ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 01 ธ.ค. 12, 17:16
|
|
ก่อนจะไปสมัยอลิซาเบธ ต้องย้อนไปในสมัยแมรี่อีกซักนิด
เมื่อขึ้นครองราชย์ แม่รี่เป็นสาวใหญ่วัย 37 แล้ว ไม่ใช่เอ๊าะๆ อีกต่อไป และสิ่งที่จำเป็นสำหรับกษัตริย์สมัยนั้นคือรัชทายาท ถ้าแมรี่ไม่มีรัชทายาท เมื่อสิ้นเธอแล้วบังลังก์จะต้องตกเป็นของน้องสาวต่างมารดา ซึ่งนับถือศาสนาต่างนิกายกัน แมรี่ไม่ต้องการเช่นนั้น ดังนั้นเมื่อขึ้นเป็นราชินีแล้ว แมรี่ก็ต้องเลือกเฟ้นหาเจ้าบ่าวทันที ถ้ายิ่งช้า โอกาสจะมีบุตรจะยิ่งเลือนลาง
แมรี่มีตัวเลือกหลายตัวเลือก ทั้งตัวเลือกที่เป็นขุนนางอังกฤษเอง หรือบรรดากษัตริย์เจ้าชายจากอาณาจักรหรือราชวงศ์อื่นๆ ข้อเสนอที่น่าสนใจมาจากกษัตริย์ชาร์ลที่ 5 แห่งสเปน เสนอตัวลูกชายคือเจ้าชายฟิลิปแห่งสเปน ส่งภาพที่วาดโดยศิลปินเอกของโลกคือไตตันมาให้ทอดพระเนตร แมรี่เห็นภาพแล้วก็บอกโอเลย ตัดสินใจจะเลือกฟิลิปเป็นพระสวามี แต่ทางขุนนางอังกฤษและสภาต่างไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ พยายามชักจูงแมรี่ให้เปลี่ยนใจ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมีทั้งพวกที่กลัวอิทธิพลของสเปน และพวกที่กลัวอำนาจของคาธอลิก
แต่แมรี่คือนางพญาสิงห์ ไม่ใช่คนหัวอ่อน ยืนกรานฉันจะเอาฟิลิปๆๆๆๆๆ ทำให้ผู้ไม่เห็นด้วยบางส่วนเตรียมปฏิวัติปลดแมรี่ออกและยกเจ้าหญิงอลิซาเบธขึ้นแทน แต่คณะปฏิวัติล้มเหลวแผนแตกซะก่อน เลยถูกตัดหัวกันไปหลายคน ติดคุกก็ไม่น้อย เจ้าหญิงอลิซาเบธเองถูกคุมขังไว้ในหอคอยลอนดอนเพราะสงสัยว่ารู้เห็นเป็นใจ หวุดหวิดจะหัวหลุดเช่นกัน แต่เจ้าหญิงก็รอดมาได้
ระดับเขี้ยวแบบแมรี่ไม่ใช่หมู ก่อนแต่งฟิลิปต้องลงนามทำสัญญาไว้ก่อนว่า ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่มีสิทธิในสินสมรสของเจ้าสาว แม้จะใช้นามว่าเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษได้ แต่อำนาจบริหารใดๆ เป็นของแมรี่ทั้งหมด ฟิลลิปไม่พอใจนักแต่ก็ต้องยอม การแต่งงานสำหรับคนใหญ่คนโตไม่ใช่ด้วยความรัก ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น
ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันสมใจ ฟิลิปไม่ได้รักแมรี่เลย แต่แมรี่คลั่งไคล้ฟิลิปไม่น้อย แมรี่มีอาการเหมือนจะตั้งท้องหนหนึ่งแต่สุดท้ายแล้วก็แท้งไป ฟิลิปถือโอกาสล่ำลาแมรี่ไปทำสงครามกับฝรั่งเศส สร้างความเศร้าโศรกให้แมรี่ยิ่งไปอีก
