เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 34
  พิมพ์  
อ่าน: 217985 “พม่ารบฝรั่ง” บทสุดท้ายของ “มาดูรูปพิธีกรรมสำเร็จโทษเจ้านายในพม่ากัน”
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 165  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 15:39

เตรียมตัวเสด็จออกจากพระราชวัง

ภาพวาดฝีมือจิตรกรพม่า Saya Chone



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 166  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 17:53


^
^
ผมวัดในกูเกลแมปแล้ว จากประตูวังไปถึงริมแม่น้ำ เดินแบบลัดสั้นยังสามกิโลเมตรกว่า ถ้าให้เดินเท้าไปจริงๆ ดนตรีของผมสงสัยต้องให้บรรเลงเพลงพญาโศก



บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 167  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 18:05

มายกมือถามซ้ำกับอาจารย์หมอ Visitna อีกคนค่ะ  
สงสัยตะหงิดๆตั้งแต่ตอนทหารอังกฤษเดินเรือเข้ามาอย่างสะดวกง่ายดายเหมือนไปปิคนิค   ผ่านเมืองไหน ทหารพม่าเมืองนั้นแค่เห็นก็หนีญะญ่ายพ่ายจะแจตั้งแต่อังกฤษยังไม่ทันกวักมือเรียกให้มาสู้กันด้วยซ้ำ


กองเรือรบได้ยาตราผ่านเมืองปาท่องโก๋ Pakokko ในวันที่๒๔ ข่าวว่าที่นั่นมีทหารจากมัณฑเลย์ประมาณ๑๐๐๐นายถูกส่งมารักษาการ แต่ทหารพวกนี้ก็หลบเอาตัวรอดไปแล้วในทันทีที่เห็นกองเรือขนาดมหึมาโผล่คุ้งน้ำเข้ามา บ่ายคล้อยของวันนั้นเองกองเรือก็เข้าสู่เขตเมืองสำคัญที่ตั้งควบคุมบริเวณที่แม่น้ำสำคัญสองสาย คืออิระวดีกับชินวินมาบรรจบกัน ชื่อว่าเมืองเมียงยาน รายงานของอังกฤษระบุว่าพม่าได้มาตั้งค่ายทหารรออยู่
เหตุผลอย่างหนึ่งที่คุณนวรัตนเคยให้ไว้ ในค.ห.ไหนจำไม่ได้ว่า ชาวบ้านพม่าไม่ได้มีความรู้สึกจงรักภักดีต่อพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน    เพราะฉะนั้นก็ไม่คิดจะลุกฮือขึ้นสู้อังกฤษ
แต่จากบันทึกฝรั่งที่ให้ไว้    การยึดพม่านั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก   ทำให้นึกสงสัยจริงๆว่าวิญญาณทรหดของทหารพม่าสมัยอลองพญาและมังระ ที่ปักหลักล้อมกรุงศรีอยุธยาจนน้ำท่วมขนาดไหนก็ไม่ถอนทัพ  ล้อมอยู่เป็นปีๆ จนยิงปืนใหญ่เอาไฟสุมรากกำแพงจนพัง เข้ากรุงของเราได้     ความแข็งแกร่งของพวกนี้หายไปไหนกันหมด?

อ้อ  ยังสะดุดใจกับพวกดาค้อยท์ด้วยค่ะ  ขนาดเป็นกองโจรกระจัดกระจายกันไปไม่รวมเป็นทัพใหญ่  อังกฤษยังต้องปราบอีกตั้ง 3 ปี?

คำถามของท่านอาจารย์ข้อนี้น่าจะคล้ายกับเหตุการณ์ที่เรือรบฝรั่งเศสรุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาในเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ที่เล่ากันว่า ชาวสยามก็แห่กันไปดูเรือรบฝรั่งเศสด้วยเป็นของแปลก  ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
แต่ชาวสยามที่ป้อมพระจุลจอมเกล้ายิงสู้กับเรือรบฝรั่งเศสนั้นก็เพราะมีนายทหารเรือสัญชาติเดนมาร์คเป็นผู้บัญชาการรบ  ลำพังคนไทยเราด้วยกันเองก็คงจะเป็นแบบเดียวกับพม่า  เพราะเราไม่เคยรบด้วยกองเรือแบบยุโรปมาก่อนครับ  และนี่จึงน่าจะเป็นเหตุสำคัญที่มำให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงสั่งสอนคนไทยให้รักชาติผ่านบทละครและพระราชนิพนธ์ต่างๆ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 168  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 19:57

