เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 27 28 [29] 30 31 ... 34
  พิมพ์  
อ่าน: 218760 “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 420  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 16:45

อย่าว่าแต่กีฬาสีที่เล่นกันเอาเป็นเอาตายเลยครับ  เวลานี้นักวิชาการตัวเป็นไทยใจเป็นทาสยังพยายามปลูกฝังความเชื่อแก่ศิษย์ว่า ที่เราต้องเสียดินแดนในสมัย ร.ศ. ๑๑๒ เป็นเพราะความอ่อนด่อยเชิงการทูตของรัฐบาลสยามในสมัยนั้น  ทั้งยังปลูกฝังให้เชื่อว่าการที่ล้านนารวมเข้ากับสยามนั้นเป็นเพราะรัชกาลที่ ๕ ทรงหวังสูบทรัพยากรธรรมชาติจากแผ่นดินล้านนา  อยากให้ทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องพม่ารบฝรั่งของท่าน Navarat c. นี้  ช่วยกันนำไปเผยแพร่ให้มากๆ  เพื่อให้คนไทยที่มีใจเป็นทาสได้ตื่นจากความงมงายกันเสียที
บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 421  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 17:19

เข้ามาอ่านแต่ยังอ่านไม่จบครับ มัวแต่แอบอยู่หลังห้องครับ
บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 422  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 17:56

ท่านอ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วนี้ ในฐานะที่เป็นคนไทย ท่านคิดอย่างไรกันบ้างครับ


ในฐานะคนไทย ผมคิดว่าชาติตะวันตกนี่มันเลวจริงๆ มาสูบทรัพยากรเราไปบำรุงความร่ำรวยของตน กดขี่ชนพื้นเมือง   แต่นี่เป็นสิ่งที่วิถีคิดแบบชาตินิยมที่ปลูกฝังอยู่ทั้งในบทเรียนและวัฒนธรรมเราอย่างได้ผล ชวนให้เราคิดอย่างนั้น  ดังนั้นผมจะไม่มองความแตกต่างของวิถีชีวิตของชาวบ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  ไม่มองว่าชาวบ้านทั่วไปมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไร  มีอิสระเสรีที่จะทำมาหากินโดยไม่โดนเกณฑ์แรงงานมากขึ้นไหม  มีระบบยุติธรรมหรือการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือเปล่า  ดังนั้นผมจะมองเห็นแต่ข้อเสีย เห็นแต่ฝรั่งเป็นยักษ์มาร  แต่จริงๆ แล้วพอคิดให้ลึกไปอีกนิด  "พม่าแดดเดียว" ตำรับอังกฤษ กับ"พม่าทุบ" ที่สีป่อ  เมีย และแม่ยายรู้เห็นเป็นใจเอาญาติมาทุบฝังลงหลุมทั้งลูกเด็กเล็กแดงชายหญิง แบบไหนมันชั่วช้ากว่ากัน?  



เหมือนการเปิดประเทศของเราตามสนธิสัญญาเบาริ่ง  ผมจำได้แต่ว่าตอนเรียนมีแต่ความรู้สึกว่าฝรั่งมันเลว มันบังคับเรา มันมาหาผลประโยชน์ของเรา    มองไม่เห็นว่าหรือไม่ได้รับการสอนว่าแต่อย่างน้อยมันทำให้ระบบการค้าที่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มขุนนางหรือเจ้านายมันลดลงไป และเป็นที่มาของการที่เราต้องปรับปรุงประเทศอย่างขนานใหญ่  



