสิ่งรู้ละผู้หลง
เป็นปกติตรง                    ปัจจุบันทันอาการ

                             ธรรมดา
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 16 ม.ค. 16, 09:25


น้อมมนสิการผ่านอักษร
แห่งบวรคุรุคงธำรงอยู่
โดยอเนกนับนานการเชิดชู
ยิ่งใหญ่ในโลกรู้โลกบูชา

คือคุณค้ำนำทางกลางหมู่ศิษย์
ให้รู้ทิศโดยเติบตนบนปัญหา
สอนให้สู้สร้างสรรค์ด้วยปัญญา
สอนให้กล้าให้เห็น เป็นคนดี

คือครูของแผ่นดินได้โดยแท้
ผู้เผื่อแผ่ภาพลักษณ์โดยศักดิ์ศรี
จึงศิษย์ซ้องศรัทธาบารมี
กราบครูที่คุณนั้น นิรันดร ฯ

          ธรรมดา
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 21 ม.ค. 16, 07:47


                                                                                         ๐ ใจกระดาษ ๐


เก็บความเงียบความงามในความเหงา
พอลุกเร้าแรงใจใส่เดียงสา
สู่โลกศิลป์จากทรวงและดวงตา
หลังความล้า หลง รื่น ของคืนวัน

เพียงเพื่อเล่าเรื่องราวหนาวและร้อน
ทั้งอาทรทั้งทุกข์ทั้งสุขสันต์
หรืออีกโลกลึกเลียบความเงียบงัน
และโลกฝันอีกฝั่งยังครึกครื้น

อาจวิจิตรใจสร้างอักษรซึ้ง
ขณะหนึ่งใจฝันในวันตื่น
เขียนฟ้ารุ้งลาวัณย์อันกลมกลืน
ให้โลกรื่นรมณีย์ในชีวิต

แม้ฟ้ามืดหม่นเหมือนมาเยือนยิ้ม
ไม่อดอิ่มอาทรที่ดวงจิต
หรือเคว้งคว้างร้างไร้ไม่รู้ทิศ
ยังรู้สิทธิ์สืบสานทะยานยิน

จากหัวใจกระดาษทุกหยาดหยด
หมึกที่รดระบายบนสายศิลป์
เพื่ออะไรเพื่อใครในแผ่นดิน
ก็โบยบินตราบเท่าที่เรารัก

โลกอักษรสุขทุกข์ที่ปลุกปลอบ
เหมือนต่างมอบต่างมานการตระหนัก
ประดับดงวงวรรณไม่ผันภักดิ์
ด้วยประจักษ์แต่ใจใครคำนึง

         ธรรมดา
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 26 ม.ค. 16, 07:31



เมื่อหัวใจจดจารความหวานขม
ขอดเป็นปมความหมายให้ประจักษ์
โลกทั้งโลกพลันตื่นดาดื่นทัก
เป็นแหล่งพักเพิงใจอีกหลายคน

เมื่อหมึกหยดรดไล้ใจกระดาษ
จินตนาผ่องผาดผกายผล
ก็ก่องเก็จบำเน็จแนบอย่างแยบยล
ประดุจมนต์มาฝันบนลานใจ

เสพความว่างความมีของชีวิต
โลมลิขิตคำข่ายที่ว่ายไหว
ทั้งรื่นรมย์ขมเห่หลากเล่ห์ใด
คือข้อไขวิญญาณเพื่อจารลง

ก่อนจะลับดับหายสิ้นไฟฝัน
ให้เพลิงนั้นลุกลามตามประสงค์
แปรอักษรฟ้อนฟ่ายลายบรรจง
เหลือฝุ่นผงรูปกนกปรกแผ่นดิน

ใจกระดาษวาดสายเป็นข่ายขึง
จักครอบตรึงแผ่กว้างมิวางสิ้น
ตกผลึกงดงามยามดื่มกิน
จึงร่อนผินโผไปในเสรี ฯ

     - Black Sword -
    (หมู มยุรธุชบูรพา)
 

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 26 ม.ค. 16, 07:34


จิตสำนึกปั่นปลุกทุกค่ำเช้า
ให้สองเท้าเลาะล่องท่องวิถี-
แห่งศาสตร์ศิลป์ลำนำคำดนตรี
กล่อมชีวีสำราญบานตะไท

เห็นปุยเมฆลอยเลื่อนเคลื่อนแปลกแปลก
เห็นแสงแรกแสดทองที่ผ่องใส
เห็นผิวน้ำระยิบล้อต่ออำไพ
เห็นอะไรก็กระหวัดจัดเป็นความ

สัมผัสลมไล้ผิวเพียงแผ่วแผ่ว
สัมผัสเสียงแว่วแว่วให้วาบหวาม
สัมผัสรักหวานหยดจนมดตาม
สัมผัสโลกงดงามในแง่จินต์

