เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 47347 ทับทิมหงามุก Padamyar Ngamauk รัตนะแห่งบัลลังก์พม่า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 20:39

เจ้าชายหม่องหม่องทินเปิดดูไปดูมา ก็เหลือบไปเห็นโปสการ์ดหนึ่งในจำนวนนี้เป็นภาพถ่ายสีของมงกุฎกษัตริย์และราชินีแห่งอังกฤษ   ภาพโปสการ์ดนั้นพิมพ์สอดสีชัดเจนสดใสสวยงามมาก    มงกุฎล้วนไปด้วยเพชรนิลจินดาขนาดเขื่องส่องประกายแพรวพราว      ที่เตะตาเจ้าชายเข้าโครมเบ้อเริ่มก็คือมณีสีแดงที่ประดับอยู่บนมงกุฎนั้น   เป็นทับทิมสีแดงสดใสไร้ตำหนิ งามตาและมีราคายิ่ง    

ความงามของทับทิมที่ประดับบนมงกุฎพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ นอกจากกระทบตาเจ้าชายแล้วยังกระทบใจจนทนไม่ไหว    อดรนทนไม่ได้ เจ้าชายก็ส่งคนไปเชิญเจ้าหญิงสุสิริ น้องสาวซึ่งอยู่ในมัณฑะเลย์ให้มาหา
เมื่อเจ้าหญิงสุสิริมาถึง  เจ้าชายก็ส่งภาพโปสการ์ดให้ดู    
เราคงจำกันได้ว่าเจ้าหญิงสุสิริคือผู้ที่ได้รับบัญชาจากพระนางศุภยาลัตให้เป็นผู้เก็บงำทับทิมหงามุกในวันที่ถูกเนรเทศ       แม้ว่าเป็นเวลานานร่วม 26 ปีจากวันนั้นถึงวันนี้    ที่เธอไม่ได้เห็นทับทิมเม็ดนี้อีก   แต่ลักษณะสีสันและความงามอันหาที่เปรียบมิได้ของมันก็ทำให้เจ้าหญิงจำได้ทันที ไม่ว่าจะเห็นที่ไหนในลักษณะใดก็ตาม

ทับทิมบนมงกุฎนั้นคือทับทิมหงามุก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ม.ค. 13, 20:54 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 20:43

ตัดฉากกลับมาที่เจ้าชายหม่องหม่องทิน  ซึ่งดวงราชการไปโลด     จากตำแหน่งนายทหาร เขาได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด Kyaukse   (ใครถอดเสียงได้กรุณาบอกด้วยค่ะ)

Kyaukse = จ๊อกเซ เป็นเมืองหนึ่งในเขตมัณฑะเลย์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 21:03

เราก็คงเดาได้ว่า เจ้าชายกับเจ้าหญิงทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองกันตาปริบๆ     จากนั้นก็ถ่ายทอดเรื่องนี้สู่ลูกหลานกันไปอย่างเงียบๆ  ไม่อาจจะเคลื่อนไหวทำสิ่งใดได้มากกว่านั้น

มีข่าวที่ไม่มีการยืนยันว่า  หลังสเลเดนถึงแก่กรรม  ทายาทของเขานำทับทิมที่อยู่ในความครอบครองขึ้นถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย      แต่จะถวายจริงหรือไม่จริง   สมเด็จพระราชินีหากได้รับจริงแล้วทรงเอาไปทำอะไรยังไง ก็ไม่มีใครในพม่ารู้รายละเอียดมากกว่านี้

