Stratford-upon-Avon เมืองที่กวีไม่ได้มีแค่เชคสเปียร์คนเดียว

[ประกอบ]

หลังๆ นี้รู้สึกว่าประพฤติตัวเป็นที่น่าอิดหนาระอาใจสำหรับท่านอาจารย์หลายๆ ท่านบ่อยครั้ง 
โดยเฉพาะเรื่องการ post แซวอะไรโดยไม่ค่อยคิด  เป็นภาระให้ท่านอาจารย์ใหญ่ต้องคอยตามแก้ไขข้อความ 
นี่ถ้าโดนตีได้ น่าจะโดนไม้เรียวหลายหนแล้ว

เลยต้องขอทำความดี ลบล้างความผิดซะหน่อย เห็นห้องประวัติศาสตร์โลกค่อนข้างเงียบๆ  เลยมาขอตั้งกระทู้กึ่งนำเที่ยวเพิ่มความครึกครื้นซะหน่อยครับ
กระทู้นี้ออกจะไปทางแนวนำเที่ยวบ้างเล็กน้อย ต้องขออภัยนะครับ แต่จะพยายามสอดแทรกความรู้ลงไปบ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับเรือนไทย
ผิดพลาดบกพร่องประการใด ต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ กระทู้นี้อาจจะช้าหน่อย เขียนไป up ไปตามประสาคนขี้เกียจนะคร๊าบ

[ประกอบ]

สืบเนื่องจากกระทู้ตายแล้วไปไหน  ท่านอาจารย์เทาชมพูได้สั่งการบ้านไว้ว่า ถ้าวันไหนไปแถวเมือง Stratford-upon-Avon แล้ว
ให้แวะไปเยี่ยมชมหลุมฝังศพของนักเขียนสตรีนามอุโฆษ ซึ่งเป็นท่านหนึ่งในดวงใจของท่านอาจารย์
เมื่อได้รับการบ้านมาแล้วผมก็ไม่รอช้า ตระเตรียมแผนการไว้ทันที 
เพราะก่อนหน้าจะตั้งกระทู้ ได้เตรียมวางแผนเที่ยวสถานที่ที่เรียกว่า Cotswold ในอังกฤษช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปลายเดือนตุลานี้ไว้แล้ว
กะไว้ว่าช่วงใบไม่เปลี่ยนสี วิวทิวทัศน์น่าจะสวยสดงดงาม โดยจองโรงแรมล่วงหน้าไว้เกือบครึ่งปี  ได้ราคาถูกหน่อย
ตอนจองยังไม่มีแผนเลยว่าจะไปเมืองไหนหมู่บ้านไหนบ้าง เมื่อได้รับการบ้านมาก็สบโอกาส  ค่อยมีเป้าหมายการเดินทางหน่อย เพราะ Straford ก็ห่างจากโรงแรมที่จองไว้แค่สิบกว่ากิโลเมตร


Cotswold จะเรียกว่าเป็นย่าน หรือเป็นพื้นที่ทางตอนกลางๆ ค่อนมาทางใต้ๆ ทางทิศตะวันตกของประเทศอังกฤษ
มีอาณาบริวเณกว้างขวางใหญ่โตไม่น้อย  เป็นพื้นที่ที่ได้ชื่อว่ามีทัศนียภาพงดงาม มีความเป็นธรรมชาติสูง
มีพื้นที่หลักๆ อยู่ในมณฑล Gloucestershire and Oxfordshire แต่ก็มีพื้นที่บางส่วนในมณฑลอื่นๆ เช่น  Wiltshire, Somerset, Worcestershire, และ Warwickshire ด้วย


จุดเด่นของ Cotswold คือมีความเป็นธรรมชาติ ทิวทัศน์งดงาม  มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่สร้างบ้านด้วยหินดูน่ารักๆ เป็นจุดขาย มีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่น้อย
มีถนนที่ได้รับการโปรโมทว่าเป็น Romantic Road หรือถนนสายโรแมนติค เหมาะกับการขับรถเยี่ยมชมยิ่งนัก
อ้าว กระทู้นี้เรื่อง Stratford นี่ ไหงมาหลงอยู่แต่แถว Cotswold อยู่ได้

[ประกอบ]

