เมื่อเข้าเรียนม.ปลาย มีสาขาให้เลือก 2 สาขาคือศิลป์กับวิทย์ พวกที่เข้าวิทย์โดยเฉพาะพวกติดห้องคิงกับควีนล้วนตั้งเป้าหมายเข้าเรียนแพทย์ เสียประมาณ 8 คน อีก 2 คนตั้งเป้าเรียนวิศวะฯ
จากนั้นพอเอ็นทรานซ์ ก็ยกชั้นกันเข้าแพทย์ ไปเจอหน้าเดิมๆเรียนกันสลอนในคณะวิทย์ฯ ก่อนข้ามฟากกันไป
สมัยนั้น(หรือสมัยนี้ก็เถอะ) พวกเรียนแพทย์มักจะถูกมองว่าเก่งระดับเทพ มันสมองอาจถูกออกแบบมาพิเศษ ให้เรียนรู้วิชาอะไรที่ชาวบ้านทั่วไปเรียนแล้วไม่รู้ ส่วนสายภาษาถูกมองว่าเป็นวิชาท่องจำที่ง่ายกว่าสายวิทย์ ใครไม่ชอบเลขไม่ชอบวิทย์ ก็เลือกสายภาษาแทน
อ่านกระทู้นี้แล้ว อยากให้เทพทั้งหลายที่มีพ.บ. ต่อท้าย และตามมาด้วยสาขาผู้เชี่ยวชาญเป็นตัวย่อภาษาปะกิตอีกหลายตัว กรุณาเล่าความหลังสมัยเรียนแพทย์ให้น้องๆ ลูกๆหลานๆ ฟังกัน เป็นบันทึกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่เขียนไว้ในตำรา
ได้ไหมคะ
อาจารย์ครับ
ผมอยากเล่ามาก แต่เริ่มต้นไม่ถูก
เพราะผมคิดว่ามีแพทย์ไม่กี่คนที่จะมีเรื่องราวตั้งแต่สาเหตุที่เรียนแพทย์ จนชีวิตการเรียน ชีวิตการทำงานแบบผม
เรียนแพทย์เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่มีการแนะแนวไม่รู้จะเลือกคณะอะไรตอนเอนทรานซ์
เข้าไปเรียนแล้วพบว่าสังคมนั้นไม่ใช่นิสัยเรา เลยเกเร เรียน ๘ ปี
จบแล้วดันไปเรียนต่อสาขาที่ใครๆก็บอกว่ายาก และงานหนัก กลับไปเป็นอาจารย์
ด้วยความใจร้อน เลยทะเลาะกับอาจารย์ด้วยกันจนโดนคดีอาญาร้ายแรง โดนวินัยข้าราชการ โดนคดีแพทยสภา
แต่ด้วยข้อเท็จจริง ทำให้หลุดพ้นได้ทุกกรณี
ลาออกจากราชการ เพื่อไปอยู่เอกชน โดนหักหลัง จนเป็นหมอตกงาน ต้องเปิดหนังสือพิมพ์หางานทุกวัน
ในที่สุดได้งาน รพ.เอกชน ต่างจังหวัด แต่ทำได้ไม่นาน ไม่สามารถฝืนใจทำในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าทำ เลยลาออก
กลับเข้ารับราชการอีกรอบ คราวนี้เป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช้วิชาชีพทำมาหากินนอกโรงพยาบาล
เลยโดนขอให้ช่วยงานบริหาร จนถลำลึกไปเรื่อย แต่สุดท้ายทนการถูกเอาเปรียบจากผู้ร่วมวิชาชีพไม่ได้
เลยลาออกมาอยู่หน่วยงานที่ทำงานเพื่อสุขภาพของคนไทย ๔๕ ล้านคน