ถ้าเอาพม่ามาเปรียบกับไทยในยุคสมัยเดียวกัน  ต้องนับว่าเราโชคดีกว่ามากที่พระมหากษัตริย์ของเรามีสายพระเนตรกว้างไกล  และมีสิ่งที่ไม่ขอใช้คำราชาศัพท์ว่าแต่ละพระองค์ทรงรู้สึกถึงภาระหน้าที่ที่จะรับผิดชอบชีวิตของราษฎรด้วย  มีทั้งพระเดชและพระคุณ  ไม่ได้เอาแต่หาความสุขสำราญแบบสีป่อ  เมีย และแม่ยาย ที่มีแต่พระเดช ทั้งที่ข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรคนของเรากับพม่าน่าจะคล้ายๆ กันมาก คือมีแต่ปริมาณ แต่ด้านความรู้แบบสมัยใหม่ที่จะเอาไปสู้ฝรั่งยังขาดแคลนมาก   ถ้ากษัตริย์ของเราและคนแวดล้อมในยุคสมัยนั้นมีแนวคิดหรือเป็นกษัตริย์แบบกษัตริย์อยุธยาสมัยราชวงศ์บ้านพลูตาหลวง   ผมคิดว่าเราคงได้อยู่ในเครือจักรภพหรือกลายเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเวียดนามในฐานะอดีตอาณานิคมด้วยกันเป็นแน่เท้  
 


ในฐานะคนยุคหลัง เรามองการเสียบ้านเสียเมืองของพม่า เรามองการรุกรานของตะวันตกในสายตาแบบคนเอเชียที่ถูกรุกราน  แต่ถ้าเราเป็นฝรั่งในเวลานั้นเราคงมองว่าเป็นความชอบธรรมของเราที่จะนำพาความเจริญไปสู่ดินแดนห่างไกล  ดังนั้นคำตอบที่แน่ชัดจึงฟันธงไม่ได้  เพราะต้องถามว่าจะมองจากมุมไหน  แต่ละมุมก็ฟังดูเข้าท่าดีทั้งนั้น  แต่ถ้าในฐานะพลเมืองโลก  ตัดความคิดเรื่องชาตินิยมออกไป  ผมมองว่าหลักๆ คือการเปลี่ยนถ่ายผู้ปกครองจากชาวพม่าด้วยกันแต่เป็นเจ้า มาเป็นอังกฤษ



นโยบายแบ่งแยกและปกครองเป็นเรื่องธรรมดามากที่ชาติที่เป็นผู้ปกครองทั้งหลายกระทำกับผู้ใต้ปกครอง ปลูกฝังความเกลียดชังระหว่างกันเพื่อให้มัวแต่ระวังรบกัน ง่ายต่อผู้ปกครองที่จะจัดการ วิธีแบบนี้ไม่ได้มีแต่อังกฤษใช้  แม้แต่รัฐบาลทหารพม่าหลังรับเอกราชก็ยังใช้  หรือแม้แต่ระบบการเมืองไทยในปัจจุบันจะเห็นภาพนี้ได้ไม่ยาก  ถ้าจะบอกว่าอังกฤษเลว ก็ต้องมองด้วยว่าหลังอังกฤษออกไปคนพม่าปกครองกันเองแล้วเป็นอย่างไร  ดีกว่าเกาหลีเหนือแค่ไหนเชียว  ย่ำแย่กว่าสมัยอยู่ใต้อังกฤษอีก


ดังนั้นสำหรับผมแม้อาจจะขัดใจหลายๆ ท่าน ก็ต้องบอกว่าผมมองผู้ปกครองชาติใดไม่สำคัญ สำคัญว่าใครสามารถทำให้วิธีชีวิตของผู้คพลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากัน  อะไรดีก็ต้องบอกว่าดีกว่า อะไรไม่ดีก็ต้องยอมรับว่าไม่ดี  จะมองแต่ข้อไม่ดีอย่างเดียวก็ออกจะอคติไป   แต่อย่างไรก็ตาม มรดกความขัดแย้งที่อังกฤษทิ้งไว้ให้จนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน เช่นความขัดแย้งระหว่างชนแต่ละชาติในพม่า หรือเรื่องที่เศร้ามากคือเรื่องพวกโรฮิงญา ที่อังกฤษขนมาทิ้งไว้ ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องประนามอังกฤษและเรียกร้องให้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย



นอกจากนี้ถ้าจะมองการรอดพ้นการเป็นเมืองขึ้นของเราว่าดีพอแล้ว  เราควรจะเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันด้วย  ในขณะที่การปรับปรุงของเรามุ่งไปที่การเลียนแบบจะให้เจริญแบบฝรั่ง แต่เพราะวิธีคิดของเราเน้นอะไรง่ายๆ สบายๆ ซื้อเค้ามาใช้แล้วก็แล้วกัน วันนี้เราจึงยังรับจ้างทำของอยู่เลย  แต่ของญี่ปุ่นเน้นว่าอะไรที่เอ็งทำได้ ตรูก็ทำเองได้เหมือนกัน และเน้นที่จะทำเอง  สุดท้ายปลายทางระดับการพัฒนาเลยต่างกัน