เมือง Stratford-upon-Avon อยู่ทางด้านเหนือของ Cotswold  เมืองนี้อยู่ในแคว้น Warwickshire  เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพวก Anglo-Saxon ยึดครองอังกฤษเมื่อแปดร้อยกว่าปีมาแล้ว เป็นเมืองการค้าในสมัยยุคกลาง
จุดเด่นของเมืองนี้ที่ทำให้เป็นที่รู้จักคือเป็นบ้านเกิดและที่ฝังศพของของกวีดังวิลเลี่ยม เชคสเปียร์ ด้วย 


จริงๆ แล้วนักเขียนดังระดังโลกในเมืองนี้ไม่ได้มีแต่เชคสเปียร์คนเดียว ยังมีนักเขียนสตรียุควิคตอเรียที่โด่งดังมากอีกคน คือ มารี คอเรลลี่ (Marie Corelli) ที่ผมเคยได้ยินชื่อ
แต่ไม่รู้ซึ้งถึงผลงานของเธอ   
แต่นักเขียนท่านนี้เป็นนักเขียนโปรดของท่านอาจารย์เทาชมพูของเรา ถ้าอยากรู้จักประวัติของเธอ ตามไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=821.0 ในเรือนไทยนี่เอง


มารีมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ Straford นี่เอง เมื่อเสียชีวิตร่างของเธอก็ถูกฝังไว้ที่นี่ และเธอได้ทำคุณประโยชน์ให้กับชาวเมืองด้วย เช่นการบริจาคที่ดินทำเป็นสวนสาธารณะในเมืองนี้ เดี๋ยวเราจะมาตามรอยมารีกันตอนหลังครับ

ภาพบ้านเรือนในตัวเมือง Stratford ครับ  ยังมีบ้านที่รูปร่างหน้าตาเหมือนสมัยยุคกลางให้เห็นอยู่มาก เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในอังกฤษ

[เทาชมพู]

 

[ประกอบ]

การเที่ยวเมืองต่างๆ ในอังกฤษ ถ้าจะดื่มดำชื่นชมแบบเข้าถึงจริงๆ ก็ควรจะขับรถเที่ยวชมเอา เพราะสามารถแวะตามที่ต่างๆ ได้ง่าย และถ้าเที่ยวหลายคน ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสมากนัก  นอกจากนี้ก็ควรใช้เวลาแต่ละเมืองซักพอสมควร ไม่ใช่ 1 วันเที่ยว 3 เมือง 2 พิพิธภัณฑ์แบบทัวร์บริษัทจัด อย่างนั้นเราอาจจะไม่ได้ดื่มด่ำมากนัก  และต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้าบ้างพอให้รู้ว่าควรไปเยี่ยมชมที่ไหนบ้าง


เนื่องจากจุดประสงค์หลักของการไปเมือง Stratford คือไปคารวะหลุมฝังศพของท่านสตรีนักเขียนมารี คอเรลลีก่อน จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าหลุมฝังศพของท่านมารีอยู่ในสุสาน Evesham Road Cemetery ห่างจากใจกลางเมือง Straford ประมาณ 2-3 กม เท่านั้น ดังนั้นจึงไปแวะที่นี่ก่อนเป็นที่แรก เพราะสามารถจอดรถหน้าสุสานได้เลย


พูดถึงแต่มารีๆ  ยังไม่เอารูปของท่านนักเขียนสตรีให้ดูกันเลย  เกือบลืมครับ  ภาพจาก http://www.findagrave.com/cgi-bin/fg.cgi?page=gr&GRid=17945919

[ประกอบ]

เมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ไม่รอช้า แต่เช้าตรู่ประมาณ 9 โมงเช้า คณะกระผมก็เคลื่อนขบวนทันที ในฐานะคนขับผมก็ไม่บอกกล่าว บอกคณะแต่ว่าจะพาไปดูที่เจ๋งๆ ในเมือง Stratford คนอื่นมีหน้าที่นั่งเฉยๆ อย่างเดียว  

ขับรถตาม GPS หรือที่คนอังกฤษเค้าเรียก SatNev กัน วิวสองข้างทางสวยมาก ในที่สุดก็มาโผล่หน้าสุสานพอดี จอดรถเสร็จโดยมีเพื่อนร่วมคณะมองหน้ากันล่อกแล่ก นี่พามาที่ไหนกันนี่