ในช่วงเวลายาวนานถึง 26 ปีนับแต่สเลเดนถึงแก่กรรม  พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็ถูกจำกัดอิสรภาพอยู่ถึงรัตนคีรี     ร้องเรียนอะไรไปเท่าไร รัฐบาลอังกฤษในอินเดียวก็เอาหูทวนลมท่าเดียว    รวมทั้งเรื่องทับทิมหงามุกด้วย
เมื่อพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์  ในปี 1916   พระนางศุภยาลัตกลับพม่า  ประทานสัมภาษณ์แก่นักข่าว ยืนยันว่าทับทิมหงามุกตกไปอยู่ในมือของพันเอกสเลเดนตั้งแต่สองพระองค์ออกจากพม่า    เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ไปในค.ศ. 1925  พระธิดาองค์สุดท้องก็ทำหนังสือถึงรัฐบาลอังกฤษ ให้ติดตามพระราชทรัพย์กลับคืนมา    และส่งหนังสือร้องเรียนไปถึงองค์การสันนิบาตชาติ( ต่อมาคือองค์การสหประชาชาติ)ด้วย  

ผลที่เจ้าหญิงได้รับจากการทำหนังสือร้องเรียน รวมทั้งแนบรายละเอียดการร้องเรียนครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีตไปให้องค์การรู้ก็คือ นอกจากรัฐบาลอังกฤษไม่ติดตามให้แล้ว  เธอยังถูกส่งตัวไปอยู่ที่เมือง Mawlamyine  แล้วถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่นั่นจนถึงแก่กรรม
  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 21:06

 หลังเจ้าหญิงสิ้นพระชนม์ไป   ลูกๆของเธอก็ยังทำเรื่องร้องเรียนต่อไปถึงรัฐบาลอังกฤษอีก 2 ครั้ง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2   แต่เราก็คงเดาได้ว่าไม่มีความคืบหน้าอะไรอยู่ดี   เรื่องนี้จึงจำต้องจบลงอย่างตำนาน    มีแต่คำบอกเล่าถ่ายทอดสู่ลูกหลานที่สืบเชื้อสายพระราชวงศ์พม่ามาถึงปัจจุบัน     

ท้ายเรื่องบอกว่าคำบอกเล่าตกทอดมาถึงดาว มา มา คยี ซึ่งสามีไปเรียนต่อที่อังกฤษ       เขาไปที่หอคอยแห่งลอนดอน  ที่นั่นมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งโชว์เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ    รวมทั้งมงกุฎกษัตริย์ในอดีตซึ่งมีอยู่หลายองค์ด้วยกัน     
หนึ่งในจำนวนนั้นยังคงประดับทับทิมเม็ดใหญ่สีสดใส ซึ่งเขาแน่ใจแม้ไม่มีคำยืนยันว่า เป็นทับทิมหงามุกนั่นเอง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 21:10

เธอยังถูกส่งตัวไปอยู่ที่เมือง Mawlamyine  แล้วถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่นั่นจนถึงแก่กรรม

Mawlamyine  เรารู้จักกันดีในนาม มะละแหม่ง หรือ เมาะลำเลิง บ้านเกิดของ มะเมียะ



 
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 23:35

อ่านเรื่องทับทิมพม่าไปหายสูญที่อังกฤษ มันอดคิดไม่ได้ถึงเพชรซาอุที่มาหายที่เมืองไทยเลย มีอะไรบางอย่างที่คล้ายกันมากๆ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 06:54

เธอยังถูกส่งตัวไปอยู่ที่เมือง Mawlamyine  แล้วถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่นั่นจนถึงแก่กรรม

Mawlamyine  เรารู้จักกันดีในนาม มะละแหม่ง หรือ เมาะลำเลิง บ้านเกิดของ มะเมียะ



 

เมืองชื่อเดียวกันหมด "เมาะลำเลิง - มะละแหม่ง - เมาะลำไย"  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 07:03

ทับทิมหงามุก Padamyar Ngamauk จะใหญ่แบบอันนี้หรือไม่เพราะมีขนาดใหญ่มาก ภาพนี้เป็นพระมหามงกุฎที่ประดับด้วยทับทิม Black Prince's Ruby ทีมีขนาดใหญ่มาก มีความเก่าแก่ย้อนไปถึงยุคครอมมอนเวล