หลังยุคสมัยสั้นๆ ของควีนแมรี่ เมื่ออลิซาเบธได้เป็นราชินีแห่งอังกฤษ ฟิลิปได้สิบทอดราชสมบัติสเปนเป็นกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน ซึ่งอยู่ในยุคทองเรืองอำนาจของสเปน สเปนแผ่อำนาจไปทั่วโลก ชื่อฟิลิปปินส์นี่ก็มีที่มาจากฟิลิปนี่แหละ และฟิลิปนี่เองที่ลงทุดจัดสร้างกองเรือขนาดมหึมามาบุกเกาะอังกฤษ กะยึดเกาะในสมัยของอลิซาเบธ แต่กองเรืออามาดาของสเปนเจอพายุถล่ม แถมแพ้กองเรืออังกฤษต้องแตกพ่ายเหลือเรือกลับสเปนไปได้ไม่กี่ลำ งานนี้ทำให้ท้องพระคลังของสเปนแทบจะล่มจมเจ๊งจากการลงทุนครั้งมโหฬารนี้ จนไม่อาจฟื้นตัวเป็นมหาอำนาจใหญ่ได้อีก
ภาพฟิลิปวาดโดยไตตันครับ หล่อเหลาแค่ไหนดูเอาเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 03:11
|
|
รัชสมัยของอลิซาเบทเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดอีกช่วงของอังกฤษ อังกฤษได้เริ่มแผ่อิทธิพลและอำนาจผ่านทางกองเรือในขณะที่อำนาจของสเปนเสื่อมลง ยุคนี้เป็นยุคที่ทั้งการค้า ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เช่นงานวรรณกรรมหรือการแสดงละครก็ได้รับความนิยม เป็นยุคทองจริงๆ การปกครองภายในก็มั่นคงดีมาก แต่ปัญหาคือราชินีอลิซาเบธไม่ได้แต่งงาน จึงไม่มีรัชทายาท แม้จะมีขุนนาง เจ้าชายหนุ่มๆ หรือกษัตริย์ ต่างๆ เสนอตัวมาให้เลือกแต่อลิซาเบทก็ไม่เลือกใคร
มีเรื่องซุบซิบนินทากันว่าแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเวอร์จิ้นควีน แต่ที่จริงอลิซาเบธก็มีชู้รักกับเค้าด้วย คือโรเบิร์ต ดัดลี้ย์ เอิร์ลแห่งเลสเตอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยเด็ก เพียงแต่ไม่ได้แต่งงานกัน
เอ กระทู้นี้มันเรื่องของจอร์จส้มหล่น แต่ตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย ทีแรกว่าจะย่อๆ รวบรัดไปเร็วๆ แต่ยิ่งอ่านเอกสารประกอบยิ่งพบว่ามีหลายเรื่องที่น่าสนใจและไม่เคยรู้ ท่าทางต่อไปอาจจะยาวพอสู้กับกระทู้อื่นๆ ได้เลยนะครับเนี่ย
เมื่ออลิซาเบธไม่มีรัชทายาท ผู้ที่อยู่ในลำดับการสืบสันตติวงศ์ลำดับถัดไปก็คือราชินีแมรี่แห่งสก๊อตแลนด์ เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับอีกแมรี่กันหน่อย ราชินีแมรี่แห่งสก๊อต เพราะจะส่งผลไปถึงผู้สืบราชสมบัติในราชวงศ์ถัดไปด้วย
ภาพโรเบิร์ต ดัดเลย์ (1533 - 1588)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 05:03
|
|
ในยุคสมัยทิวดอร์นั้น อังกฤษและสก๊อตแลนด์เป็นคนละอาณาจักรแยกจากกัน ต่างฝ่ายต่างมีราชวงศ์ของตัวเองปกครองประเทศ และกษัตริย์ที่มีสีสันเรื่องราวมากหน่อยก็คือแมรี่แห่งสก๊อตนี่เอง
แมรี่แห่งสก๊อต หรือแมรี่ สจ๊วตเป็นบุตรสาวของกษัตริย์เจมส์ที่ 5 แห่งสก๊อตแลนด์ และมารีเดอกีส ซึ่งตระกูลเดอกีสเป็นตระกูลขุนนางที่มีอิทธิพลมากในฝรั่งเศส กษัตริย์เจมส์ที่ 5 สิ้นพระชนม์เมื่อแมรี่มีอายุได้เพียง 6 วัน ทำให้แมรี่ได้สืบทอดราชสมบัติเป็นราชินีแห่งสก๊อตแลนด์ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 1 ขวบ