ก่อนมาคาดการณ์ว่าสุสานนี้น่าจะมีคนมาเยี่ยมชมมาก เพราะเป็นที่ฝังศพของนักเขียนดัง ปรากฏว่าไม่มีครับ เงียบสงบสงัดวังเวง ไม่มีใครเค้ามาเที่ยวกัน มีแต่คณะของผมพวกเดียว สำหรับใครจะขับรถมาแวะเยี่ยมชมที่นี่ ไม่ต้องกลัวเรื่องที่จอดรถนะครับ แม้ว่าโดยทั่วไปที่จอดรถฟรีในอังกฤษนี่ไม่ค่อยมี แต่เราจอดหน้าสุสานได้เลย ฟรี เผลอๆ อาจจะมีวิญญาณฝรั่งเฝ้ารถให้ด้วย
ใครจะมาแล้วไม่ต้องกลัวหาไม่เจอนะครับ ลงภาพปากทางเข้าสุสานไว้ให้ มองหาได้ไม่ยาก รับรองไม่มีหลง   ภาพเข้ากับบรรยากาศกระทู้ใบไม้เปลี่ยนสีซะด้วย

[ประกอบ]

สำหรับท่านที่ยังไม่แน่ใจว่าเอ๊ะ ลงแต่รูปทางเข้าสุสานไว้แค่นั้นมันไม่พอ เดี๋ยวไปเองอาจจะหาไม่เจอ

ไม่ยากครับ เพราะบ้านฝั่งตรงกันข้ามสองหลังกับสุสานเปิดบริการขายป้ายหลุมศพด้วย ฝั่งหนึ่งเป็นสุสาน อีกฝั่งเป็นร้านขายป้ายหลุมศพ มีตัวอย่างป้ายตั้งไว้ให้ดูเด่นชัด ไม่มีทางมองพลาดแน่ๆ
ครบวงจรมาก สั่งป้ายจากฝั่งตรงข้าม แบกข้ามถนนเอาไปส่งในสุสานได้ทันที  แวะไปเที่ยวสุสานมาหลายเมือง เพิ่งเจอที่ Stratfrod นี่เองที่ดูครบวงจรมากกว่าใคร

ตอนถ่ายรูปฝรั่งเจ้าของบ้านออกมาโบกไม้โบกมือทักทายด้วยครับ แต่ตอนถ่ายเสร็จไม่ยักเห็นในรูป  เอ หรือผมมีจิตสัมผัสหรือญาณทิพย์อะไรรึเปล่าเนี่ย

[ประกอบ]

เมื่อเดินเข้าไปในสุสาน ทางซ้ายมือเราจะเห็นหลุมศพของมารี คอเรลลีเลยครับ เพราะจะมีรูปสลักเหนือหลุมศพที่เด่นเป็นสง่า แตกต่างจากหลุมศพอื่นๆ ทั้งหมดในสุสาน เป็นรูปเทพธิดามีปีก มือข้างหนึ่งชูขึ้น ส่วนอีกข้างถือดอกไม้ไว้ แฝงความเศร้าไว้ด้วย

มารีเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 เมษายน 1924 เมื่อมีอายุ 68 ปีครับ

[ประกอบ]

แม้ว่าที่ Stratford จะเป็นที่สุดท้ายที่เธออยู่ แต่คนทั่วไปแม้แต่ชาวเมืองก็ไม่ค่อยจะรู้จักชื่อเสียงของเธอมากนัก เพราะเมื่อถึงตอนที่ผมสอบถามข้อมูลเพื่อจะหาบ้านที่เคยเป็นที่พำนักสุดท้ายของเธอ ทุกคนที่ถามแม้แต่ใน Information Centre ไม่รู้จักเธอแฮะ


เอารูปสลักมาให้ชมครับ ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง

[ประกอบ]

หลังใช้เวลาอยู่ที่สุสานประมาณครึ่งชั่วโมง เป้าหมายต่อไปคือไปหาสถานที่ชื่อว่า Mason Croft บ้านที่มารีเคยอยู่ ตามลายแทงสถานที่ที่ท่านอาจารย์เทาชมพูเคยให้ไว้

เนื่องจาก Mason Croft นี่อยู่ในตัวเมือง เรื่องการจอดรถราเลยไม่ค่อยสะดวก จะจอดไว้ที่สุสานก็เกรงว่าเดี๋ยวจะมีกลุ่มก้อนพลังงานลึกลับมาเฝ้ารถให้ เพราะช่วงนี้เข้าหน้าหนาว สี่โมงเย็นก็มืดแล้ว กว่าจะเดินเสร็จในเมือง Stratford เสร็จ กว่าจะไปที่จอดรถ เดี๋ยวจะมืดไป เลยไม่จอดหน้าสุสาน


