เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
แยกมาจากกระทู้ “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5490.msg117605;topicseen#msg117605 นายพันเอกสลาเดน(คนนี้จอมเจ้าเล่ห์)ก็ทำเป็นสัตย์ซื่อคืนให้ไป ผมคิดเอาเองว่า ถ้าจริงตามข่าวก็ถือว่าเป็นการสร้างภาพเพราะแกกำลังโดนพระนางศุภยลัตทวงคืนพลอยหงามุกอย่างหนักหน่วงแบบไม่ไว้หน้า และแกอาจจะยักทองคำที่เจอเอาไว้ส่วนหนึ่งด้วยแล้วก็ได้
เรื่องทับทิมพม่านั้น มีเม็ดงามที่สุดสีแดงเข้ม ใหญ่เท่าไข่นกพิลาปตกทอดเป็นพระราชมรดกมาหลายรัชกาล ชื่อว่าหงามุก Ngamauk จนถึงในรัชสมัยพระเจ้ามินดง ทรงถูกอังกฤษบีบคั้นหนัก จึงพยายามดำเนินวิเทโศบายที่จะเอาฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษ โดยเอาทรัพยากรของพม่าที่ฝรั่งอยากได้มาล่อให้โลภ คุณตั้งเล่าไปแล้ว ครั้งหนึ่งทรงเอาพระธรรมรงค์หงามุกมาอวดคณะทูตการค้าที่เดินทางจากปารีสมาดูลาดเลา พวกฝรั่งเศสเห็นเข้าถึงกับตกตะลึง เมื่อถูกพระเจ้ามินดงรบเร้าให้ตีราคา จึงกราบทูลว่าทับทิมนี้มีค่าเท่ากับประเทศหนึ่งประเทศ พระเจ้ามินดงไม่ทันคิดในความหมายแฝง จึงทรงหัวเราะชอบพระทัย ในที่สุดก็ทรงเสียประเทศให้อังกฤษจริงๆ และสิ่งแรกที่อังกฤษปล้นไปจากพระราชวังที่มัณฑเลย์ก็คือ หงามุก ว่ากันว่าพระนางวิกทอเรียได้เคยนำมาประดับมงกุฏองค์หนึ่ง พออดีตพระราชินีไร้บัลลังก์ของพม่าเห็นรูปในหนังสือพิมพ์เข้าโวยวาย หงามุกก็ดำดินหายไป ปัจจุบันก็ยังไม่โผล่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 10:33
|
|
เอารูปมาเรียกคนดูหน้าวิกไว้ก่อน  รูปนี้ออกจะแต่งเติมเสริมต่อความมโหฬารของทับทิมหงามุกมากเกินไป ดูราวกับตั้งกองไฟเอาไว้ระหว่างพระเจ้าแผ่นดินพม่ากับนายทหารอังกฤษ แต่ก็เรียกน้ำย่อยได้ดี ก่อนจะเข้าสู่เรื่องนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 11:16
|
|
พม่าเป็นเจ้าแห่งเหมืองทับทิม ส่วนทับทิมที่เป็นเจ้าแห่งทับทิมก็คือ "หงามุก" หรือ Padamyar Ngamauk ซึ่งแปลเป็นอังกฤษว่า Royal Ruby เป็นทับทิมขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบ สีแดงสดงดงามปราศจากตำหนิ ทับทิมหงามุกมีประวัติย้อนหลังยาวนานไปถึงค.ศ. 1661 แรกเริ่มด้วยการที่มีพม่านายหนึ่งชื่อหงามุกคยี เกิดพบรัตนชาติสีแดงเลือดนกพิราบขนาดใหญ่เท่าผลหมาก หนักประมาณ 82 กะรัต นายคนนี้ก็นำขึ้นถวายพระเจ้าแปร พระเจ้าแปรก็ถวายพระเชษฐาซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งราชวงศ์ยองยาน พระองค์พระราชทานนามทับทิมนี้ว่า หงามุก ตามชื่อคนพบคนแรก