ปล  ท่านอาจารย์ V_Mee    ว่าพวกนักวิชาการไทยใจทาส  ผมสงสัยว่าเค้าใจเป็นทาสใครครับแต่คิดว่าไม่ใช่ฝรั่งหรอกกระมัง  แต่น่าจะเป็นพวกแอนตี้ระบบกษัตริย์มากกว่า  พวกนี้จะมองประวัติศาสตร์ทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของพระมหากษัตริย์ มองเห็นแต่ความไม่ดี  มองว่าการปรับปรุงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อเสริมความมั่นคงของอำนาจของสถาบัน  และจะมองไม่เห็นสำนึกความรับผิดชอบต่อราษฎรที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงรู้สึก  ทรงมี และทรงแสดงออกมาผ่านพระราชกรณียกิจต่างๆ มาหลายรัชกาลแล้ว
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 423  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 18:45

ยังหลับอยู่


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 424  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 22:23

ฝันไป ใครว่าไว้น้อ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 425  เมื่อ 23 ม.ค. 13, 23:11

^
โบราณท่านเรียกว่าฝันหาเรื่อง(ให้คนอื่น  ขึ้นเวทีแทน)


บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 426  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 06:36

ตอบคุณประกอบ
นอกจากนี้ถ้าจะมองการรอดพ้นการเป็นเมืองขึ้นของเราว่าดีพอแล้ว  เราควรจะเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาคล้ายๆ กันด้วย  ในขณะที่การปรับปรุงของเรามุ่งไปที่การเลียนแบบจะให้เจริญแบบฝรั่ง แต่เพราะวิธีคิดของเราเน้นอะไรง่ายๆ สบายๆ ซื้อเค้ามาใช้แล้วก็แล้วกัน วันนี้เราจึงยังรับจ้างทำของอยู่เลย  แต่ของญี่ปุ่นเน้นว่าอะไรที่เอ็งทำได้ ตรูก็ทำเองได้เหมือนกัน และเน้นที่จะทำเอง  สุดท้ายปลายทางระดับการพัฒนาเลยต่างกัน

สำหรับความเห็นข้างบนน่าจะกิดขึ้นในช่วงรับความช่วยเหลือจากต่างชาติ  ซึ่งทำให้คนไทยเราง่อยเปลี้ยเสียขา  รอรับแต่ความช่วยเหลือเพียงอย่าเดียว  ไม่คิดจะพึ่งพาตนเอง  แต่หากมองย้อนกลับในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ สมัยที่เราเริ่มเรียนรู้วิทยาการสมัยใหม่  เราจ้างฝรั่งมาคนหรือสองคนมาทำแผนที่และให้ให้สอนคนไทยให้รู้จักทำแผนที่  จนเราสามารถทำแผนที่ใช้เองได้  เราจ้างฝรั่งเยอรมันมาขุดอุโมงค์ขุนตาลและเดินรถไฟสายเหนือ  จ้างอังกฤษมาทำทางรถไฟสายใต้  พอประกาศสงครามโลกครั้งที่ ๑ เราจับวิศวกรเยอรมัน  และให้ทหารช่างขุดอุโมงค์ขุนตาลจนสำเร็จ  ทั้งยังรวมกรมรถไฟสายเหนือสายใต้เป็นกรมรถไฟหลวง  จนฝรั่งชาติอังกฤษมานั่งรถไฟไทยและกลับไปเขียนชมว่านั่นรถไฟไทยน้ำในแก้ราบเรียบไม่มีกระฉอก  แต่พอเข้าเขตมมลายาก็รู้เลยเพราะน้ไในแก้วเริ่มกระฉอกไปมา  เรามาหยุดเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีกันเมื่อไร  นักวิชาการประวัติศาสตร์ท่านคงรู้ดีแต่คร้านที่จะเอ่ยถึง