เมื่อเป็นราชินีตั้งแต่อายุน้อย แมรี่จึงมีพระมารดา มารีแห่งกีสเป็นผู้สำเร็จราชการ มารีส่งแมรี่ไปอยู่ในราชสำนักฝรั่งเศสของพระเจ้าอองรีที่ 2 และพระนางแคทเธอรินเดอเมดิซี่ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพื่อศึกษาเล่าเรียนในราชสำนักที่หวือหวาที่สุดในยุโรปขณะนั้น ต่อมาแมรี่ได้มั้นหมายกับดูแปง คือเจ้าชายฟรองซัวส์ รัชทายาทแห่งฝรั่งเศส
แมรี่เป็นผู้หญิงสวย สง่า พูดจาเก่ง ผมสีแดงตาสีน้ำตาล ร่างสูงถึง 180 ซม. เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้คน ใครๆ ก็รักใคร่นิยมแมรี่ ยกเว้นว่าที่แม่สามี คือแคทเธอรินเดอเมดิซี่ แมรี่ได้เข้าพิธีสมรสกับดูแปงในปี 1558 เป็นคู่บ่าวสาวที่หวานแหววรักใคร่กันดี แม้เจ้าหญิงจะสูง แต่เจ้าชายตัวเตี้ย
ในปี 1559 พระเจ้าอองรีที่ 2 ได้สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันจากการบาดเจ็บจากกีฬาดวลต่อสู้บนหลังม้าแบบอัศวิน ตรงนี้ใครเคยอ่านพวกคำทำนายนอสตราดามุสคงจำได้ ที่ทำนายไว้ว่าอองรีที่ 2 จะสิ้นพระชนม์ ราชสีห์หนุ่มสู้กับราชสีห์แก่อะไรเทือกนั้น
เมื่ออองรีที่ 2 สิ้นพระชนม์ ดูแปงก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 2 แห่งฝรั่งเศสเมื่อมีอายุเพียง 15 ปี แมรี่จึงมีสถานะเป็นควีนรีเจ้นท์ คือราชินีที่มีอำนาจปกครองด้วยตัวเองแห่งสก๊อตแลนด์ และควีนคอนสอร์ท คือราชินีที่เป็นราชินีจากการแต่งงานกับกษัตริย์
ภาพคู่แต่งงานหวานแหวว กับภาพแม่สามีใจร้าย แคทเธอรินเดอเมดิซี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
noomxman
อสุรผัด
ตอบ: 6
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 15:05
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 16:08
|
|
อ่านแล้วนึกถึงหนัง"ลิเกฝรั่ง" ที่นิยมหยิบเรื่องราวช่วงนี้มาสร้าง ครับ
ล่าสุดเป็นซีรี่ส์ The Tudors
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 16:16
|
|
Mary,Queen of Scots
หนังเก่านานมากแล้ว นำแสดงโดยสองนักแสดงใหญ่ของอังกฤษ Vanessa Redgrave และ Glenda Jackson
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 16:17
|
|
ยูทูบมีให้รับชมด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 16:24
|
|
นอกจากนี้ยังมี ราชินีพันทิวา,เก้าทิวา และอื่นๆ อีก ครับ
Cate Blanchett รับบทนำใน Elizabeth
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 17:24
|
|
เนื่องจากกษัตริย์ฟรองซัวส์ยังเด็ก อายุเพียง 15 ปี การปกครองฝรั่งเศสจริงๆ จึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลกีส โดยมีพระนางแคธเธอรินร่วมมือด้วยอย่างไม่เต็มพระทัยนัก
