เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 26 27 [28] 29 30 ... 34
  พิมพ์  
อ่าน: 218894 “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 405  เมื่อ 22 ม.ค. 13, 23:13

ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ
บันทึกการเข้า
dantoki
อสุรผัด
*
ตอบ: 17


ความคิดเห็นที่ 406  เมื่อ 22 ม.ค. 13, 23:51

โชคดีมากครับที่ประเทศไทยไม่ต้องเป็นขี้ข้าฝรั่งพวกนี้  ไม่งั้นมันขู่เอาไปหมดแน่ ป่าไม้ เงินทอง ข้าวของมีค่า พวกนี้โจรในคราบผู้ดีชัดๆ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 407  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 07:05

ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ

ขอบพระคุณคุณ NAVARAT.C ที่ตีแผ่พม่ารบฝรั่งให้อ่านกัน ทั้งนี้ผมเคยทราบว่าอังกฤษดำเนินนโยบาย Divided and Ruled ซึ่งสยามเองก็พลอยโดนหางเลขไปกับเขาเหมือนกัน เชื่อว่าทางราชสำนักสยามเองก็รู้จากข่าวและรายงานไม่มากก็น้อยว่าเมืองนั้นพ่ายให้กับยุโรปชาติไหน เช่น จีนแพ้สงครามฝิ่น, อันนัมสิ้นแก่ฝรั่งเศส, พม่า-มลายูพ่ายอังกฤษ, แล้วก็เหลือ "สยาม"

ท่ามกลางวิกฤตต่าง ๆ ผมว่านโยบายการบริหารด้านการทูตและการต่างประเทศในยุคปลายรัชกาลที่ ๔ ถึง ต้นรัชกาลที่ ๕ เรื่อยมาจนถึงยุคมีกระทรวงการต่างประเทศนั้น น่าศึกษาวิธีการที่จะนำพาประเทศให้รอดปลอดภัย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 408  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 08:04

ข้อความนี้ ผมตัดตอนมาจากบทความที่คุณCrazyHOrse(ประทานโทษที่ขอพาดพิง)เคยลงไว้ในเน็ทนานแล้ว

ความรู้สึกแปลกแยกเกลียดชังระหว่างชนชาติพม่าและชนชาติอื่นๆ เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากความตั้งใจของอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าของอาณานิคม เพราะหากประชาชนในอาณานิคมสามารถรวมตัวเป็นปึกแผ่นและมีพลังเมื่อใด ย่อมต้องเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเจ้าอาณานิคมเมื่อนั้น ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า หนึ่งในสาเหตุแห่งความร้าวฉานระหว่างชนชาติพม่าและชนชาติอื่น ๆ คือ นโยบายแบ่งแยกและปกครองของประเทศอังกฤษตลอดระยะเวลาที่อังกฤษปกครองพม่าและชนกลุ่มน้อย

อังกฤษได้พยายามให้สิทธิในการปกครองตนเองกับชนกลุ่มน้อย และยกระดับสถานะให้เท่าเทียมหรือเหนือกว่าชาวพม่า ทางด้านรัฐฉาน อังกฤษได้รวมแคว้นต่างๆของบรรดาเจ้าฟ้าไทใหญ่ขึ้นเป็น สหพันธ์รัฐฉาน(Federated of Shan States) และจัดตั้งสภาผู้นำแห่งสหพันธ์รัฐฉาน (Federal Council of Shan Chiefs) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าฟ้าแคว้นต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ดูแลเรื่องของกิจการภายในรัฐฉาน

แต่ตลอดเวลาในการเป็นเจ้าอาณานิคม อังกฤษมีรายได้จากการขายทรัพยากรธรรมชาติในดินแดนชนกลุ่มน้อยเป็นเงินจำนวนมหาศาล โดยแบ่งปันผลกำไรส่วนหนึ่งให้เจ้าของพื้นที่บ้างเล็กน้อย อาทิเช่น อังกฤษมีรายได้จากการถลุงแร่ที่เมืองน้ำตู้ปีละ 10 ล้านปอนด์ แต่แบ่งให้ชาวไทใหญ่ไม่ถึงแสนปอนด์ นอกจากนี้ อังกฤษยังเก็บภาษีจากชาวบ้านทุกทาง เช่น ภาษีหลังคาเรือน ภาษีทำนา ทำสวน ทำไร่ สินค้า แร่ ไม้ เป็นต้น


