|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 23 มี.ค. 13, 10:22
|
|
" ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาอ่านนะครับ "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 23 มี.ค. 13, 10:49
|
|
“ ลมคลื่น..คนครวญ ”หากมีใครซักคนทนปวดร้าว เมื่อคว้าดาวดวงไกลในความฝัน ไม่ได้ดังหวังไว้ใจจาบัลย์ ลางเลือนเหมือนฟ้ากั้นกับวันคืน
คือฉันเองอ้างว้างอยู่อย่างนี้ กับโลกที่หยุดอยู่รู้สะอื้น จึงแค่คนหนึ่งคนทนกล้ำกลืน หลับใหลแล้วลืมฟื้นกับคลื่นครวญ
ซึ่งสายลมร่ายเคว้งบทเพลงเศร้า ทะเลเร้าแรงลมมาห่มหวน คลื่นคนฝันฝากฝั่งครั้งเรรวน คงไร้ส่วนซึ้งเสี้ยวจะเหนี่ยวนำ
โลกสีรุ้งลอยลาฟ้าก็หม่น เหมือนท่วมท้นธาตุทุกข์ที่ลุกล้ำ เหนื่อยและท้อถึงเท่าทั้งเงาดำ เมื่อเจ็บช้ำด้วยเล่ห์รักปักทรวง
เป็นพิษภัยไหม้เหมือนสะเทือนทั่ว ซึมสลัวสลับร้อนและหนักหน่วง หลงเป็นปลื้มดื่มด่ำกับคำลวง ดิ่งเหวห้วงแห่งตนคนเดียวดาย
หากมีใครซักคนทนเหน็บหนาว กับโลกร้าวและร้างคราห่างหาย คงเป็นฉันรันทดทั้งใจกาย ไร้จุดหมายมืดฟ้า..ชะตากรรม
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 28 มี.ค. 13, 14:27
|
|
" ขมเงาจันทร์ "
สายน้ำโศกคำนึงประหนึ่งหนัก คงคล้ายสายทางรักที่หักเห เผาใจจนยับเยินเกินคะเน ด้วยหลงเล่ห์หลงร้างกลางคืนวัน
เป็นอีกฝั่งฟองคลื่นสะอื้นหลับ ไม่อาจนับเวลาหาความฝัน หลงลึกร้าวระทมงมเงาจันทร์ เหมือนใจนั้นหนักหน่วงในห้วงกาล
ผู้กล้ำกลืนฝืนฝ่าชะตาโลก ในเงาโศกสิ้นซึ้งซึ่งความหวาน ดอกไม้หม่นทนท้อทรมาน จึงอาจกร้านกว่าอุ่นที่จุนเจือ
เช่นสายธารที่ไปไม่ถึงฟ้า วาสนานักเดินทางช่างร้างเหลือ กลางสายน้ำท่ามทางเถื่อนเหมือนเรือ ลอยอยู่เหนือน้ำวนผจญภัย
ชะตากรรมกลางคลื่นเห่ทะเลร้าย มองจุดหมายมืดตากับฟ้าใส อาจอับปางร้างลงตรงที่ใด ก่อนแสงใหม่มิ่งฟ้าจะมาเยือน .. เราเคยฝันถึงฟ้าอาณาจักร สายธารรักเรืองรุ้งพุ่งเสมือน จะเคียงคล้ายห้วงหาวกับดาวเดือน บัดนี้เคลื่อนคอยหาน้ำตาคลอ
นั่น!หรือรักหักเหด้วยเล่ห์โลก จึงรู้โศกรู้เศร้าโอ้เราหนอ หลงฟ้ากว้างกว่ากว้างคว้างคอยรอ เหมือนนกท้อทางบินจะสิ้นใจ
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 30 มี.ค. 13, 22:05
|
|
" สงครามใคร? "
ยุติธรรมละหรือผู้ถือปืน จะหยิบยื่นเหยียบเป็นให้เร้นหาย สาปเสรีลี้ลับกับวอดวาย เพียงจุดหมายมองทางที่ต่างตน