แมรี่กับเจ้าหญิงอลิซาเบทแห่งอังกฤษมีศักดิ์เป็นญาติกัน ทั้งคู่ไม่มีปัญหาต่อจนมาก่อน จนกระทั่งเมื่อราชินีแมรี่ที่ 1 แห่งอังกฤษสวรรคต ตามสิทธิโดยชอบธรรมเจ้าหญิงอลิซาเบทต้องขึ้นครองราชย์ต่ออยู่แล้ว แต่แมรี่แห่งสก๊อตกลับอ้างสิทธิในการเป็นราชินีแห่งอังกฤษด้วย ภายใต้แรงสนับสนุนจากฝรั่งเศส และขุนนางอังกฤษที่เป็นคาธอลิก เพราะแมรี่แห่งสก๊อตเป็นคาธอลิก เรื่องนี้จึงเป็นรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างแมรี่แห่งสก๊อต และอลิซาเบทแห่งอังกฤษ
แต่งงานกันหม้อข้าวไม่ทันจะดำ ฟรองซัวส์เป็นกษัตริย์ได้เพียงปีกว่าๆ ก็สิ้นพระชนม์จากอาการหูอักเสบ ราชินีแมรี่จึงตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาวเอ๊ะๆ กษัตริย์ฝรั่งเศสพระองค์ต่อมาคือกษัตริย์ชาลส์ที่ 9 วัย 9 พรรษา พระอนุชาของฟรองซัวส์ โดยมีพระนางแคทเธอรินเป็นผู้สำเร็จราชการ
แมรี่จึงเดินทางกลับสก๊อตแลนด์ในปี 1561 ซึ่งในปีก่อนหน้านั้นเอง พระมารดาของเธอคือมารีเดอกีสก็ตายพอดีอีก มารีเดอกีสทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองสก๊อตแลนด์ในระหว่างที่แมรี่ใช้ชีวิตในฝรั่งเศส มารีปกครองสก๊อตแลนด์โดยอาศัยกองทหารจากฝรั่งเศส แต่ในช่วงเวลานั้น อำนาจของโปรแตสแตนท์ในสก๊อตแลนด์ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และเมื่อมารีตายลง อำนาจของพวกโปรแตสแตนท์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ปัญหาเรื่องการปฏิรูปศาสนาไม่ได้มีแค่ในอังกฤษหรือสก๊อตแลนด์ แม้แต่ในฝรั่งเศสก็มีความพยายามปฏิรูปเช่นกัน พวกโปรแตสแตนท์ในฝรั่งเศสเรียกว่าพวกอูโกโนทเลยเกิดความวุ่นวายเช่นกัน ทำให้ฝรั่งเศสต้องถอนทหารจากสก๊อตแลนด์ แมรี่จึงมาถึงสก๊อตแลนด์ในช่วงที่อำนาจกำลังสั่นคลอน
แม้แมรี่จะสวย แต่ในเชิงการเมืองแล้วอ่อนด้อยยิ่งนัก ไม่มีแบ็คอัพที่แข็งแกร่งเหมือนผู้นำหญิงบางประเทศที่ไม่ต้องรู้อะไรก็เป็นผู้นำได้ แค่ยิ้มสวยออกงานพิธีเป็นก็พอ อายุก็เพียง 15 -16 ปี ไอ้จะไปรู้ทันเหลี่ยมพวกขุนนางเขี้ยวลากดินย่อมเป็นไปไม่ได้ แมรี่ไม่ได้รับความนิยมในสก๊อตแลนด์นัก แถมเธอเป็นคาธอลิกและเคยอ้างสิทธิบัลลังก์อังกฤษ ทำให้เสียงสนับสนุนเธอหายากเต็มทน น่าสงสารมากๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 18:25
|
|
ว่ากันว่า แมรี่ สจ๊วต หรือพระราชินีแมรี่แห่งสกอตแลนด์เป็นสตรีที่ทรงโฉมงดงาม มีเสน่ห์ และมีชีวิตส่วนตัวที่มีสีสันมากกว่าพระราชินีแมรี่และเอลิซาเบธหลายเท่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 02 ธ.ค. 12, 18:32
|
|