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 08:41

มงกุฎที่คุณ siamese นำมาลงให้ดูข้างบนนี้ มีชื่อว่า The Imperial State Crown  สร้างขึ้นไปค.ศ.  1937 เพื่อเป็นมงกุฎสำหรับพระเจ้าจอร์จที่ 6   ประดับประดาด้วยเพชร 2,868 เม็ด  ไข่มุก  273 เม็ด  แซพไฟร์  17 มรกต 11 และทับทิม  5 เม็ด
ทับทิมเม็ดใหญ่ตรงกลางที่คุณหนุ่มสยามถามถึง  ประวัติศาสตร์บอกว่าชื่อ ทับทิม The  Black Prince
ทับทิมเม็ดนี้มีน้ำหนัก 170 carats  ขนาดเท่าไข่ไก่   มีประวัติย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 14  ตกอยู่ในความครอบครองของกษัตริย์อังกฤษมาหลายราชวงศ์   ได้ชื่อตามเอ็ดเวิร์ดแห่งวูดสต๊อค หรือ "The Black Prince"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 09:15

ข้อนี้แหละค่ะ นำไปสู่เงื่อนงำที่ยังหาคำเฉลยไม่ได้ ของทับทิมหงามุก

เพชรนิลจินดาชิ้นสำคัญๆของกษัตริย์อังกฤษ มีที่มาด้วยกันทั้งนั้น   เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชน   เพราะเครื่องเพชรทองของหลวงนี้ไม่ได้เก็บใส่เซฟเอาไว้เฉยๆอย่างเครื่องเพชรส่วนตัวของมหาเศรษฐี   แต่ตั้งโชว์เอาไว้ส่วนหนึ่งที่หอคอยแห่งลอนดอน และเก็บรักษาไว้อย่างดีอีกส่วนหนึ่งในวังหรือท้องพระคลังหรือที่ไหนสักแห่ง ที่เก็บรักษาไว้อย่างเข้มงวด     ให้กษัตริย์และเจ้านายระดับสูงของอังกฤษนำออกมาประดับพระองค์เวลาออกงานพระราชพิธี  หรือในงานราตรีสโมสรชั้นเลิศและเริ่ด   
ยังไม่เคยพบว่า มีเพชรหรือพลอยระดับโลกเม็ดไหนถูกเก็บซุกเอาไว้เฉยๆ     เพราะถ้ามีแล้วไม่โชว์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม  มันก็เท่ากับไม่มีนั่นเอง

คอลเลคชั่นเพชรหลวงเหล่านี้เป็นหน้าเป็นตา และเป็นพระราชทรัพย์ของหลวงของกษัตริย์อังกฤษ

จากนี้ ก็ได้แต่ใช้วิชาเดาชั่น และสมมุติไปเรื่อยๆ   เผื่อจะมีใครอยากเข้ามานั่งล้อมวงสมาคมชาวเดาด้วยกันไงคะ