เพื่อนพ้องพี่น้องสูสิอยู่สุข ใครจะทุกข์ถมทางกลางฟ้าหม่น ดับเดือนเสี้ยวศรัทธาประชาชน เพื่อผองผลเพื่อชัยจะใหญ่ยืน
เซ่นชะตาตกต่ำแลชำรุด หากโผล่ผุดพังพับอยู่กับผืน ใต้ฝ่าเท้าอธรรมผู้กล้ำกลืน ช่างขมขื่นคับแค้นบนแดนดิน
เพลงสวรรค์พลันจบสงบเงียบ ถูกย่ำเหยียบหยาดหยดรันทดถิ่น ดอกไม้ดำพร่ำผ่านการได้ยิน สดุดีดับดิ้นแห่งวิญญู-
โค้งเคียวเคยเกี่ยวรวงเริ่มร่วงหล่น ท่ามถนนหน่วงหนักของนักสู้ เหลือรอยลารอยเลือดหลั่งพรั่งพรู ที่สิงสู่สร้างสมอุดมการณ์
สงครามใครในโลกหลากซากทุกข์ ยังปั่นปลุกเปลี่ยนปรับยังขับขาน เคียงคนยากตราก- ต่ำ- เป็นตำนาน ยังสะท้านถึงถิ่นผู้ยินยล
หากสันติผลิพันให้มั่นหมาย หมื่นประกายก้าวรวมจะท่วมท้น แสนจะสู้สู่ชัยหัวใจคน ล้านจะล้นลุกเนื่องและเรืองรอง
ตราบแหล่งหล้าคลาคล่ำการย่ำยี การกดขี่ข่มเหงบรรเลงร้อง ธรรมทิพย์จะหยิบยื่นและคืนครอง สู้สนองน้ำตาศรัทธาทาง
แด่วิญญาณเสรีผู้หรี่หลับ ผู้ล่วงลับลาไกลในระหว่าง- ยังคำนึงถึงเพื่อนไม่เลือนลาง ยังอยู่ข้างครรลอง แห่งผองชน.
ธรรมดา ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 05 เม.ย. 13, 00:46
|
|
 " ผู้ท้าทายแสงตะวัน "
..มีหนักบ้างเบาบ้าง ทางชีวิต ต่างถูกผิดอ่อนแอและฮึกเหิม เสพสุขทุกข์ทั้งท้อทั้งต่อเติม ทั้งริเริ่มและร้างกลางกมล
เช่นสายน้ำน่านหนึ่งจะพึงเผย ย่อมต้องเลยฤดูสู้ฝึกฝน ฝ่าโลกแล้งแสงสูรย์ซึ่งผจญ เป็นธารทนทานท้าต่อฟ้าดิน
ห้วงแห่งมนุษย์ผุดผ่านการเวียนว่าย อยู่เป็นตายชนะแพ้กระแสสินธุ์ เพื่อพบพ้นปนปลื้มได้ดื่มกิน ย่อมต้องดิ้นรนล้าฝ่าคลื่นลม
จึงได้หวังว่าวันที่ฝันใฝ่ จะอยู่ใกล้นิยามเมื่อข้ามขม เมื่อผ่านร้อนผ่านหนาวร้าวระทม คงได้สมสร้างมาปัญญาชน
แต่ต้องตื่นจากฝันก่อนวันนี้ ทิ้งวิถีถมทับเคยสับสน สู่เส้นทางวางใหม่ไม่วกวน ตั้งอยู่บนความจริงจะพริ้งพราว
..มีหนักบ้างเบาบ้าง ทางชีวิต ล้วนถูกผิดผู้สอนซึ่งร้อนหนาว สักวันหวังวันหนึ่งถึงดวงดาว ได้ชัยสมกับก้าวที่ยาวนาน
ธรรมดา ๓ เมษายน ๒๕๕๖
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 19 พ.ย. 13, 19:51
|
|
"ดาวน้ำค้าง"ก่อนฟ้ารุ่งลมหนาวดาวน้ำค้าง คล้ายทุกอย่างเย็นยะเยียบและเงียบเหงา แสงดาวเดือนเหมือนหม่นบนฟ้าเทา คือความเศร้าความขมขื่นของคืนวัน