การรีดนาทาเร้นผลประโยชน์เอาจากราษฎรเหล่านี้ อังกฤษกระทำผ่านบ๋อยชาวพม่าของตน ใครรับใช้อังกฤษได้ดีก็เรียกมาตบรางวัลให้เป็นคราวๆไป


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 409  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 08:11

เชื่อว่าทางราชสำนักสยามเองก็รู้จากข่าวและรายงานไม่มากก็น้อยว่าเมืองนั้นพ่ายให้กับยุโรปชาติไหน เช่น จีนแพ้สงครามฝิ่น, อันนัมสิ้นแก่ฝรั่งเศส, พม่า-มลายูพ่ายอังกฤษ, แล้วก็เหลือ "สยาม"

พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒



และทรงลงท้ายเป็นคำฉันท์ว่า กลัวจะป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทำให้เสียกรุง

   เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์....................มนะเรื่องบำรุงกาย
   ส่วนจิตบ่มีสบาย..........................ศิระกลุ้มอุราตรึง
   แม้หายก็พลันยาก........................จะลำบากฤทัยพึง
   ตริแต่จะถูกรึง.............................อุระรัดและอัตรา

   กลัวเป็นทวิราช                     บ่ตริป้องอยุธยา
   เสียเมืองจึงนินทา                 บ่ละเว้นฤวางวาย
   คิดใดจะเกี่ยงแก้                   ก็บ่พบซึ่งเงื่อนสาย
   สบหน้ามนุษย์อาย                 จึงจะอุดแลเลยสูญ


บันทึกการเข้า
warisa
อสุรผัด
*
ตอบ: 30


ความคิดเห็นที่ 410  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 08:24

...พูดถึงไม้สัก...เศรษฐีไม้สักพม่าเข้ามาตั้งรกรากในลำปางเยอะมากค่ะอาจารย์...ในสมัยรัชกาลที่5..ลำปางเป็นศูนย์กลางค้าไม้ของภาคเหนือ...มีบริษัทใหญ่ๆของอังกฤษร่วมกับพ่อค้าพม่าเข้ามาทำการสัมปทานป่าไม้มากมายเช่นห้างบอมเบย์เบอร์ม่า...ห้างบริติสบอร์เนียว ห้างหลุยส์ทีเลียวโนเวนส์...ทำให้ลำปางมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายรวมทั้งชาวจีนที่ได้ทำการค้าขายทั่วไปด้วย..และตอนนี้นามสกุลที่มีชื่อเสียงของคนลำปางส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายพม่าค่ะ....ที่ดิฉันพูดมาทั้งหมด..ก็ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวพันกับบริษัทค้าไม้ในพม่าช่วงอังกฤษเข้าครอบครองหรือเปล่า...เชิญท่านผู้รู้ช่วยกรุณาขยายความด้วยค่ะ....ขอบพระคุณมากค่ะ.... ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
warisa
อสุรผัด
*
ตอบ: 30


ความคิดเห็นที่ 411  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 08:37

...ขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะที่ให้ความรู้เรื่องฝรั่งรบพม่าอย่างละเอียดยิบ...รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและแทรกอารมณ์ขันให้รู้สึกเพลิดเพลิน...ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพู อาจารย์เพ็ญชมพูและอาจารย์ท่านอื่น ๆที่เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติมทำให้เนื้อหาสมบูรณ์ขึ้น...ทำให้อ่านสนุกและไม่รู้สึกเบื่อเลยค่ะ....