1   เราไม่มีอะไรจะต้องสงสัยว่าพระนางศุภยาลัตกล่าวเท็จในเรื่องว่ากล่องเครื่องเพชรของพระนางถูกยักยอกไป 3 กล่อง    เพราะพระนางไม่มีสาเหตุอะไรจะต้องกุเรื่องขึ้นมาให้ยุ่งยาก    หลักฐานว่าพระเจ้าสีป่อพยายามรบเร้าเคี่ยวเข็ญทางการของอังกฤษให้ติดตามเอาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์คืนมาก็ยืนยันอยู่แล้วว่าพระองค์เดือดร้อนจริง
2  พระนางศุภายาลัตให้สัมภาษณ์นักข่าวอย่างชัดเจน เมื่อพระนางได้คืนกลับมาสู่พม่าแล้วว่า  ทับทิมหงามุกและเครื่องเพชรอื่นๆรวม 3 กล่องตกไปอยู่ในมือของพันเอกสเลเดน
3   หลังจากเอา 1+2  แล้วก็ได้ความว่า พันเอกสเลเดนครอบครองทับทิมหงามุกอยู่      เมื่อแกกลับอังกฤษ  แกก็ต้องหอบกลับไปด้วยแน่นอน   คำถามต่อมาคือแกทำอะไรกับทับทิมหงามุก?
4    แกมี 2 ทาง  คือถ้าไม่เอาทับทิมมาทำสร้อยเพชรประดับตัวเมียแก  แกก็ต้องขาย    อย่างแรกมันเสี่ยงภัยเกินไปเพราะพอใส่ออกโชว์  เพื่อนฝูงต้องมีใครสักคนจำได้ว่า..เฮ้ย..นี่มันทับทิมพม่านี่หว่า    และรู้เห็นถึงหูตาเป็นสับปะรดของผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพอังกฤษ เมื่อใดก็ได้   
     อย่างที่สองถ้าแกขาย  ทับทิมน้ำงามเลิศ ขนาดไข่นกพิราบหนัก 82 กะรัต  พ่อค้าที่ซื้อต้องถามที่มาของทับทิมแน่นอน   เพราะพันเอกสเลเดนไม่ได้อยู่ในวงการพ่อค้า ที่จะเดินทางไปรอบโลกหาแหล่งอัญมณีงามๆมาป้อนตลาดได้ชนิดรู้หัวนอนปลายเท้ากัน   หลักฐานการซื้อขายแกก็ไม่มี  จะอุบๆอิบๆ ก็จะกลายเป็นซื้อขายของเถื่อนไป    ดีไม่ดีมันก็ย้อนกลับไปอันตรายแบบอย่างแรกอีก 
5     แกก็เลยเลือกอย่างที่สามคือเก็บทับทิมหงามุกเอาไว้กับตัวไปก่อน     จนตายไปในไม่กี่ปีหลังจากเอามา     ลูกหลานก็คิดอย่างเดียวกับพ่อ คือปล่อยออกสู่ตลาดไม่ได้  เก็บไว้ก็กระอักกระอ่วน    อย่ากระนั้นเลย   นำขึ้นถวายผู้มีบุญคู่ควรกับทับทิมเสียดีกว่า    พ้นภาระพวกเราไปด้วย
6     จึงมีข่าวกระเซ็นกระสายซุบซิบแว่วมาว่า   ทายาทนำขึ้นถวายควีนวิคตอเรีย      การถวายแบบนี้น่าจะเป็นถวายเป็นส่วนตัว  สมเด็จพระราชินีจะประทานอะไรตอบแทนหรือไม่เราก็ไม่อาจรู้ได้        แต่ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง   ทับทิมก็เปลี่ยนมือไปสู่มือของผู้ที่ไม่มีใครบังอาจทวงถามได้อีกแล้ว
       แต่ถ้าไม่จริง  ทับทิมหงามุกก็ยังอยู่ในความครอบครองของทายาทพันเอกสเลเดนต่อไป
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 09:45

^
นี่แค่ทับทิมของพม่านะครับ ค้นหาไปเรื่อย ๆ ยังมีบรรดาเพขรนิลจินดามหาศาล อันประเมินไม่ได้ของเหล่ามหาราชา แห่งอินเดีย คิดแล้วหนาวแทน....
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 10:54

ผมอยากจะแสดงความเห็นบ้างแล้ว

อันธรรมดาของการยกทัพไปปล้นเมืองนั้น ถ้าได้แล้วไม่ใช่หมายความว่าได้โฉนดที่ดินเมืองนั้นไปเป็นรางวัลนะครับ สมบัติพัสถานของผู้แพ้ย่อมตกเป็นของผู้ชนะทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ทรัพย์สินประเภทลูกเมีย พม่าเองก็ใช้กติกานี้มาตลอด แล้วมาโวยทำมาย
คนไทยเองก็เถอะ ยังจำไปใช้กับลาวและประเทศราชอื่นๆเลย