ปล  ท่านอาจารย์ V_Mee    ว่าพวกนักวิชาการไทยใจทาส  ผมสงสัยว่าเค้าใจเป็นทาสใครครับแต่คิดว่าไม่ใช่ฝรั่งหรอกกระมัง  แต่น่าจะเป็นพวกแอนตี้ระบบกษัตริย์มากกว่า  พวกนี้จะมองประวัติศาสตร์ทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของพระมหากษัตริย์ มองเห็นแต่ความไม่ดี  มองว่าการปรับปรุงพัฒนาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อเสริมความมั่นคงของอำนาจของสถาบัน  และจะมองไม่เห็นสำนึกความรับผิดชอบต่อราษฎรที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงรู้สึก  ทรงมี และทรงแสดงออกมาผ่านพระราชกรณียกิจต่างๆ มาหลายรัชกาลแล้ว

ในประเด็นนี้ก็คงจะเป็นเพราะพวกนักวิชาการตัวเป็นไทยใจเป็นทาสนี้ไปร่ำเรียนมาจากชาติตะวันตก  ที่พระมหากษัตริย์ของชาติเหล่านั้นเคยกดขี่ข่มเหงราษฎรของตนไว้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ให้ได้ศึกษาเล่าเรียนกัน  เมื่อนักวิชาการไทยแต่ตัวพวกนั้นไปร่ำเรียนมาก็คิดว่ากษัตริย์และขุนนางไทยจะต้องกดขี่ราษฎรเหมือนพวกตะวันตก  โดยไม่นึกเฉลียงเสียบ้างว่า อะไรที่ดีสำหรับตะวันตก  ไม่จำเป็นที่จะต้องดีหรือเหมาะสมสำหรับบ้านเราเสมอไป  เราจำต้องรับมาและประยุกต์ให้เหมาะสมแก่บ้านเรา 
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 427  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 08:30

ในฐานะคนยุคหลัง เรามองการเสียบ้านเสียเมืองของพม่า เรามองการรุกรานของตะวันตกในสายตาแบบคนเอเชียที่ถูกรุกราน  แต่ถ้าเราเป็นฝรั่งในเวลานั้นเราคงมองว่าเป็นความชอบธรรมของเราที่จะนำพาความเจริญไปสู่ดินแดนห่างไกล  ดังนั้นคำตอบที่แน่ชัดจึงฟันธงไม่ได้  เพราะต้องถามว่าจะมองจากมุมไหน  แต่ละมุมก็ฟังดูเข้าท่าดีทั้งนั้น  แต่ถ้าในฐานะพลเมืองโลก  ตัดความคิดเรื่องชาตินิยมออกไป  ผมมองว่าหลักๆ คือการเปลี่ยนถ่ายผู้ปกครองจากชาวพม่าด้วยกันแต่เป็นเจ้า มาเป็นอังกฤษ.......

ดังนั้นสำหรับผมแม้อาจจะขัดใจหลายๆ ท่าน ก็ต้องบอกว่าผมมองผู้ปกครองชาติใดไม่สำคัญ สำคัญว่าใครสามารถทำให้วิธีชีวิตของผู้คพลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่ากัน  อะไรดีก็ต้องบอกว่าดีกว่า อะไรไม่ดีก็ต้องยอมรับว่าไม่ดี  จะมองแต่ข้อไม่ดีอย่างเดียวก็ออกจะอคติไป   แต่อย่างไรก็ตาม มรดกความขัดแย้งที่อังกฤษทิ้งไว้ให้จนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน เช่นความขัดแย้งระหว่างชนแต่ละชาติในพม่า หรือเรื่องที่เศร้ามากคือเรื่องพวกโรฮิงญา ที่อังกฤษขนมาทิ้งไว้ ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องประนามอังกฤษและเรียกร้องให้เข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย

เรื่องความชอบธรรมที่จะนำความเจริญมาสู่ดินแดนไกล คงไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของพวกจักรวรรดินิยมดอก เป็นเพียงข้ออ้างที่สวยหรู  หากต้องการนำความเจริญมาโดยแท้จริง รูปแบบของมิชชันนารีฝรั่งในเมืองไทยน่าสรรเสริญกว่ามาก