ทับทิมหงามุกกลายเป็นรัตนชาติของหลวงเม็ดเอกในท้องพระคลัง ผ่านจากราชวงศ์ยองยานมาจนถึงราชวงศ์คองบอง มาปรากฎเรื่องราวอย่างที่ท่าน NAVARAT.C เล่าไว้ก่อนหน้านี้ คือพระเจ้ามินดงนำทับทิมเม็ดนี้ออกมาให้ทูตฝรั่งเศสตีราคา เหล่าฝรั่งเศสเห็นทับทิมเข้าก็อ้ำอึ้งตะลึงงันไป เพราะความงามของทับทิมเม็ดนี้เกินกว่าจะประเมินได้ถูก ต่อให้เทกระเป๋าชาวฝรั่งเศสทั้งหมดมารวมกันก็ไม่อาจซื้อได้แม้แต่เศษเสี้ยว ได้แต่ทูลตอบว่าทับทิมนี้มีค่าควรประเทศหนึ่งประเทศทีเดียว คำตอบนี้จะว่าไปก็เหมือนเป็นลางร้ายของพม่า เพราะประเทศนั้นก็คือประเทศพม่านั่นเอง โดยพระเจ้ามินดงมิได้เฉลียวใจเอาเลย ทับทิมหงามุกจึงอยู่คู่บัลลังก์พม่าต่อมา จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของราชวงศ์คองบอง เมื่อพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตถูกอังกฤษยึดราชอาณาจักรและเนรเทศสองพระองค์ไปอยู่อินเดีย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 11:56
|
|
ขอตัดฉากมายังวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1885 ตรงกับในรัชกาลที่ 5 ปีนั้นไทยกำลังวุ่นวายกับการปราบฮ่อ ส่วนพม่าก็วุ่นวายกับรบฝรั่งอังกฤษ วันนี้เป็นวันพ่ายแพ้วันสุดท้ายแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อพระเจ้าสีป่อและพระมเหสีตลอดจนโอรสธิดาถูกขีดเส้นตายเนรเทศออกจากพม่า ไปอินเดีย ในพระราชฐานเต็มไปด้วยความโกลาหล มหาดเล็กและนางข้าหลวงสาละวนกับการเก็บข้าวของมีค่าติดตัวเอาไปด้วยเท่าที่จะทำได้ ส่วนของมีค่าอื่นๆที่เก็บไม่ทันก็ต้องปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อแร้งกาทั้งพม่าและฝรั่งตามยะถากรรม
ตัวละครเอกในกระทู้นี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าควรจะจัดเข้าฝ่ายพระเอกหรือผู้ร้าย ชื่อพันเอกเอ็ดเวิร์ด สเลเดน เป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายการเมืองของกองทัพอังกฤษ กำลังเดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ในพระราชฐานโดยไม่ละเว้นแม้แต่ห้องที่ประทับของพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภายาลัต ทำทีเหมือนกำลังตรวจตราความเรียบร้อย เมื่อเข้าไปถึงที่ประทับของกษัตริย์พม่า เขาก็กำชับกำชาเหล่าข้าราชบริพารว่าอย่าลืมเก็บของมีค่าเพชรนิลจินดาทั้งหลายใส่หีบ ขนออกไปให้หมด อย่าเหลือทิ้งเอาไว้ทางนี้ ว่าแล้ว นายพันเอกทหารก็หันไปทางพระนางศุภยาลัต แล้วพนมมือขึ้นกราบทูลถามว่า..พระนางทรงเก็บทับทิมหงามุกอันมีค่าควรเมืองเรียบร้อยดีแล้วรึยัง ข้าพระพุทธเจ้าขอดูให้แน่ใจหน่อยได้ไหมพะย่ะค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 13:06
|
|
