อีกประการหนึ่งที่เป็นผลดีซึ่งติดมาจากระบบชนชั้นเหมือนกัน เพราะไม่มีการเปลี่ยนอาชีพมานานหลายชั่วคน เมื่อปฏิรูปแล้วมาทำบริษัท คนญี่ปุ่นก็จะไม่นิยมเปลี่ยนงานเหมือนกัน เกิดขนบที่เรียกว่า Lifetime employment หรือการจ้างงานชั่วชีวิต
บริษัทจะรับคนที่เพิ่งจบการศึกษาสดๆเข้ามาฝึกงาน หลังบรรจุแล้วก็อยู่ไปจนเกษียณ ไม่ต้องคิดเปลี่ยนงานเพราะถึงอยากเปลี่ยนก็คงไม่มีบริษัทไหนรับ
ดังนั้นพนักงานจะภักดีกับองค์กรแบบถวายชีวิต
ไม่รู้ว่าจะชักใบเรือญี่ปุ่นให้เสียหรือเปล่านะคะ แต่อ่านแล้ว ธรรมเนียมจงรักภักดีต่อนาย ทำงานกันชั่วชีวิต คนไทยเคยมีเหมือนกัน ใครเข้าไปเป็นบริวารของนายคนไหนแล้ว เขาจะไม่เปลี่ยนสังกัดจากนายคนนี้ไปอยู่กับนายคนโน้น แต่จะปักหลักอยู่อย่างนั้นจนตาย
เพราะคนที่เปลี่ยนนาย เขาเรียกว่าคน "โจทเจ้า" แปลตามศัพท์ว่าอะไรไม่ทราบ ใครอยากรู้ เห็นจะต้องถามคุณเพ็ญชมพูเอาเอง
คนที่เปลี่ยนนาย จะถูกประณามว่า "ข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย" เป็นที่รังเกียจ
เมื่อเจ้านายสิ้นพระชนม์แล้ว นางข้าหลวงทั้งหลายก็มีอิสระ หาทางเลือกกันเองตามใจสมัคร
จะไปหาเจ้านายใหม่ไว้พึ่งบารมีก็ได้ ไม่มีใครว่า
โดยมากคนที่มีเพื่อนฝูงเป็นข้าหลวงอยู่ตำหนักอื่นๆก็จะชักนำไป ถ้าเป็นคนเก่งมีฝีมือก็ยิ่งดี เจ้านายใหม่ก็จะโปรดใช้สอยให้ตรงตามความรู้ความสามารถ
หรือถ้าใครไม่ประสงค์จะมีเจ้านายใหม่ก็ออกจากวังไปอยู่บ้านกับญาติพี่น้องก็ได้ จะแต่งงานไปก็ดี
หรือไม่กลับบ้าน ก็อาศัยอยู่ในตำหนักเดิม(ที่ยังว่างเจ้านาย) อย่างคุณสายกับช้อย จนกว่าจะมีเจ้านายใหม่มาอยู่ก็ต้องย้ายออก
หรือถ้าไม่มีเจ้านายองค์ใหม่มา ก็อยู่กันไปตามเดิม อาศัยเงินทุนจากที่มีเลี้ยงชีพไปตามกำลัง พวกนี้มักไม่กระตือรือร้นจะไปหานายใหม่ ไม่ฝากเนื้อฝากตัวกับใคร
ข้าหลวงที่มีเจ้านายใหม่เมื่อเจ้านายเดิมสิ้นพระชนม์ไม่ถือว่าเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนาย เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย
แต่ถ้าเอาใจออกหาก(ไม่ใช่ห่างนะคะ) ไปฝักใฝ่นายใหม่ ทั้งที่นายเก่าก็ยังอยู่ มีศัพท์เรียกอย่างเหยียดหยามว่า "โจทเจ้า"
บริวารประเภทนี้ถือว่าไว้ใจไม่ได้ เพราะไม่ภักดีต่อนาย เนื่องจากสมัยนั้น loyalty ถือเป็นคุณธรรมที่สูงมากในระบบ "เจ้ากับข้า" จากข้าขึ้นไปสู่เจ้า
คุณพัดโบกคงนึกออกว่าเมื่อเปลี่ยนแผ่นดินจากธนบุรีเป็นรัตนโกสินทร์ มีขุนนางหลายคนยอมตายตามพระเจ้าตากสิน มากกว่าจะฝักใฝ่กับนายใหม่ อย่างพระยาพิชัยดาบหัก นี่ก็ท่านหนึ่ง
สิ่งนี้ไม่ใช่ความโกรธแค้นระหว่างพระยาพิชัยกับเจ้าพระยาจักรีอย่างบางคนตีความไปตามนั้น แต่เป็นเหตุผลของ loyalty โดยตรง
หากพระเจ้าตากสินเสด็จสวรรคตไปด้วยเหตุสุดวิสัย อย่างประชวรหนักจนสวรรคต อย่างนี้พระยาพิชัยไม่ต้องตายตาม และไม่ควรด้วยซ้ำ
แต่การตายของพระยาพิชัย เป็นเกียรติยศในระบบ "เจ้ากับข้า" รัชกาลที่ ๑ ท่านก็ทรงทราบและเข้าพระทัยดี ไม่ถือเป็นเรื่องบาดหมางพระทัย
เมื่อพระยาพิชัยขอฝากบุตรเข้ารับราชการ ร.๑ ก็ทรงรับไว้ ไม่มีข้อขัดข้องกีดกันว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ลูกหลานสืบต่อมาหลายชั่วคนจนได้รับพระราชทานนามสกุล "วิชัยขัตคะ" ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ค่ะ
ธรรมเนียมนี้หมดไปในสมัยไหนไม่รู้ แต่เดาว่าเป็นสมัยที่ไม่มีเจ้าอีกแล้ว คือหลัง 2475