ส่วนเรื่องผู้ปกครองเป็นชาติใดไม่สำคัญ เป็นหลักการที่สวยหรูอีกเช่นกัน ทุกคนมีความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าฝรั่ง พม่า หรือ ไทย  
 
อังกฤษปกครองพม่าก็เพื่อประโยชน์ของอังกฤษ พม่าปกครองเชียงใหม่ก็เพื่อผลประโยชน์ของพม่า ไทยปกครองเขมรก็เพื่อผลประโยชน์ของไทย

อังกฤษเอากุ้งฝอยมามอบให้ หลังจากเอาอวนกวาดปลากะพงไปหมดทะเลแล้ว      สิ่งสำคัญคือทรัพยากรของประเทศนั้นๆไม่ว่าในน้ำหรือบนดิน  ในปราสาทราชวังหรือตามเมืองตามหมู่บ้าน   โดนดูดไปเพิ่มความมั่งคั่งให้นายอย่างไม่อั้น    เหลือไว้แต่ความกระจอกงอกง่อยให้อยู่กันไป  

เห็นด้วยกับที่คุณเทาชมพูว่า

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 428  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 08:32


ในฐานะคนไทย ผมคิดว่าชาติตะวันตกนี่มันเลวจริงๆ มาสูบทรัพยากรเราไปบำรุงความร่ำรวยของตน กดขี่ชนพื้นเมือง   แต่นี่เป็นสิ่งที่วิถีคิดแบบชาตินิยมที่ปลูกฝังอยู่ทั้งในบทเรียนและวัฒนธรรมเราอย่างได้ผล ชวนให้เราคิดอย่างนั้น  ดังนั้นผมจะไม่มองความแตกต่างของวิถีชีวิตของชาวบ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  ไม่มองว่าชาวบ้านทั่วไปมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเลวลงอย่างไร  มีอิสระเสรีที่จะทำมาหากินโดยไม่โดนเกณฑ์แรงงานมากขึ้นไหม  มีระบบยุติธรรมหรือการดูแลรักษาความปลอดภัยมากขึ้นหรือเปล่า  ดังนั้นผมจะมองเห็นแต่ข้อเสีย เห็นแต่ฝรั่งเป็นยักษ์มาร  แต่จริงๆ แล้วพอคิดให้ลึกไปอีกนิด  "พม่าแดดเดียว" ตำรับอังกฤษ กับ"พม่าทุบ" ที่สีป่อ  เมีย และแม่ยายรู้เห็นเป็นใจเอาญาติมาทุบฝังลงหลุมทั้งลูกเด็กเล็กแดงชายหญิง แบบไหนมันชั่วช้ากว่ากัน?  

เมื่อวานนี้ไม่ว่างเลยทั้งวัน  วันนี้มีเวลาจีบพลู เคี้ยวหมากตั้งแต่เช้า เลยขึ้นเวที มาช่วยคุณ V_Mee รุมเด็กชายประกอบ 2 ต่อ 1  สานฝันสไตล์นวรัตนดอทซี ให้จบ  เผื่อท่านจะใจอ่อนทำตามคำขอของแฟนานุแฟนขึ้นมาบ้าง