พระนางศุภยาลัตมีนางสนองพระโอษฐ์คนหนึ่งเป็นจ้าหญิงจากเมือง Chuntaung(ยังหาไม่เจอว่าพม่าเรียกเมืองอะไร คิดว่าคุณเพ็ญชมพูเจอคงจะเข้ามาบอกเอง) เธอมีนามว่า Thu Thiri Sandar Wadi ขอเรียกแบบไทยๆสไตล์นวรัตนดอทซี ว่า เจ้าสุสิริ แสนดารวดี เจ้าสุสิริเป็นผู้รักษาดูแลกำปั่นเครื่องเพชรนิลจินดาของพระนางโดยตรง เมื่อพระนางศุภาลัตมีบัญชาให้นำทับทิมมาให้พันเอกสเลเดนดูตามคำขอ เธอก็เปิดหีบกำปั่นหยิบกล่องทองเล็กๆที่บรรจุทับทิมค่าควรราชอาณาจักรออกมาเปิดให้ดู ในแหล่งข้อมูลหนึ่งบอกว่าทับทิมเม็ดนี้ประดับเป็นหัวแหวน แต่แหล่งอื่นบอกว่าเป็นทับทิมเดี่ยวๆไม่ได้ฝังอยู่บนอะไร แต่จะเป็นอะไรก็ตาม เอาเป็นว่าเป็นทับทิมหงามุกแน่ๆ ข้อนี้ไม่ผิดพลาดก็แล้วกัน
นายทหารใหญ่ก็หยิบทับทิมขึ้นมาชม พลิกซ้ายพลิกขวา อย่างเพลิดเพลิน หลายรอบก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะวางกลับลงในกล่องซักที เท่านั้นยังไม่พอ พันเอกสเลเดนยังยื่นทับทิมให้ขบวนนายทหารติดตามได้ชมด้วย ทุกคนก็พากันจ้องมองอย่างตื่นตะลึง
ขบวนการชมทับทิมดำเนินไประยะหนึ่ง พันเอกก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบรรจงเช็ดทับทิมเหมือนจะให้หมดราคีที่ถูกจับไปจับมา แต่แล้วก็เหมือนกับพี่แกเผลอตัว หรือใจลอย แกก็พับผ้าเช็ดหน้าพร้อมทับทิมหย่อนลงกระเป๋าเสื้อ โดยมิได้ส่งคืน
แต่การกระทำของพันเอกสเลเดนมิได้รอดพ้นสายตาคมเหมือนเหยี่ยวของเจ้าสุสิริไปได้ เพราะเธอนั่งจ้องเป๋งจับตามองทุกกระดิกนิ้ว เธอเปิดกล่องทองอ้าเอาไว้อย่างนั้นเพื่อให้ประจักษ์แก่ตาว่าทับทิมยังมิได้กลับลงไปในกล่อง แล้วก็รอว่าเมื่อไรพันเอกจะคืนทับทิมให้เสียที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
chounws
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 13:52
|
|
มารายงานตัวว่ากำลังชม(อ่าน)อยู่นะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 14:28
|
|
พระนางศุภยาลัตก็คงจะเห็นเหตุการณ์นี้อยู่ด้วย เพราะพระนางมิใช่หญิงบื้อๆชนิดจะปล่อยพระราชทรัพย์ชิ้นมีค่าสูงสุดหลุดมือไปง่ายๆ จะทวงออกมาตรงๆก็ใช่ที่ ก็เลยใช้วิธีหันไปถามเจ้าหญิงสุสิริว่า อ้าว ทำไมยังไม่ปิดฝากล่องทับทิมเสียทีละจ๊ะหล่อน เจ้าหญิงนางสนองพระโอษฐ์ได้ไฟเขียว ก็ตอบรับเป็นปี่เป็นขลุ่ยสอดคล้องกันดีว่า...ก็ผู้การท่านยังไม่ได้คืนทับทิมหงามุกมาเพคะ
ในเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ช้างอังกฤษก็จำต้องคายอ้อยรัตนชาติพม่าออกจากปากด้วยความเสียดาย ทำเป็นไก๋ ทูลว่า โอ๊ะ ขอพระราชทานอภัย ข้าพระพุทธเจ้าเผลอเก็บลงกระเป๋าไปได้ยังไงก็ไม่ทันรู้ตัว คงชุลมุนกันอยู่ตอนนั้นน่ะพ่ะย่ะค่ะ ว่าแล้วก็จำใจหยิบทับทิมหงามุกออกจากกระเป๋า ส่งคืนให้เจ้าหญิงสุสิริ เธอก็รับมาใส่ลงไปในกล่องทองปิดฝาดังฉับ เป็นอันว่าทับทิมหงามุกรอดไปได้ในครั้งนั้น