ตำหนักของพระนางศุภยลัต ที่ฝรั่งทำเป็นภาพลายเส้นไว้ ภายหลังจากยึดเมืองได้แล้ว ก็แปลงตำหนักนี้เป็น English Club ครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 169  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:47

เมื่อได้ข่าวว่ากษัตริย์พม่ายอมรับความปราชัยอย่างสมบูรณ์แบบ กองเรือรบอังกฤษที่ทอดสมออยู่ที่อ่าวหน้าเมืองแรงกูนก็ยิงสลุตแสดงความยินดีฉลองชัยชนะไปก้องดินฟ้ามหาสมุทร


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 170  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:52

มันเป็นช่วงฤดูหนาวในมัณฑเลย์ที่แสงสุริยะจะหม่นลงแต่ก่อนค่ำ แต่ฝูงชนที่รู้ข่าวก็จะพากันมายืนเบียดเสียดยัดเยียดระหว่างเส้นทางที่พระเจ้าเหนือหัวของตนจะเสด็จจากไปโดยไม่มีวันกลับ แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญคือเขาอยากจะเห็นหน้าเจ้าชีวิตของเขาสักครั้งหนึ่ง ราษฎรพม่าไม่เคยเลยทีโอกาสได้เห็นพระองค์และพระองค์ก็ไม่เคยอยากจะเห็นพวกเขา คราวนี้จะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เห็นด้วยความเอื้อเฟื้อของคนอังกฤษ

๑๘.๑๕นาฬิกาโดยประมาณ ฟ้ามืดแล้วพระเจ้าสีป่อและผู้ตามเสด็จได้มาถึงเรือสูรียะ Thooreah (เขามีวงเล็บไว้ว่า"the Sun" อย่างนี้ก็ง่ายกับผมหน่อย) และได้รับการเชิญเสด็จขึ้นไปยังห้องที่ประทับอย่างเรียบร้อย ขิ่นหวุ่น มิงจีและเสนาบดีผู้ใหญ่กับองคมนตรีรวมกันอีก๕คนได้ตามเสด็จด้วย ท่านผู้มีเกียรติเหล่านี้พอถึงแรงกูนก็ถวายบังคมลา หามีใครยอมไปอินเดียกับพระองค์ไม่แม้แต่คนเดียว


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 171  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:53

คืนนั้น เรือยังจอดนิ่งอยู่ที่ท่า ครั้นรุ่งเช้าจึงได้จุดไฟเร่งไอน้ำ เมื่อได้ที่ก็เปิดหวูดเคลื่อนตัวล่องใต้ โดยมีเรือกลไฟอีกสองลำ บรรทุกทหารราบสองกองร้อยติดตามอารักขา


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 172  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:54

ไม่ว่าจะผ่านเมืองใด ราษฎรพม่าก็จะพากันมาคอยดูโดยอาการสงบ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 173  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:58

ขณะเรือผ่านเมืองแปร ในเขตพม่าใต้ของอังกฤษ ไม่ไกลจากแรงกูนเมืองหลวง


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 174  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 20:59

๑ ธันวาคม

พระเจ้าสีป่อไม่มีโอกาสที่จะประทับพระบาทลงบนแผ่นดินที่เคยเป็นของพระองค์อีก เมื่อถึงแรงกูนเรือกลไฟพระที่นั่งไปล่องเลยออกสู่ปากอ่าว และเข้าเทียบเรือเดินสมุทรที่ทอดสมอรออยู่ เมื่อนำเสด็จลงเรือใหญ่และถ่ายผู้ติดตามตลอดจนขนสัมภาระเรียบร้อยก็ทำการถอนสมอ ออกเดินทางมุ่งสู่มัดราส


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 175  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 21:03

เมื่อเสด็จขึ้นฝั่งที่อินเดีย พระเจ้าสีป่อและพระราชินีทั้งสองของพระองค์ก็สิ้นสุดการเดินทางไกลที่เมืองรัตนคีรี และยังอยู่ในฐานะนักโทษกักบริเวณของรัฐบาลอังกฤษจนกระทั้งเสด็จสวรรคต

ติดตามต่อที่กระทู้นี้ครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2700.30


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 176  เมื่อ 08 ม.ค. 13, 21:06