ซึ่งความงามน้ำกับฟ้าเคยปรากฏ บัดนี้ลดแรมร้างทางคนฝัน เหลือร่องรอยคอยคืนเคยตื้นตัน ก็ยังสั่นซบเศร้า..เท่าธุลี
ลอยคว้างกลางโพยมห่มห้วงหนาว ประหนึ่งร้าวโรยแรงร้างแสงสี เหลือแต่ตัวหัวใจเหมือนไม่มี หวั่นวิถีท้อทางจะย่างยืน
ดั่งโลกร้างวางหวั่นไว้ตรงตัก ซึ่งชะงักเงื้อมเงามิเฝ้าฝืน หล่นลงจมถมทับกับกล้ำกลืน เหมือนเป็นอื่นอ้างว้างกลางเวลา
ผู้หลับใหลลืมคำเคยพร่ำพจน์ ยากกำหนดทิศทางวางค้นหา อาจจำนนทนท้อรอระอา เสมือนฟ้ามืดห้วงแห่งดวงจันทร์
ยิ่งลำธารแห้งหายเป็นทรายดิน นกหลงถิ่นก็ท้อต่อความฝัน จะเหลือหล้าฟ้าไหนในรำพัน จึงหวาดหวั่นเหลือเกิน..นักเดินทาง
ธรรมดา
"ขอบคุณพี่shareด้วยนะครับ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 02 ม.ค. 14, 10:38
|
|
อรุณฤกษ์เบิกฟ้า ต่างอำลาแล้วปีเก่า ก้าวย่างเส้นทางเรา เป็นปีใหม่ละไมมาน
เทียนธรรมส่องนำทาง ชูสล้างแลผสาน โยงฝันพันตระการ อุดมด้วยอำนวยชัย
อายุมั่นขวัญยืน ยิ้มระรื่นและสดใส พบฝันนั้นอำไพ ซึ่งอบอุ่นด้วยบุญญาณ
เรืองโรจน์และโชติช่วง เต็มทุกห้วงแห่งวาดหวาน รวยล้ำสุขสำราญ ประดับเด่นดั่งเพ็ญจันทร์
พรฟ้ามาดาลดล ต่างเลิศล้นแล้วสีสัน ปีใหม่มิ่งวัยวัน ถ้วนสะท้อนแห่งพรพรหม ฯ
"สุขเสมอมั่นทุกท่านทุกคนครับ ตลอดปีตลอดไป"
.........................ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 30 มี.ค. 14, 15:56
|
|
“ รักทั้งน้ำตา ”
ยามเมื่อโลกโศกเศร้าเหงาอ้างว้าง อยู่ในทางเปลี่ยวเปล่าคราวสับสน กลืนน้ำตาฝ่าฝืนยืนสู้ทน ฟ้าก็หม่นมืดทั่วถึงหัวใจ
รักหรือ? คือฝันหนึ่งซึ่งมนุษย์ มิอาจหยุดยื้อหมายคล้ายสงสัย ทั้งสุขเศร้าซื่อนักเมื่อรักใคร ก็กอดไว้หวังวันอันชื่นตา
โลกใบหนึ่งในมือที่ถืออยู่ รักจึงรู้ลดล้นบนคุณค่า ต่อเมื่อเหลือคำถามในน้ำตา ความห่วงหาลิบหรี่ไม่มีกัน
ไม่เหลือรอยคอยอยู่ในรู้สึก และสำนึกไม่งามตามความฝัน ถึงทางแยกแหลกลับไปกับวัน จึ่งมืดนั้นหนักใน หัวใจคน
ดั่งเดินทางกลาง-เลลมเห่หวน เคียงขบวนบ่าคลื่นในคืนหม่น พายุเย้ยผืนน้ำก็ลามลน อาจร่วงหล่นหรือฟื้นขึ้นยืนเย็น
หยั่งทิศทางห่างเหินก็เกินกล่าว เหมือนเร่งร้าวรองยืนความขื่นเข็ญ ชะตาหนอรอฟื้นดั่งคืนเพ็ญ กลับได้เห็นหัวใจ ใกล้ดับลง
"แรงบันดาลใจจากหญิงสาว..ซึ่งรวดร้าวและกังวล เธอผู้หลอมรวมเสรีภาพและความรักไว้ในห้วงแห่งความหวาดระแวง ด้วยความงามของเธอเอง"