หน้าตาพันเอกเอ็ดเวิร์ด สเลเดน เป็นยังงี้ค่ะ หารูปจากอินทรเนตรมาได้รูปเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 14:33
|
|
ภาพนี้พันเอกสเลเดนเข้าเฝ้าพระเจ้าสีป่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 14:50
|
|
หน้าตาพันเอกเอ็ดเวิร์ด สเลเดน เป็นยังงี้ค่ะ หารูปจากอินทรเนตรมาได้รูปเดียว เอามาสมทบอีกรูปนึงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 15:27
|
|
^ ขอบคุณค่ะ จากนั้นก็อย่างที่รู้ๆกันคือพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตก็ถูกคุมพระองค์นั่งรถเทียมวัวไปลงเรือชื่อสุริยาที่ท่าน้ำเมืองมัณฑะเลย์ คืนนั้นเองก่อนเรือจะออกจากท่า นายพันเอกผู้หมายมั่นในอ้อยราคาค่าควรประเทศก็ตามมาขอเข้าเฝ้าพระนางศุภยาลัตอีกครั้ง ทูลว่า " เหตุการณ์ในเมืองหลวงกำลังจลาจลระส่ำระสายมาก เกิดตีชิงปล้นสะดมกันทั้งเมือง มีข่าวว่าพระองค์ขนพระราชทรัพย์มากมายมาลงเรือ ก็เลยมีคนแห่กันมาที่ท่าน้ำจะบุกเข้ามา ท่าทีน่าสงสัยว่าจะเป็นพวกผู้ร้าย ข้าพระพุทธเจ้าจึงทูลขออารักขาพระราชทรัพย์ไว้ก่อนในคืนนี้ พรุ่งนี้เรือออกจากท่าเมื่อไร ก็ปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อถูกจู่โจมอ้างเอาดื้อๆแบบนี้ ก็เลยต้องกล่องทับทิมหงามุกให้อีกฝ่ายเอาไป "อารักขา" ไว้ นายพันเอกแกก็อารักขาอย่างเหนียวแน่นจริงๆคือไม่ปล่อยมือจากทับทิมจนแล้วจนรอด ตอนเช้าเมื่อเรือแล่นออกจากท่า ก็ไม่มีเงาของพันเอกสเลเดนกลับมาที่ท่าน้ำ มีแต่รายงานว่าแกมาไม่ได้เพราะต้องไปประชุมคณะกรรมาธิการอะไรของแกสักอย่างในเมือง จากนั้น พระนางศุภยาลัตก็ไม่ได้เห็นทับทิมหงามุกอีกเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 16:42
|
|
ผู้สื่อข่าว - ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยังทรงเก็บหงามุกไว้ตอนที่ถูกส่งตัวไปรัตนคีรีหรือหามิได้พุทธเจ้าค่ะ พระนางศุภยลัต - เปล่าเลย มันได้ถูกมอบให้นายพันเอกสลาเดนเอาไปเพื่อเก็บไว้ ฉันไม่รู้ว่าใครครอบครองมันอยู่ตอนนี้ ยังมีเพชรกับทับทิมอีกหลายเม็ดนะ อย่างเช่น ราชรัตนะหอข่าเที๊ยกทินเล ราชรัตนะหอข่าทินจี ราชรัตนะซินมาตอ ราชรัตนะซาน และอื่นๆอีกมาก (พันเอกสลาเดนประจำการอยู่ในมัณฑเลย์ในรัชสมัยพระเจ้ามินดง และเป็นแขกประจำของราชสำนัก ทับทิมหงามุกสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยโดยรวดเร็วหลังจากทหารอังกฤษบุกเข้ามัณฑเลย์และเข้ายึดครองพระราชวัง รัฐบาลพม่าหลังจากได้เอกราชพยายามสืบต่อที่จะสอบถามถึงการหายสาปสูญของราชรัตนะนี้ พุ่งเป้าไปยังพวกนายทหารอังกฤษและโดยเฉพาะพันเอกสลาเดนว่าเป็นผู้โขมยเอาไป) จาก คำให้สัมภาษณ์พระนางศุภยลัต กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๗ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 16:51