ฝรั่งดูเหมือนจะเล่นคนละกติกาที่ว่ามาแต่สมัยไหนไม่ทราบ แต่ช่วงที่ผนวกพม่าเป็นเมืองขึ้นนี้ ฝรั่งในยุโรปจะไม่ปล้นเมืองกันแล้ว แต่ผู้ชนะจะเรียกค่าปฏิกรรมสงครามจากผู้แพ้เป็นเงินมหาศาล ซึ่งสงครามกับพม่าครั้งสุดท้ายนี้ อังกฤษไม่รู้จะไปเช็คบิลกับใคร จึงเอาพระราชสมบัติมาขายทอดตลาดถอนทุน
การยินยอมให้พระเจ้าสีป่อขนพระราชทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นส่วนพระองค์ไปรัตนคีรีด้วย ถ้าคิดอย่างพม่า ก็น่าจะเห็นว่าอังกฤษสปอร์ตมากอยู่
 
ว่าก็ว่าเถอะ การทำสงครามคราวนี้ ผมคิดว่าเป้าหมายของอังกฤษอยู่ที่บ่อทับทิมที่โมกอกซึ่งพม่าหวงนักหวงหนาก็จริง แต่หงามุกนี่แหละ ลูกเดียวก็คุ้มกับเงินทุนและชีวิตทหารที่นำมาพลีในสงครามแล้ว

ถ้าได้นำไปประดับมงกุฎควีนก็จะสมศักดิ์ศรียิ่ง บังเอิญว่า ประวัติการได้มานั้นมันไม่สวย เลยเกิดอาการเขินกันไปหมด
สมมุติว่า ขณะหงามุกมาอยู่ในมือนายพันเอกสเลเดน ตอนนั้น ถ้านายทหารอังกฤษจะทูลพระนางศุภยลัตว่า "ใต้ฝ่าพระบาท ทับทิมเม็ดนี้บัดนี้มิใช่ของของพระราชวงศ์แล้ว แต่เป็นสมบัติของอังกฤษ" แล้วจดบันทึกถ้อยคำนี้ลงไปในประวัติศาสตร์ ก็น่าจะชอบด้วยกฎแห่งสงครามแล้ว

ทีนายพลเพรนเดอเกสต์ยังใช้ถ้อยคำว่า “ Your Majesty, you are under arrested” ราวกับใช้กับอาชญากร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 11:37

บรรยากาศเริ่มคึกคัก

ใช่ค่ะ คุณ siamese  ก็น่าจะหนาวเย็นยะเยือกแทน เมื่อนึกถึงสมบัติที่เปลี่ยนมือไป      เพชรดังๆที่ว่ามาจากเทวรูปอินเดียน่ะเข้าไปกี่เม็ดกันล่ะ


ว่าก็ว่าเถอะ การทำสงครามคราวนี้ ผมคิดว่าเป้าหมายของอังกฤษอยู่ที่บ่อทับทิมที่โมกอกซึ่งพม่าหวงนักหวงหนาก็จริง แต่หงามุกนี่แหละ ลูกเดียวก็คุ้มกับเงินทุนและชีวิตทหารที่นำมาพลีในสงครามแล้ว