ร้อยคนถามทำไปทำไมนั่น
ก็ใจมันครวญคร่ำร่ำถวิล
เปรียบอาหารเช้าตื่นต้องกลืนกิน
ให้ชีวินได้แกร่งมีแรงเดิน

ใจกระดาษดวงนี้ที่เติมต่อ
หมายชะลอทรวงในให้ห่างเหิน-
จากพันธะและทุกข์ที่เผชิญ
ขอได้เมินโลกบ้าง..บางอารมณ์

          ศรีเปรื่อง
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 26 ม.ค. 16, 07:41


ร้อยคำรักจากใจจึงไม่สิ้น
ดั่งผืนดินได้ฟ้าแทนผ้าห่ม
หากหนาวคงหนาวใจในคำคม
นั้นพร่างพรมผืนหล้าชั่วตาปี

ด้วยจิตรักนักฝันถึงฟ้าไหน
ก็ยิ่งใหญ่ทุกยุคอยู่ทุกที่
หาหอมอื่นรื่นล้ำคำกวี
ประหนึ่งมีมนต์มุ่งจรุงริน

บ้างเขียนโลกโศกเศร้าให้สวยซึ้ง
หยิบดาวดึงฟ้าต่ำ แค่คำศิลป์
สร้างเสรีลึกล้นให้ยลยิน
ล้วนจากจินต์จากฝันอันโอฬาร

แม้ทุกข์ก็ไม่ทุกข์ที่ปลุกปลอบ
เหมือนใจมอบใจมาก็ว่าหวาน
โลกอักษรเสรีกี่ทองธาร
ก็เบิกบานอยู่ให้หัวใจจำ

จึงวิจิตรใจเป็นเช่นกระดาษ
หวังจะวาดวันตื่นและคืนค่ำ
หากเหลือโลกไร้ขอบ ไม่ครอบงำ
เพื่อดื่มด่ำด้วยสิทธิ์ จิตวิญญาณ

            ธรรมดา

บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 07:43


 
หลากอารมณ์ขมหวาน     ทุกข์สุขซ่านสรรพสิ่ง
ตื่นหลับล้มพับพิง             รู้หลงเล่ห์ทะเลใจ

ลึกลับหรือลึกซึ้ง               ก็ประหนึ่งนั้นกว้างใหญ่
เหินหาว ณ ดาวใด             คงไม่แม้ประเมินมาน

กลัวกล้าอัตตาติด              ทั้งถูกผิดผลิผสาน
วิ่งว่างในบางกาล              ก็หนักหน่วงบางช่วงเบา

รู้สึกซึ่งหนาวร้อน             ทั้งอาทรทั้งสุขเศร้า
เกิดดับอยู่กับเรา                ล้วนจิตนั้นในวันคืน

นึกคิดผลิตล้น                   โลกสกลก็แต้มตื่น
วาดหวังนั่งนอนยืน           เยี่ยงใจนี้ไม่มีพอ ฯ

                            ธรรมดา
บันทึกการเข้า
Thammada
ชมพูพาน
***
ตอบ: 104


ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 03 ก.พ. 16, 07:47


        ๐ ผู้หลับ ๐

สาย.หมอกหม่นเมฆบังทั่วทั้งฟ้า
แสงเคยจ้าส่องสาดก็คลาดเคลื่อน
ค่ำ.ความหม่นความหมองของดาวเดือน
ช่างหม่นเหมือนกับใจในคืนนี้

ผู้แบกโลกอยู่ต่ำคำครูสอน
ยังสะท้อนตราตรึงมาถึงที่
ตอกย้ำอยู่โดยนัยความไยดี
จึงเหมือนมีมุมใหม่ให้ทบทวน

ช่วงชีวิตผิดแพ้ไม่แก่กล้า
ท่านให้หาเหตุนั้นที่ปั่นป่วน
ปัจจัยให้เหตุเกิดก็สมควร
ตั้งหลายส่วนให้สมสู่คมคิด

หากรู้รอบตอบโจทย์ประโยชน์ยิ่ง
ล้วนทุกสิ่งในตนให้จนจิต
เป็นผู้พบผู้พรางผู้ถางทิศ
เห็นผู้ปิดผู้เปิดเกิดปัญญา

แต่คนเขลาคำครูรู้แค่นี้
ได้เท่าที่ซมซานไม่หาญหา
ให้ห่างเห็นวันคืนควรชื่นตา
รังแต่ล้าเรื่อยไปไม่พบพ้น

ผ่านชีวิตเติบใหญ่วัยฉกรรจ์
ทำความฝันห่างหายก็หลายหน
เหลือแต่รอยหลงร้างกลางกมล
ย้ำอยู่ทนอับอายลมหายใจ

ผู้หลับอับอ้อมฝันวันวิจิตร
จะหาทิศหาทางก็ว้างไหว
อยู่โดยสารหวานเว้นความเป็นไป
รอเมื่อไหร่ฟ้าฟื้นมาคืนคน

         ธรรมดา

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 19 คำสั่ง