คุณ SILA เข้ามาแนะนำหนังอิงปวศ.อังกฤษ ที่ฮิทๆหลายเรื่องในยุคปัจจุบัน ดิฉันจึงขอเสนอหนังเก่าเกี่ยวกับสมัยเอลิซาเบธที่ ๑ บ้าง ชื่อ Young Bess ขอนำฉากหนึ่งในยูทูบมาให้ดูกัน เป็นฉากที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธปลอบใจน้องชายตัวน้อย เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดกำลังหวาดหวั่นเสียขวัญที่พระบิดาสิ้นพระชนม์ ตัวเองต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ ซึ่งเป็นภาระน่าสะพึงกลัวมากสำหรับเด็กวัยสิบขวบ จีน ซิมมอนส์ ดาราสาวฝีมือดีชาวอังกฤษเล่นเป็นควีนเอลิซาเบธสมัยรุ่นสาว เล่าถึงชีวิตในวัยต้น เมื่อเกิดมาเป็นลูกชังของพ่อ พบรักแรกกับโทมัส ซีมอร์ ดยุคแห่งซอมเมอเซท และหวุดหวิดจะถูกพระพี่นางส่งเข้าห้องประหารในหอคอยแห่งลอนดอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 03 ธ.ค. 12, 17:05
|
|
เมื่อแมรี่มาถึงสก๊อตแลนด์ อำนาจของคาธอลิกกำลังเสื่อมลง ในขณะที่โปรแตสแตนท์กำลังผงาด เช่นคณะองคมนตรี 16 คนของแมรี่ มีที่เป็นคาธอลิกแค่ 4 คน และเรื่องศาสนายังคงเป็นประเด็นใหญ่ แมรี่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องอดทน กำลังสนับสนุนจากฝรั่งเศสก็ไม่มีเพราะฝรั่งเศสเองก็มีปัญหา แถมอดีตแม่สามีก็ไม่ได้ปลื้มแมรี่นัก แมรี่อ้างตัวเป็นผู้สืบทอดราชสมบัติอังกฤษต่อจากราชินีอลิซาเบทด้วยซึ่งตามสิทธิแมรี่สามารถทำได้และมีสิทธิจริงๆ
นี่ยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงให้กับราชินีอลิซาเบทว่าอาจมีคนรวมตัวกันกบฏ ถอดอลิซาเบทออกจากตำแหน่งและยกแมรี่ขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษแทนได้ ดังนั้นถ้าต่อไปแมรี่จะหวังการสนับสนุนจากอังกฤษเพื่อต่อกรกับบรรดาขุนนางสก๊อตเองจะยิ่งเป็นเรื่องยากไปอีก ดังนั้นแมรี่ต้องหากำลังสนับสนุน วิธีที่ง่ายที่สุดคือต้องหาสามีที่มีอำนาจหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ง่าย อลิซาเบทเสนอให้แมรี่แต่งงานกับโรเบิร์ต ดัดเลย์ ชู้รักของพระนางเอง ซึ่งจะทำให้แมรี่ได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ แต่แมรี่ก็ไม่เอา
ในที่สุดแมรี่เลือกเอาเฮนรี่ สจ๊วต หรือลอร์ดดาร์นเลย์ลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นคาธอลิกด้วยกันเป็นคู่สมรส เพราะบิดาของท่านลอร์ดคือเอิร์ลแห่งเลนนอกซ์เป็นขุนนางที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากทั้งในสก๊อตแลนด์และอังกฤษ ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1565 ซึ่งยิ่งทำให้ราชินีอลิซาเบทหวาดระแวงแมรี่ยิ่งขึ้นไปอีก การแต่งงานนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าการคำนวณอย่างรอบคอบของแมรี่เพราะทำให้สถานะของเธอเสี่ยงมากขึ้นอีก