พ่อประกอบถามเรื่องเลวสองเรื่องว่าอย่างไหนเลวกว่ากัน   ฉันว่ามันเหมือนพ่อประกอบถามว่าให้เลือกว่าจะถูกตีหัวแตกกระโหลกร้าวกับตีซี่โครงหักหลายซี่   จะเลือกเอาอย่างไหน            มันก็แย่ทั้งสองอย่างละพ่อเอ๋ย     พ่อจะเอาอะไรมาวัดขนาดกว้างยาวลึกของความชั่วที่พม่าทำกับชาวบ้านอังกฤษ  กับพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตทำกับญาติๆ     แต่ถ้าให้ฉันวัดโดยเอาปริมาณและผลกระทบต่อประชาชนเป็นเกณฑ์   ฉันว่าพม่าแดดเดียวเลวกว่า   เพราะมันเป็นการกระทำในวงกว้างกว่ามาก  
ชาวบ้านไหนๆทั่วประเทศที่จับอาวุธขึ้นปกป้องแผ่นดิน  เขาก็อยู่ในข่ายโดนย่างทั้งเป็น    แล้วยังเป็นการเชือดไก่ให้ลิงประชาชนดู จนหวาดสยองไม่กล้าหือ  ก่อให้เกิดบรรยากาศของยุคสยองขวัญขึ้นในความรู้สึกของประชาชนทั่วไป   กดหัวประชาชนลงติดดินไม่ให้โงหัวขึ้น      ส่วนทุบลงหลุมนั้น เขาทำกันเฉพาะกลุ่มในครอบครัวเขา    พระเจ้าสีป่อไม่ได้ตามมาทุบราษฎรในเมืองต่างๆทั่วไปหมดนี่จ๊ะ  

ถ้าฉันต้องเกิดเป็นชาวบ้านสามัญชนไร้เชื้อสายในสมัยนั้นแล้วเลือกได้ว่าจะอยู่กับพระเจ้าสีป่อหรืออยู่กับอังกฤษ   ฉันก็อยู่กับพระเจ้าสีป่อดีกว่า  อย่างน้อยก็หายใจทั่วท้องว่าตื่นมาไม่ตายแน่    แต่ถ้าอยู่กับอังกฤษ ตื่นมาก็ไม่รู้ว่าจะหายใจไปได้กี่นาที   เพราะถึงฉันไม่ได้ต่อต้าน  แต่จู่ๆทหารแขกลูกน้องฝรั่งเข้ามาชี้หน้าว่าลุงของพี่เขยของน้องสะใภ้ของลูกเมียเก่าของสามีฉันถูกหาว่าเป็นดาค้อยท์   ให้เอาญาติใหญ่น้อยไปประหารให้หมด    ฉันก็มีสิทธิ์อาบแดดเดียวกันวันนั้นเอง โดยไม่มีสิทธิ์เถียงซักคำ

ว่าแต่พ่อประกอบจะไปแดดเดียวกะฉันด้วยไหม    ทหารแขกเค้าให้สิทธิ์ซัดทอดได้ด้วยนะเออ  จะได้ไปเป็นเพื่อนกันไงล่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 429  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 08:35

โพสต์เสร็จเพิ่งเห็นค.ห.ของคุณเพ็ญชมพู  เป็นอันว่าคุณประกอบเจอ 3 ต่อ 1  เห็นจะต้องสวมวิญญาณจา พนม ซะละมังคะ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 430  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 09:57

เรื่อง "พม่าแดดเดียว" เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความโหดร้ายของทหารอังกฤษเท่านั้น  มีอีกตัวอย่างความโหดร้ายของทหารอังกฤษมานำเสนอ

ในวันที่ ๓๐ มกราคม ค.ศ. ๑๘๘๙ กองกำลังฝ่ายอังกฤษหน่วยหนึ่งเข้าโจมตีหมู่บ้านเหว่ตอน (Hweton) ทางภาคใต้ของกามายง์ (รัฐกะฉิ่น) ทหารอังกฤษเริ่มต้นด้วยการเผาข้าวเปลือกที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวมากองไว้ และเมื่อยึดหมู่บ้านได้ ก็เผาทำลายหมู่บ้านทิ้งก่อนที่จะถอนกำลังออกไป สองวันต่อมา ขณะที่ชาวบ้านกำลังชุมนุมกันอยู่ใกล้ ๆ หมู่บ้านที่ถูกเผาไปนั้น กองทหารอังกฤษจำนวนหนึ่งบุกกลับเข้าไปยังหมู่บ้านที่เพิ่งถูกเผาทำลายไปแห่งนั้น และลงมือสังหารทั้งคนแก่และเด็ก ผู้ชายและผู้หญิง รวมทั้งหมดแล้ว มีหมู่บ้านถึง ๔๖ หมู่บ้าน ๖๓๙ ครัวเรือน ข้าวเปลือกน้ำหนักประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ กิโลกรัม และวัวควายอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกทำลายลงไปในระหว่างปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้