ถ้าได้นำไปประดับมงกุฎควีนก็จะสมศักดิ์ศรียิ่ง บังเอิญว่า ประวัติการได้มานั้นมันไม่สวย เลยเกิดอาการเขินกันไปหมด
สมมุติว่า ขณะหงามุกมาอยู่ในมือนายพันเอกสเลเดน ตอนนั้น ถ้านายทหารอังกฤษจะทูลพระนางศุภยลัตว่า "ใต้ฝ่าพระบาท ทับทิมเม็ดนี้บัดนี้มิใช่ของของพระราชวงศ์แล้ว แต่เป็นสมบัติของอังกฤษ" แล้วจดบันทึกถ้อยคำนี้ลงไปในประวัติศาสตร์ ก็น่าจะชอบด้วยกฎแห่งสงครามแล้ว
ถ้าหากว่านายพันเอกคนนั้นหรือพลตรีคนโน้นที่ไปยึดพม่ามาได้ จัดแจงนำรัตนะแห่งบัลลังก์พม่าขึ้นถวายสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย  กราบทูลสบายๆสไตล์นวรัตนดอทซีอย่างข้างบนนี้      ทับทิมหงามุกก็คงจะได้ประดับเด่นเป็นสง่าอยู่บนมงกุฎหรือเทียร่าอันใดอันหนึ่งของอังกฤษ  ตั้งโชว์อยู่ที่หอคอยลอนดอน  พวกเราก็คงจะฝากคุณประกอบไปถ่ายรูปมาให้ดูกันได้ในเรือนไทย
น่าเสียดายมากๆค่ะ
แต่ในความเป็นจริง  พันเอกสเลเดน-ดั๊น...ยึดทับทิมหงามุกไว้เป็นสมบัติส่วนตัว     เมื่อเรื่องมันเริ่มไม่สวยอย่างท่านนวรัตนว่า  ก็ทำให้ผู้ที่ได้ครอบครองทับทิมเม็ดนี้(จะเป็นใครก็เถอะ)เอาออกมาโชว์ไม่ได้     โดยเฉพาะในยุคสมัยโน้นที่พระเจ้าสีป่อยังมีพระชนม์อยู่ และส่งพระราชสาส์นไล่ทวงเอ็ดอึงอยู่ในอินเดีย

เพราะฉะนั้น  ลองสมมุติดูว่า  ถ้าใครสักคนครอบครองมณีล้ำค่าเม็ดเดียวในโลก แล้วอยากจะใช้ประโยชน์มากกว่าซุกเอาไว้ในตู้เซฟไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน   เขาจะหาทางออกยังไง
คำตอบคือ..ทำซะให้มันหมดร่องรอยของเดิม   ด้วยการเจียระไนใหม่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 12:13

ต่อไปนี้เป็นดราม่าล้วนๆ  ไม่ใช่ข้อมูลนะคะ

ไม่มีใครเคยถ่ายรูปทับทิมหงามุกเอาไว้  มีแต่ภาพวาดจากคำบอกเล่าต่อๆกันมาเช่นภาพวาดของนาย Saya San   ทับทิมหงามุกมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ   เจียระไนเป็นรูปไข่  ก็คือกลมนูน  ไม่ใช่อย่างมีเหลี่ยม
ทับทิมหงามุกเป็นทับทิมโบราณสมัยก่อนราชวงศ์คองบอง    ฝีมือช่างหลวงของราชสำนักยองยานในสมัยโน้นอาจไม่ดีนักเพราะเครื่องไม้เครื่องมือไม่อำนวย    จึงขอวาดภาพต่อไปว่า  เมื่อมีการตัดสินใจจะนำทับทิมหงามุกออกสู่แสงสว่างโลกภายนอก  ก็ต้องส่งให้ช่างอัญมณีฝีมือเอกในอังกฤษ (หรือในยุโรป) ได้พลิกซ้ายพลิกขวาเสริมความงามกันเสียใหม่   ซึ่งเพชรดังๆของฝรั่งก็ผ่านกรรมวิธีเสริมความงามกันมาทั้งนั้น ไม่ว่าเม็ดไหน     
การเจียระไนใหม่ ทำให้ขนาดของอัญมณีลดลงก็จริง   แต่ก็เปล่งประกายเฉิดฉายยิ่งกว่าเก่าเป็นทวีคูณ    มูลค่าก็ยิ่งมหาศาล  เจ้าของจึงไม่รังเกียจในเรื่องนี้    ไม่คิดแต่จะเอาขนาดใหญ่เข้าว่า
ดังนั้นจึงมีคำถามว่า หากทับทิมหงามุกถูกเจียระไนใหม่  จะไปอยู่ที่ไหน?


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
giggsmay
ชมพูพาน
***
ตอบ: 135


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 10 ม.ค. 13, 12:26

 8)สมบัติผลัดกันชม ใครแข็งแรงกว่าก็ได้ไปครอง คิดๆอยู่ว่าทำไมพระนางศุภยลัตไม่เอาไปฝังซะเลยก่อนออกจากพม่า
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 20 คำสั่ง