กระทั่งตอนเย็น กองทัพอังกฤษนำพระเจ้าสีป่อกับพระมเหสีศุภยาลัตลงเรือไปเมืองย่างกุ้งแล้ว ประชาชนก็ยังไม่รู้ว่าเสียแผ่นดินไปแล้ว คิดแต่เพียงว่าเดี๋ยวพระเจ้าญองรัม (เจ้าชายนยองยาน) ก็ขึ้นครองราชย์แทน แม้แต่เกงหวุ่นเมงจี ก็ยังเชื่อแบบนั้น และตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าการจับพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตนั้นเป็นการวางแผนของตนเอง แต่เสนาบดีมารู้ภายหลังว่าเสียรู้อังกฤษเสียแล้ว เพราะบุคคลที่แต่งกายเป็นเจ้าชาย และนั่งมากับเรืออังกฤษนั้น ไม่ใช่เจ้าชายญองรัม แต่อย่างใด เป็นเพียงล่ามภาษา ชาวเมาะละแหม่งชื่อว่านายบะตัน

ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการณ์หลอกลวงของรัฐบาลอังกฤษทั้งนั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าญองรัมสวรรคตไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตามการบันทึกของพระธิดาพระเจ้าญองรัม นามว่าเจ้าหญิงถิปตินมะจี ได้กล่าวว่าพระเจ้าญองรัมสวรรคตที่เมืองกัลกัตต้า เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.  ๒๔๒๘ ขณะพระชนมายุได้ ๓๘ พรรษาเท่านั้น ในขณะที่อังกฤษยกทัพขึ้นมัณฑเลย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังพระเจ้าญองรัมสวรรคตไปแล้วประมาณ ๖ เดือน

หากวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมาโดยยึดตามข้อเท็จจริงที่มีการบันทึกไว้ จะพบว่าผู้ดีอังกฤษนั้นไม่ได้เป็นผู้ดีอย่างที่กล่าวอ้างเลย ในการรบกับพม่านั้น คุณภาพของอาวุธ ความยิ่งใหญ่ของกองทัพ รวมไปถึงกำลังทหารของอังกฤษเหนือชั้นกว่าพม่ามาก แต่วิธีการรบนั้นสกปรกจริง ๆ

การยึดประเทศพม่าไม่ได้มีสาเหตุมาจากการที่พระเจ้าแผ่นดินพม่ากินเหล้าเมายา ทำร้ายราชานุวงศ์ ทำร้ายประชาราษฎร์ รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่มัณฑะเลย์ รวมไปถึงการที่พม่าไม่ยอมเจรจาสงบศึกกับรัฐบาลอังกฤษ ดังที่อังกฤษกล่าวหาแต่อย่างใด และอังกฤษยังลงข่าวผิด ๆ ดังกล่าวในหนังสือพิมพ์ที่ประเทศอินเดีย และอังกฤษด้วย 

ในหนังสือ A Lord Randolf Churchill เขียนโดยวินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวในหนังสือหน้าที่ ๕๑๗ อย่างชัดเจนว่า “เตรียมทัพยึดประเทศพม่าโดยด่วน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสแทรกแซงขัดขวางผลประโยชน์ของรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า” จะเห็นว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการเปิดศึกกับพม่า ด้วยต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ทำเป็นอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา และโยนความผิดให้พม่า

หมายเหตุ ในสมัยนั้นลอร์ดรันดอล์ฟเชอร์ชิลเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเลขาธิการรัฐอินเดีย (Lord Randolf Churchill, Secretary for the State of India) การบันทึกของนายเชอร์ชิลสอดคล้องกับข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ และประเทศอินเดียว่าลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Arls Dufferin, Chief Governor) ส่งรายงานรัฐบาลอังกฤษทางโทรเลขว่า ณ เวลานี้มีเหตุการณ์สมควรยึดประเทศพม่าโดยการเปิดศึก เพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่าปฏิเสธการขอเจรจาคดีป่าไม้อย่างสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงรัฐบาลพม่าพยายามประนีประนอม โดยให้คำตอบไปว่า รัฐบาลพม่ายกเลิกค่าปรับจำนวนเงินสองล้านสามแสนรูปีให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มา
 
จาก พันทิป-พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่า"บันทึก

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 177  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 06:27

^
เรื่องที่คุณเพ็ญโยงไว้ข้างบนนี้ คนที่เป็นคอพม่าตัวจริงเสียงจริงต้องอ่านนะครับ นั่นน่ะ ความรู้เนื้อๆ