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 04 มิ.ย. 14, 13:37
|
|
"บริบทเริ่มต้นของคนกล้า" นั่น!แนวฟ้ากว่ากว้างดูคว้างเคว้ง กล่อมวังเวงหว่านโศกราวโลกหลับ ถมทางเปลี่ยวเดียวดายคนพ่ายพับ เหมือนเดือนดับดาวดำแล้ว..ค่ำใคร
ลมแล้งแห้งแผ่นผืนผู้ยืนเหม่อ รอแล้วเก้อกี่ครั้งภวังค์ไหว เศร้าสั่งฟ้าฝากหาวกับดาวไกล เธออยู่ใหนน้ำฟ้า..น้ำตาคน
ร่วงลงดินถิ่นเก่ากับเงามืด ยามฟ้าฝืดฝั่งคอยเหมือนรอยหม่น จะยิ้มหยอกหมอกมั่วหรือตัวตน แล้วรอฝนฝากคำมาย้ำยิน-
เย็นอยู่หรือดื่มด่ำอันฉ่ำชื่น หากเติมตื่นตามแนวแววถวิล ชูชีวิตทิศทาง -หว่างฟ้าดิน สะท้อนถิ่นทำนองรองอรุณ ..... บริบทเริ่มต้นของคนกล้า กาลเวลาล่วงเลยความเคยคุ้น จวนตะวันคล้อยบ่ายบอกนายทุน ไม่อบอุ่นอีกแล้วในแนวเมือง
จะกลับบ้านสานฝันอย่างวันเก่า เรียนลำเนาน้ำป่าแลฟ้าเฟื่อง สร้างชีวิตคิดค้นบนลานเรือง กับช่อเอื้องอุ่นอวลแห่งมวลมิตร
"ขอบคุณที่ร่วมแจมนะครับ พี่Share"
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 06 มิ.ย. 14, 23:44
|
|
มิตรแท้เทียมฟ้าเช่นฟ้าว่าดาวคู่ หาร้างอยู่อย่างใดขาดใดเหมือน ฟ้ามีดาวพราวภาพอาบแสงเดือน มิคล้อยเคลื่อนเช่นมิตรอยู่ชิดใจ
"ขอบคุณที่ช่วยตรวจแก้ไขให้ครับ พี่Share ง่ายๆก็พลาดได้เหมือนกันครับ น่าจะตาลายล่ะกระมัง"
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 07 มิ.ย. 14, 13:40
|
|
อักษรรำพึง.....๐ ผู้อุทิศวิญญาณผ่านอักษร ย่อมสะท้อนสุขโศกบนโลกหล้า เห็นรอยยิ้มพริ้มใสในน้ำตา โน้มแผ่นฟ้าเฟื่องฟูลงสู่ดิน
๐ เห็นทุ่งโล่งรำไรที่ไร้-แล้ง ยังฝังแฝงพฤกษ์พันธุ์นั้นไม่สิ้น เห็นหัวใจไหวหวานทะยานยิน แล้วดับดิ้นด้วยพิษอวิชชา
๐ สรรพสิ่งนิ่งนับกับวิโยค ประหนึ่งโศกสิงสิ้นแสวงหา สูญสู่ว่างวิวัฒน์สูญศรัทธา ไม่เหลือกล้าเหลือก้าวเก็บดาวเดือน
๐ นั่น! แผ่นผืนคืนหม่นของคนยาก ผู้หลายหลากร่ำร้างกลางแดนเถื่อน ซึ่งชะตาตกต่ำคอยย้ำเยือน ให้อยู่เหมือนมอดไหม้ในชีวิต
๐ เห็นไหมใจกวีวรรณศิลป์ ผู้ไม่สิ้นศรัทธาประกาศิต จะโบกโบยโดยเสรีและความคิด เพื่อนิมิตมรรคาประชาชน
๐ เก็บกำคำร้อยล้านแล้วสานสร้าง ปั้นเป็นทางเป็นไทให้เหตุผล ให้ความหวานความหวังกำลังคน แม้ท่วมท้นทุกข์ยากจากความจริง
๐ ผู้อุทิศวิญญาณผ่านอักษร เธอรู้ร้อนรู้หนาวในทุกสิ่ง รู้โลกรู้วางโดยหลักการพักพิง เธอไม่ทิ้งสัมมาเมตตาธรรม.