....อาจารย์คะ..คือดิฉันไปอ่านเรื่องท่องไปในเกาหลีเหนือในเว็บพันทิปในห้องบลูฯ...รู้สึกอินไปกับประเทศนี้...มันลึกลับและน่าค้นหา...ถ้าอาจารย์มีข้อมูลและอยากจะเขียนเกร็ดประวัติศาสตร์ให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ซึ่งด้อยทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิอย่างดิฉันหรือผู้แอบอ่าน ;)ซึ่งคิดว่ามีพอสมควรในเว็บนี้จะเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ_/|\_
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 412  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 09:25

สยามเปิดประเทศในสมัยรัชกาลที่๔ โดยการยินยอมทำสนธิสัญญาเบาวริ่งกับอังกฤษและฝรั่งชาติอื่นๆ เป็นการปลดแรงอัดที่จะระเบิดเป็นสงครามยึดเมืองขึ้นไปได้เยอะมาก เพราะฝรั่งสามารถเข้ามาทำมาค้าขาย แสวงหากำไรได้ตามปรารถนา

ไม้สักเป็นทรัพยากรอันสำคัญที่อังกฤษต้องการ เมื่อเปลี่ยนรัชกาล นายหลุยส์ โทมัส ลีโอโนแวนส์ ลูกชายของแหม่มแอนนาซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงถือเป็นเพื่อนได้ขอพระราชทานสัมปทานป่าไม้สักทางภาคเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลำปาง อดีตเมืองขึ้นของพม่า ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆที่ทำกิจการป่าไม้ในพม่าอยู่แล้ว แต่สยามก็ได้ค่าภาคหลวงเข้าแผ่นดินปีละจำนวนมาก เมื่อเทียบกับที่อังกฤษจ่ายให้เจ้าฟ้ารัฐอิสระต่างๆ ซึ่งอังกฤษตีฐานะให้เพียงผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

สมัยโน้น เมื่อโค่นไม้ลงต้นหนึ่ง ผู้รับสัมปทานจะต้องปลูกเพิ่มให้สาม และก็มิได้ให้โค่นลงทุกต้นที่เห็น แต่โค่นได้หนึ่ง เว้นสี่ เวลาออกสำรวจตีตรา เจ้าพนักงานกับผู้รับสัมปทานจะไปด้วยกัน สมมติเมื่อตีตราให้โค่นต้นแรก ก็ต้องเว้นต้นสอง สามและสี่ ไปตีตราใหม่เอาต้นที่ห้า วิธีนี้ฝรั่งชาติแถบสแกนดิเนเวียได้ใช้อยู่กับการทำป่าไม้สนในประเทศแถบโน้น เขาตัดไม้ส่งออกกันเป็นล่ำเป็นสันมาร่วมสองร้อยปี แต่มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ผิดกับบ้านเรา หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สัมปทานได้ตกมาอยู่ในมือของบรรดาอาเสี่ยหมด การตีตราไม้ก็ว่าไปตามกฎหมายแต่ภาคปฏิบัติแล้ว เจ้าพนักงานป่าไม้มีเงินจิ้มก้องให้อยู่เฉยๆ คนของเสี่ยขอยืมค้อนไปตีตราเอาเอง เรื่องปลูกกล้าไม้ทดแทนก็ลืมเสียเถิด ไม่นานป่าไม้เมืองไทยก็ร่อยหรอลงเกือบหมด มาถึงรัฐบาลน้าชาติเลยประกาศยกเลิกสัมปทานทำป่าไม้ทั่วประเทศ หวังจะรักษาป่าที่เหลือไว้ ที่ไหนได้ พอเจ้าของป่าถอย(หรือแกล้งถอย)ออกไป ขบวนการตัดไม้เถื่อนก็เข้ามาแทนที่ทันทีทันควัน คราวนี้ไม่มีกติกาอะไรคุมอีกแล้ว ผลสุดท้ายพื้นที่ป่าของไทยก็แทบราบพนาสูญ เหลือแต่บนภูเขาที่ยากในการเอาไม้ลงมา นอกนั้นพอไม้ใหญ่หมดป่าก็เผาซากทิ้งแล้วเปลี่ยนไปปลูกพืชไร่แทน วิ่งเต้นอีกนิดหน่อยรัฐก็ออกโฉนดที่ดินให้ รวยแล้วรวยอีก รวยกันไม่เลิก