ตามเมืองใหญ่ต่างๆ ในอังกฤษ เค้ามีนโยบายลดความแออัดการจรจรในเมือง โดยคิดค่าจอดรถในเมืองแพงลิบลิ่ว  แพงเหมือนสูบเงินไปจากกระเป๋าตังค์ของเรา  ค่าจอดวันละ 16 ปอนด์หรือแปดร้อยบาทเป็นเรื่องธรรมดามากๆ    ค่าจอดรถแพงจนทำให้นายอะไรจำชื่อไม่ได้ เจ้าของกิจการที่จอดรถ NCP ที่มีในแทบทุกเมืองในอังฤษติดอันดับเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศนี้


ดังนั้น แทบทุกเมืองจึงมักจะมีบริการ Park & Ride คือเค้าจะเตรียมที่จอดรถนอกเมืองไว้ให้เราเอารถไปจอด แล้วขึ้นรถเมล์จากที่จอดรถเข้าเมือง สนนราคาก็ถูกมากสำหรับคนที่นี่  คือประมาณ 3-5 ปอนด์ ค่าจอดมีหลายแบบ เช่นจอดฟรีแต่ต้องตีตั๋วรถเมล์แบบไปกลับ ราคาส่วนใหญ่ครอบครัวละ 3-5 ปอนด์ หรือบางที่จอดไม่ฟรี เช่นจอดทั้งวัน 3-5 ปอนด์ แต่ขึ้นรถบัสเข้าเมืองฟรี รถบัสจะวิ่งตั้งแต่เช้าจรดมืด บางเมืองมีถึงสามทุ่มบ้าง ห้าทุ่มบ้าง แล้วแต่นโยบายแต่ละเมือง

เมือง Stratford ก็เช่นกัน มีบริการ Park & Ride จอดรถฟรี ซื้อแต่ตั๋วรถบัส 3 ปอนด์ ถูกกว่าไปจอดในเมืองมากๆ
ขับรถไปจากสุสานไม่ไกล แต่เนื่องจากที่จอดรถนี้เพิ่งสร้างไม่นาน แต่ SatNev ที่ผมใช้แผนที่มันเก่าตั้งแต่ปี 2009 ทำให้หาที่จอดรถไม่เจอ มันพาเข้าซอยไปบ้านใครก็ไม่รู้  หลงไปหลงมาแต่ก็เจอจนได้ในที่สุด

รถเมล์เค้าสะดวกสบายมาก ใหม่เอี่ยม ออกทุก 15 นาที ไม่ต้องรอลุ้นนานๆ แบบบ้านเรา

[ประกอบ]

ตามประสาคนขี้เกียจ ก่อนมาก็แค่หาข้อมูลแบบคร่าวๆ เท่านั้น ไม่มีรายละเอียด สถานที่ที่จะไปก็แค่จดชื่อไว้เท่านั้น

แต่ข้อดีของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในอังกฤษคือจะมีศูนย์ข้อมูล Information Centre ให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งการสอบถามข้อมูล ขอแผ่นพับต่างๆ หรือแม้แต่แผนที่ฟรี ซื้อของที่ละลึก จองตั๋วเข้าชมที่ต่างๆ รถเรือจองโรงแรม ทำได้ทั้งนั้น

ดังนั้นสำหรับมือเก๋าแถมขี้เกียจแบบผม  จะไปเมืองไหนเลยแค่หาไว้ว่าไอ้ Information Centre มันอยู่ที่ไหน ข้อมูลอื่นๆ ไปหาเอาจากที่นั่นเอา แผนท่งแผนที่อะไร ไม่เตรียมไว้ทั้งนั้น ไปรอขอของฟรีเอา

อันนี้บอกไว้สำหรับชาวไทยนะครับ ในบางเมืองจะมีตู้หยอดเหรียญขายแผนที่ หรือมีแผนที่เมืองขนาดใหญ่ขาย 1-2 ปอนด์ แต่ขณะเดียวกันก็มักจะมีแผนที่ฟรี พิมพ์สี่สีสวยงามแจกด้วย ดังนั้นเราจึงควรสอบถามหาของฟรีก่อนตัดสินใจซื้อแผนที่ใดๆ  เพราะตามแหล่งท่องเที่ยวแต่ละที่ จะมีแผนที่ฟรีแจกหลายหลายรูปแบบมาก อาจจะต้องลองดูตามแผ่นพับต่างๆ ที่มีให้หยิบฟรีด้วย  นอกจากแผนที่แล้ว ยังมีแนะนำแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งคูปองลดราคาด้วย