ดาร์นเลย์เองก็เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ต้องการป็นแค่คิง คอนสอร์ท คือกษัตริย์ที่ได้สถานะจากการแต่งงานกับราชินีที่มีอำนาจปกครองเอง แต่ดาร์นเลย์ต้องการเป็นผู้ปกครองเองด้วย แต่แมรี่ไม่ยินยอม ความรักของทั้งคู่จึงจืดจางอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ดานเลย์ยังขี้หึงอีก ได้ลงมือสังหารเดวิด ริซซิโอ เลขาส่วนตัวและชู้รักของแมรี่ ที่มีข่าวลือว่าอาจจะเป็นพ่อที่แม้จริงของลูกในท้องแมรี่ที่กำลังทรงพระครรภ์อยู่ในขณะนั้น
ภาพบนลอร์ดดาร์นเลย์ ภาพล่างริซซิโอชู้รัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 03 ธ.ค. 12, 21:47
|
|
แมรี่ให้กำเนิดรัชทายาทชาย เจ้าชายเจมส์เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1566 ที่ปราสาทเอดินเบอระ
ข้อดีของทารกที่มีมารดาเป็นควีนรีเจ้นท์ คือยังไงตัวก็เป็นลูกตามกฏหมาย ไม่ว่าพ่อที่แท้จริงจะเป็นใคร ทารกนี้ได้ชื่อว่าลอร์ดดาร์นเลย์เป็นบิดา อันนี้ต่างจากลูกของกษัตริย์ ถ้ามารดาไม่ใช่ราชินีหรือมเหสี ลูกก็มีฐานะแค่ลูกนอกกฏหมาย หมดสิทธิเป็นรัชทายาท
ถ้าฟรองซัวส์ สวามีคนแรกของแมรี่ไม่ด่วนหูอักเสบตายซะก่อน แล้วทั้งสองมีรัชทายาทชายด้วยกัน แถมราชินีอลิซาเบธไม่ได้แต่งงานและไม่มีทายาทแบบที่เป็นจริงในกระวัติศาสตร์ คิดไม่ออกเลยว่าประวัติศาสตร์ยุโรปจะเป็นยังไง เพราะรัชทายาทชายคนนั้นจะเป็นรัชทายาทของทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ และสก๊อตแลนด์ ประวัติศาสตร์โลกต้องแตกต่างกว่าปัจจุบันแบบยากจะจินตนาการ
การมีรัชทายาทเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กษัตริย์องค์อื่นยกเว้นแมรี่ ที่การมีรัชทายาทชายยิ่งทำให้บัลลังก์ของกระนางสั่นคลอนมากไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้กลายเป็นว่ามีตัวเลือกอื่นที่เหมาะสมและมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะครองบัลลังก์ได้ขึ้นมาเป็นหอกข้างแคร่ซะแล้ว สถานการณ์ยิ่งไม่ดีสำหรับแมรี่มากขึ้นไปอีก
ความสัมพันธ์ระหว่างลอร์ดดาร์นเลย์กับแมรี่ก็เรียกได้ว่าเตียงหักหลังการตายชองริซซิโอ้ แมรี่ไปสานสัมพันธ์กับเจมส์ เฮปเบิร์น เอิร์ลแห่งบอทเวลล์ ถึงกับยอมขี่ม้าวันละ 4 ชั่วโมงไปหา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1667 เกิดระเบิดขึ้นที่เคิร์ก โอ ฟิลด์ เป็นโบสก์เก่าที่ดาร์นเลย์นอนป่วยอยู่ ผลปรากฏว่าดาร์นเลย์นอนตายแหงแก๋อยู่ในสวน แมรี่และเอิร์ลแห่งบอทเวลล์เป็นผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการตายครั้งนี้ แล้วในที่สุดแมรี่ก็ทำพิธีสมรสกับบอทเวลล์ที่เพิ่งหย่ากับเมียเก่า 12 วันก่อนหน้า ในโบสก์และพิธีแต่งงานแบบโปรแตสเตนท์