จาก หนังสือพม่ากับการต่อต้านจักรวรรดินิยมอังกฤษ ค.ศ. ๑๘๘๕-๑๘๙๕ เขียนโดย นินิเมียนต์ หน้า ๑๔๙-๑๕๐

พม่าหรือไทยคงไม่ชอบ หากอังกฤษนำความเจริญมาให้ด้วยวิธีนี้


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 431  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 10:24

อ่านแล้วนึกถึงปฏิบัติการณ์ของทหารอเมริกันที่ทำต่อชาวเวียตนามในหมู่บ้าน  My Lai  ในยุคสงครามเวียตนาม
http://www.pbs.org/wgbh/amex/vietnam/trenches/my_lai.html
เคยอ่านนิตยสารที่มีคนถ่ายรูปเหตุการณ์นี้ไว้อย่างละเอียด (ก็คงทหารอเมริกันที่บุกเผาทำลายและสังหารหมู่นั่นแหละ)  เป็นภาพน่าสะอิดสะเอียนที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 432  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 10:25

อังกฤษปกครองพม่าก็เพื่อประโยชน์ของอังกฤษ

ในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๘๖ ลอร์ดดัฟเฟอรินและคุณหญิง พร้อมด้วยเสนาบดีต่างประเทศ มหาดไทย และกลาโหมของรัฐบาลอินเดีย เดินทางมาถึงมัณฑะเลย์เพื่อศึกษาสถานการณ์ก่อนที่จะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในปัญหาที่เกี่ยวกับชะตากรรมของพม่า การตัดสินใจครั้งนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกทางราชการของลอร์ดดัฟเฟอริน ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๘๖ ที่เขียนขึ้นระหว่างยังอยู่ที่มัณฑะเลย์ ในบันทึกข้อความฉบับนี้ เขาได้เสนอแนะว่า

ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่าการผนวกพม่าเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ และทำการปกครองดินแดนแห่งนี้โดยตรงโดยข้าราชการอังกฤษ เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะประกันความสงบสุขและความรุ่งเรืองของบริเวณพม่าตอนบน รวมทั้งผลประโยชน์ของจักวรรดิและผลประโยชน์ทางธุรกิจของเรา

ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พม่าจึงถูกผนวกเข้าอยู่ในอาณานิคมอินเดียของอังกฤษ และในวันที่ ๑ มีนาคม ก็มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งของอาณานิคมแห่งนี้

ข้อมูลจากหนังสือเล่มเดียวกัน

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 433  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 12:27

ไม่ได้มาช่วยรุมคุณประกอบหรอกครับ แต่เข้ามาเติมเต็มข้อมูลที่ผมลงไปแล้ว
อ้างถึง
อังกฤษทำแสบอะไรไว้

อังกฤษเอาชนชาติต่างๆมาฝึกอาวุธ แล้วบรรจุเป็นตำรวจที่ปฎิบัติการเช่นทหาร เพื่อส่งไปประจำการในเขตต่างชนชาติกัน เพื่อประโยชน์ในการปกครองของอังกฤษผู้เป็นนาย พวกนี้เป็นศัตรูกันมาแต่เดิม จึงได้กระทำการที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกันยิ่งขึ้น  จนรู้สึกว่าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อย่าว่าแต่จะรวมเป็นประเทศเดียวกันเลย

อังกฤษยืมมือบ๋อยชาวพื้นเมืองในนามของตำรวจ เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูของอังกฤษหรือศัตรูของพวกตน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 434  เมื่อ 24 ม.ค. 13, 12:45

กองกำลังของไทใหญ่ในรัฐฉานที่อังกฤษเห็นว่าเป็นนักรบโดยธรรมชาติ เอามาฝึกและติดอาวุธให้ อรรถาธิบายผ่านสื่อไปยังคนอังกฤษในเมืองแม่ว่า "เลี้ยงโจรไว้จับโจร" (set a thief to catch a thief)

ว๊าว นี่คือทฤษฏีอมตะ เดี๋ยวนี้ตำรวจแถวนี้ยังใช้กันอยู่เลย


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 27 28 [29] 30 31 ... 34
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 19 คำสั่ง