ธรรมดา ๗ มิถุนายน ๒๕๕๗
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 14 มิ.ย. 14, 21:50
|
|
"ขอบคุณทุกๆท่านจากใจจริงนะครับ ที่กรุณาเข้ามาอ่าน"
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 24 มิ.ย. 14, 22:05
|
|
ต้นสาย-ปลายทาง
๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางท้องทุ่ง หลงฟ้ารุ้งเรืองลออทอถัก ป่าเขาเขียวเทียวธารผ่านพำนัก ซึ่งฟูมฟักจิตใจและไมตรี
๐ คือความงามตามบทคนบ้านป่า ดินน้ำฟ้าเกลียวกลมสมศักดิ์ศรี ต่างผูกพันกันก่อเพียงพอดี ตามวิถีเวิ้งว้างห่างเมืองกรุง
๐ เมื่อสมมุติฉุดฉันในวันหนึ่ง ทิ้งทางซึ่งสันโดษจะโรจน์รุ่ง กล่อมการไปจากป่ามาปรับปรุง จำต้องมุ่งมั่งมีดีกว่าเดิม
๐ คนบ้านป่ามาไกลไฟความฝัน ด้วยวันนั้นในสำนึกซึ่งฮึกเหิม ยิ้มละไมไม่ท้อทางต่อเติม ทั้งริเริ่มและร้างกลางเมืองคน
๐ ล้มลุกหลายเส้นทางระหว่างหวัง และกำลังเริ่มล้าเหมือนฟ้าหม่น มองความหมายหลายด้านการดิ้นรน เริ่มสับสนทุกทีกับชีวิต
๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางเมืองใหญ่ หลงวิไลลวงตาว่ามีสิทธิ์ ความจริงทิ้งความฝันมันมืดมิด แท้หลงผิดเพียงตนคนเดินดิน
๐ การไปถึงซึ่งฝันนั้นไม่ง่าย เหมือนถมทรายลง'เลหรือจะบิ่น เมืองยิ่งใหญ่ยิ่งไร้น้ำใจริน เหมือนมลทินท้องฟ้าที่พร่ามัว
๐ เยื่อใยใจมนุษย์ชำรุดหลับ เมื่ออยู่กับหน้ากากซากสลัว จึงถอดทิ้งทางไทแก่ใจตัว สำนึกทั่วถึงถิ่นดินน้ำฟ้า
๐ คิดถึงบ้านผ่านภาพความอบอุ่น ตักเคยคุ้นคำใจในห่วงหา หนักหน่วงช่วงไหนหนอในน้ำตา ลูกแม่จ๋าถึงท้อแต่พอเพียง
๐ คำอาทรก่อนการก้าวกลับหลัง หากกล้ำกลืนคืนฝั่งมาฟังเสียง เพลงสายลมโลมร่ำใส่สำเนียง จะจำเรียงขวัญขื่นให้ชื่นบาน
๐ ตะวันเคลื่อนคล้อยบ่ายบนฟ้ากว้าง ความเวิ้งว้างวาดวันอันอ่อนหวาน แมกไม้ สายน้ำใสละไมมาน ซึ่งกล่อมการกลับป่ามาเตือนตน
๐ อ้อมกอดแห่งขุนเขาเข้าโอบอุ้ม มากมิตรรุมล้อมเรียงเสียงสับสน สาระสุขทุกข์เข็ญความเป็นคน เพื่อจะพ้นพบไทใจดวงนี้
:: จากบันทึก ต้นสาย-ปลายทาง(เขื่อนน้ำงึม2 ถึง ฮิโรชิมา)
ธรรมดา ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thammada
ชมพูพาน
  
ตอบ: 103
ฤๅคู่ขนานนั้น ไร้วันจะบรรจบ
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 02 ก.ค. 14, 17:41
|
|
-«{ความฝันของต้นไม้}»-
ฟ้าครึ้มฝนหล่นร่วง ดั่งสรวงทราบอัชฌาสัย หล้าแล้งรับกับไฟ ก็พลันฟื้นระรื่นรมย์
พฤกษาสิกล้าแย้ม ผลิใบแต้มตามปฐม ชูช่อก่อก้านกลม เสนอหนึ่งจะพึงพราว
แรกรุ่นละมุนหมาย ก็ท้าทายถึงห้องหาว ต่อยอดกอดดวงดาว หาเพียงพรั่นประหวั่นใด
ระยะประคองต้น แม้จะหม่นจะหมองไหม แตกช่อล้อลมไกว ยิ้มรับหล้าและตาวัน
เฉิดฉายปลายพุ่งโพ้น สูงจากโคนคว้าความฝัน ผ่านเพียรผ่านภัยพัน เพื่อจะพ้นเป็นต้นตรง
ยอดเหยียดสูงเสียดฟ้า รากอยู่หล้าลืมหรือหลง รำลึกเถิดพฤกษ์พงศ์ เพื่อโอบเอื้อเพื่อมวลชน
จรรโลงโลกรุ่มร้อน เขียวขจรขจัดหม่น พันธะธุระตน เป็นปอดให้หัวใจงาม
ธรรมดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|