ในเบื้องต้นแมรี่คิดว่าการแต่งงานนี้จะทำให้แมรี่ได้รับเสียงสนับสนุนจากพวกโปรแตสเตนท์ แต่แมรี่คาดการณ์ผิด เพราะทั้งชาวคาธอลิกและโปรแตสแตนท์ต่างรับไม่ได้ที่แมรี่แต่งงานกับไอ้ปื๊ดคนที่อยู่เบื้องหลังการสังหารสามีเก่าตัวเอง ตระกูลขุนนางสก๊อต 26 ตระกูลจับมือกันต่อต้านแมรี่ บีบให้แมรี่ต้องสละราชสมบัติให้เจมส์บุตรชายที่เพิ่งอายุขวบเดียว ส่วนบอทเวลล์ถูกเนรเทศ ต้องลี้ภัยไปอยู่เดนมาร์กและตายที่นั่นในปี 1578
ภาพเจ้าชายเจมส์ กับภาพไอ้ปื๊ดบอทเวลล์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 03 ธ.ค. 12, 22:35
|
|
คนเคยมีอำนาจ จะให้ลงจากอำนาจไม่ใช่เรื่องง่าย แมรี่รวบรวมกำลังจากผู้สนับสนุนได้จำนวนหนึ่ง ยกทัพไปยึดบังลังก์คืน แต่กองทัพของแมรีพ่ายแพ้ต่อกองทัพของผู้สำเร็จราชการสก๊อตแสนด์ขณะนั้น คือเจมส์ สจ๊วต เอิร์ลแห่งมอเรย์ พี่ชายต่างมารดาเพราะเป็นลูกนอกสมรสของกษัตริย์เจมส์ที่ 5 แห่งสก๊อตแลนด์ พระบิดาของแมรี่เอง
คราวนี้แมรี่หมดหนทาง ต้องหนีลงใต้ไปพึ่งพิงญาติของนาง คือพระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษ หวังว่าอลิซาเบธจะช่วยพระนางกอบกู้บัลลังก์ แต่เนื่องจากแมรี่เองก็อาจจะเป็นภัยได้ในอนาคต อลิซาเบธจึงกักบริเวณแมรี่ไว้เป็นเวลาถึง 18 ปี แต่ก็ยกย่องให้เกียรติญาติผู้น้องไว้ในสถานะที่เหมาะสมตามสมควร แต่แมรี่เองก็เป็นภัยต่ออลิซาเบธจริงๆ เพราะมีความพยายามจะล้มล้างอำนาจอลิซาเบธและยกแมรี่ขึ้นเป็นราชินีเองโดยการสนับสนุนของสเปน ผู้เกี่ยวข้องกับแผนนี้ถูกตัดหัวไปหลายคน
ในปี 1586 หลัง 18 ปีที่ถูกกักตัวไว้ แมรี่ก็ติดกับดักที่วอลเลซ วอลซิ่งแฮม ที่ปรึกษาของอลิซาเบธวางแผนไว้ สร้างแผนลอบสังหารปลอมหลอกให้แมรี่ลักลอบส่งจดหมายวางแผนลอบสังหารอลิซาเบธ เมื่อกับดักถูกเปิดเผย แมรี่ไม่สามารถปฏิเสธการรับรู้ได้ ถูกตัดสินว่าผิดและต้องรับโทษประหาร
ราชินีอลิซาเบธเองไม่ต้องการประหารชีวิตแมรี่ แต่ไม่มีทางเลือก ในที่สุด พระราชินีแมรี่แห่งสก๊อตแลนด์ก็ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1587 ปิดฉากชีวิตเจ้าหญิงและราชินีสาวสวยที่เดินเกมส์การเมืองผิดพลาดตลอดชีวิตไปเมื่อายุได้เพียง 45 ปี
ฉากการประหารชีวิตแมรี่โดยการตัดหัวนั้นสยดสยองมาก ดาบแรกที่ลงไปพลาดคอแมรี่แต่โดนด้านหลังของหัวแทน ดาบที่สองโดนคอแต่ยังไม่ขาด มีเส้นเอ็นยังยึดไว้จนเพชรฆาตต้องใช้ขวานตัดอีกทีถึงขาด เมื่อเพชรฆาตชูหัวของแมรี่ขึ้นมาประกาศการตาย ปรากฏว่าเพชรฆาตดึงผมของแมรี่ซึ่งที่จริงเป็นวิก ทำให้หัวจริงๆ หล่นล่วงลงไปเปิดเผยว่าที่จริงตอนนั้นแมรี่มีแต่ผมสีเทาสั้นๆ
ภาพฉากการประหารชีวิตแมรี่ และภาพ death mask คือหน้ากากที่หล่อจากหน้าของผู้เสียชีวิตหลังเสียชีวิตแล้วของแมรี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 04 ธ.ค. 12, 09:22
|
|
ซีนประหารจาก BBC series 'Elizabeth R' (1971)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|