|
|
เหตุการณ์ที่พันเอกสเลเดนอ้างว่ามีผู้ร้ายบุกเข้ามาใกล้เรือ ที่จริงก็คือมีชาวพม่าส่วนหนึ่งที่ยังจงรักภักดีต่อกษัตริย์ของตน แห่กันมาส่งเสด็จถึงท่าเรือ ในจำนวนนี้มีเจ้าชายองค์หนึ่งชื่อเจ้าเมืองเมืองเตน ( Prince Maung Maung Tin) ซึ่งเป็นพี่น้องกับเจ้าหญิงสุสิริ พยายามจะเบียดคนเข้ามาเพื่อส่งเสด็จ แต่ว่าถูกทหารซีปอยติดอาวุธผลักกลับออกไป ก็เลยเกิดชุลมุนกันขึ้นราวกับเกิดเหตุร้าย พระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตมองเห็นมาจากเรือ แต่ไม่มีโอกาสรู้ว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
หลังจากพันเอกสเลเดนได้สมบัติของพระเจ้าสีป่อไปแล้ว ก็พยายามจะไป "อารักขา" สมบัติของพระนางอเลนันดอและพระนางศุภคยีอีกด้วยวิธีเดียวกัน แต่นางทั้งสองฉลาดกว่า อ้างว่าเก็บข้าวของมาไม่ทัน เลยไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่ทองเท่าหนวดกุ้ง พันเอกก็เลยต้องกลับไปมือเปล่า
เมื่อพระเจ้าสีป่อทรงไปถึงอินเดียแล้ว ก็มิได้ละเว้นความพยายามจะเอาอ้อยคืนมาจากปากช้างอีกหลายครั้ง พระองค์ทรงแจ้งให้ข้าราชการระดับสูงของอังกฤษที่อินเดียทราบถึงเรื่องทับทิมหงามุกและเพชรนิลจินดาอื่นๆ ยังตกค้างอยู่ในมือของสเลเดน ข้าราชการคนนั้นชื่อนายฟาร์นชอว์ก็จัดแจงทำหนังสือพร้อมแจกแจงบัญชีรายชื่อของมีค่าตามที่พระเจ้าสีป่อร้องเรียนมา ส่งไปที่พม่า เพื่อสอบถามหาร่องรอยของทับทิมหงามุกและพระราชทรัพย์อื่นๆที่ถูกฉกเอาไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 06 ม.ค. 13, 16:56
|
|
ขอแก้นิดนะคะ พันเอกสเลเดนไม่ได้เป็นแขกในราชสำนักค่ะ ตำแหน่งของเขาคือ Chief Political Officer และเป็นผู้นำในการโจมตีพม่าในครั้งนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่แกสามารถเดินเข้าพระราชฐานชั้นในได้ถึงห้องที่ประทับ สั่งโน่นสั่งนี่รวมทั้งบังคับพระเจ้าสีป่อและพระนางให้จำยอมส่งพระราชทรัพย์ให้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 07 ม.ค. 13, 10:04
|
|
ในจำนวนนี้มีเจ้าชายองค์หนึ่งชื่อเจ้าเมืองเมืองเตน ( Prince Maung Maung Tin) Maung Maung Tin = หม่อง หม่อง ทิน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 07 ม.ค. 13, 10:29
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|