บร๊ะ จะเล่าเรื่องของพม่า ไฉนเถลไถลไปเล่าเรื่องของเราเข้าละเนี่ย แล้วเรื่องเกาเหลาเกาหลีก็จะให้เล่าอะไรอีกละคร๊ะ ลุงไม่รับนิมนต์นะน้อง


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 413  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 09:33


บร๊ะ จะเล่าเรื่องของพม่า ไฉนเถลไถลไปเล่าเรื่องของเราเข้าละเนี่ย แล้วเรื่องเกาเหลาเกาหลีก็จะให้เล่าอะไรอีกละคร๊ะ ลุงไม่รับนิมนต์นะน้อง


นิมนต์เจ้าคะ.... แล้วพม่านั้นเริ่มตะหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรจะปลดแอกเป็นเอกราชจากอังฤษซะที ยินว่าก็มีอยู่ให้เห็นมาเรื่อย ๆ (เที่ยบระยะก็ราวสมัยรัชกาลที่ ๖ - ๗ ของไทย) ก็มีการประท้วง กบฏเกือก ด้วยกันอยู่เนือง ๆ คุณ NAVARAT.C สนใจเรื่องปลดแอก ไหมครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 414  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 09:44

ไม่มีพักยก เข้ามุมให้น้ำเลยเหรอ พ่อหนุ่ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 415  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 10:00

ให้ท่านพักยกสัก 2-3 นาทีเถอะค่ะ   คุณหนุ่มสยาม   เดี๋ยวท่านก็ลุกขึ้นเต้นฟุตเวิร์คได้เองแหละ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 416  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 10:33

ออยยาสุมินาไซ ซียูอะเกง

ระฆังขึ้นยกใหม่เมื่อไหร่ ผมไม่ออกมาก็ให้กรรมการนับหนึ่งถึงสิบไปเรื่อยๆนะคร้าบ
ทิวาสวัสดิ์


บันทึกการเข้า
warisa
อสุรผัด
*
ตอบ: 30


ความคิดเห็นที่ 417  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 11:10

....ไม่มีเกาหลีก็ได้ค่ะอาจารย์ ยิงฟันยิ้ม...ถ้างั้นจะรอติดตามจนถึงพม่าปลดแอกเลยนะคะ ยิ้มเท่ห์...ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ...

....อาจารย์คะ...โอยาสุมินาไซค่ะ  ยิงฟันยิ้ม....
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 418  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 13:49

อ่านกระทู้แล้วสะท้อนใจค่ะ นึกไม่ออกว่าถ้าเราตกเป็นเมืองขึ้นแล้วจะถูกบังคับขับไสกันอย่างไรบ้าง

และก็แอบท้อใจหน่อยๆ ว่า หลักการแบ่งแยกแล้วปกครองไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดมาซ้ำแล้วซ้ำอีก มีตัวอย่างให้ดูไม่รู้จักกี่ประเทศ
แถวๆ นี้ก็ยังไม่วายถูกเขาแบ่งให้เล่นกีฬาสี เล่นมาตั้งหลายปีแล้วไม่รู้จักเลิกเสียที
บันทึกการเข้า
sirinawadee
ชมพูพาน
***
ตอบ: 101


ความคิดเห็นที่ 419  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 13:59

พ่อเคยเป็นนักเรียนไฮสกูลที่ปีนัง สมัยอังกฤษยังปกครองอยู่

พ่อเล่าว่า ฝรั่งใหญ่โตมาก คนท้องถิ่นก็เกรงกันไปหมด ใครเดินมาขอให้เป็นฝรั่งเท่านั้น ทั้งจีนทั้งมาเลย์เรียก sir sir กันให้ขรม.. ฝรั่งก็วางท่าโก้รับ

มารู้เอาตอนหลังว่า ตาคนนี้ถูก Governor เชิญตัวลงเรือจากอังกฤษให้มาซ่อมโรลสรอย แกเป็นช่างซ่อมรถค่ะ .. เดินเสียคับถนน
 เจ๋ง
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 26 27 [28] 29 30 ... 34
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 20 คำสั่ง