ผมอ่านแล้วก็เสียดายบรรยากาศของการเล่นกระทู้ในครั้งกระโน้น จะเห็นว่ามีผู้เข้ามาร่วมแสดงความเห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่คิดว่าตนรู้มากหรือรู้น้อย ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้หายไปไหนกันหมดแล้ว

อ้างถึง
จำได้ว่า ในระหว่างที่เชิญออกจากวังและไปขึ้นเรือนั้น อังกฤษให้ท่านเดินด้วยพระบาท แต่ท่านไม่ยอมจึงต้องหารถเทียมวัวกันให้วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง จนหาระแทะได้ท่านจึงเสด็จขึ้นประทับ (พม่าเสียเมือง)

ผมไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับพม่าเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน บังเอิญมีข้อความตอนหนึ่งว่า "พระเจ้าสีป่อทรงขออนุญาตที่จะออกจากวังโดยการทรงช้าง หรือขึ้นวอตามพระเกียรติยศ แต่แม่ทัพอังกฤษซึ่งต้องการหยามหน้ากษัตริย์พม่า ได้จัดรถกูบ(ดล้ายเกวียน)เทียมวัวสองตัวมาให้กษัตริย์และพระราชินีทรงออกจากวัง"

จึงเอามาฝากไว้
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 178  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 07:44

กระทู้พม่าเสียเมือง ฉบับ"คนพม่าบันทึก"ของคุณAliz in Wonderlandถูกนำมาฉายใหม่ในกระทู้ของผมโดยคุณเพ็ญชมพูถูกที่ถูกเวลาจริงๆ เพราะภาพชุดต่อไปผมจะนำเสนอตอนที่ลอร์ดดัฟฟริน อุปราชอังกฤษประจำอินเดีย(Viceroy of India) ผู้ซึ่งเสมือนพระเจ้าเหนือหัวองค์ใหม่เสด็จเหยียบเมืองมัณฑเลย์ เมืองขึ้นใหม่เอี่ยมป้ายแดงที่เพิ่งนำเข้ามาผนวกในอาณานิคมอันยิ่งใหญ่ในเอเซียที่อังกฤษภูมิใจหนักหนา

ลอร์ดดัฟฟรินคือใคร คุณAliz in Wonderlandได้แนะนำไว้ว่า

“ในหนังสือ A Lord Randolf Churchill เขียนโดยวินสตัน ชาร์ชิล (Winston Churchill) ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวในหนังสือหน้าที่ 517 อย่างชัดเจนว่า “เตรียมทัพยึดประเทศพม่าโดยด่วน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสแทรกแซงขัดขวางผลประโยชน์ของรัฐบาลอังกฤษในประเทศพม่า” จะเห็นว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการเปิดศึกกับพม่า ด้วยต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น แต่ทำเป็นอ้างเหตุผลต่างๆนาๆและโยนความผิดให้พม่า

หมายเหตุ ในสมัยนั้นลอร์ดรันดอล์ฟเชอร์ชิลเป็นข้าราชการ ตำแหน่งเลขาธิการรัฐอินเดีย (Lord Randolf Churchill, Secretary for the State of India) การบันทึกของนายเชอร์ชิลสอดคล้องกับข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งตีพิมพ์ในประเทศอังกฤษ และประเทศอินเดียว่าลอร์ดดัฟฟรินซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ (Lord Arls Dufferin, Chief Governor) ส่งรายงานรัฐบาลอังกฤษทางโทรเลขว่า ณ เวลานี้มีเหตุการณ์สมควรยึดประเทศพม่าโดยการเปิดศึก เพราะพระเจ้าแผ่นดินพม่าปฏิเสธการขอเจรจาคดีป่าไม้อย่างสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงรัฐบาลพม่าพยายามประนีประนอม โดยให้คำตอบไปว่า รัฐบาลพม่ายกเลิกค่าปรับจำนวนเงินสองล้านสามแสนรูปีให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มา”


นี่คือพ่อผู้ดีรูปหล่อที่ห่อหุ้มตัวตนแท้จริงซึ่งเป็นโจรปล้นเมืองระดับหัวหน้าผู้ก่อการร้ายสากล


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 179  เมื่อ 09 ม.ค. 13, 08:43

ก่อนจะเดินหน้า ผมขอเข้าเกียร์ถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเอาภาพแจ่มๆตอนที่นายพลเพรนเดอกาสต์เข้าเฝ้าพระเจ้าสีป่อมาลงให้ใหม่


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 34
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 19 คำสั่ง