ดังนั้นไปแต่ละเมือง ให้มองหาสัญลักษณ์ตัว i ใหญ่ๆ ที่ติดไว้บอกให้รู้ว่าเป็น information centre แวะเข้าไปเลยครับ ภาพนี้ Information Centre ของเมือง Stratford ครับ เดินลงจากรถบัสข้ามถนนไปอีก 10 เมตรก็ถึงแล้ว สะดวกมากๆ

[ประกอบ]

แวะเข้าไปขอแผนที่ฟรี  เอกสารโบรชัวร์ต่างๆ อีกปึกใหญ่  ปรากฏว่าไม่มีอันไหนมีข้อมูลเกี่ยวกับมารี คอเรลลีเลยแม้แต่อันเดียว   เมือง Stratford ให้ความสำคัญแต่กับเชคสเปียร์เท่านั้น แม้แต่บ้าน Mason Croft ที่ปัจจุบันเป็น Shakespeare Institute ก็ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่อย่างใด เอาหละสิ

เลยแวะเข้าไปเจรจาต้าอ่วยถามเจ้าหน้าที่ บอกชื่อนักเขียนมาเรีย คอเรลลี่ไป เจ้าหน้าที่งง ต้องเขียนชื่อเธอ และชื่อสถานที่ให้  เจ้าหน้าที่หาข้อมูลจากอินทรเนตรให้บอกอ๋อ อยู่ไม่ไกล ถนน Church Street นี่เอง  ดูจากแผนที่แล้ว เดินไปไม่ถึงกิโลเมตรก็น่าจะถึง อ๊ะ แบบนี้สบายมาก ถนนก็สั้นๆ แม้ไม่รู้เลขที่บ้านก็คงหาไม่ยากน่า

เอาภาพเมืองมาฝากครับ ถ่ายจากแถวๆ ศูนย์ข้อมูลนั่นแหละ มันอยู่ใกล้ๆ สวนสาธารณะริมแม่น้ำเอวอน มีท่าเรือมีเรือจอด มีฝูงเป็ดห่านรออาหารจากนักท่องเที่ยวแถวนั้นด้วย

[ประกอบ]

จากศูนย์ข้อมูล ก็มุ่งหน้ามองหา Mason Croft กัน

ในเมือง Stratford มีบ้านที่ไม่รู้ว่าอนุรักษ์ของเก่าไว้ หรือสร้างใหม่ให้เหมือนเก่า แต่ค่อนข้างแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในอังกฤษพอสมควรที่เรามักจะเห็นแต่บ้านที่สร้างจากอิฐหรือหิน แต่ใน Stratford จะมีบ้านที่สร้างจากไม้ มีรูปทรงเหมือนในสมัยทิวดอร์ ยุคที่เชคสเปียร์ยังมีชีวิตอยู่มาก ปัจจุบันบ้านเหล่านี้ก็เป็นร้านค้าบ้าง ร้านอาหารบ้าง โรงแรมบ้าง สลับกับบ้านเรือนในยุคใหม่กว่าที่สร้างด้วยอิฐ

[ประกอบ]

เดินไปเดินไปจนถึงถนน Church Street ที่คนที่ Information Centre บอกว่า Mason Croft อยู่ที่นี่ ก็ปรากฏว่าหาไม่เจอ เอ มันหลังไหนหว่า ไม่เห็นมีป้าย
แถมลืมหาข้อมูลมาก่อนด้วยว่าไอ้ Shakespeare Institute นี่หน้าตาเป็นยังไง ทีนี้ก็ชักยุ่งแล้วสิครับ  สองข้างทางถนนที่ควรจะเป็น Shakespeare Institute มีแต่บ้านคน ไม่เห็นมีป้ายเลยว่าหลังไหนเป็นสถาบัน  อีกฝั่งถนนก็เป็นเรือนแถวเก่าๆ หอหักโรงเรียนประจำ

ถามชาวบ้านชาวเมืองที่เดินผ่านมาว่า Mason Croft นี่หลังไหนคร๊าบบบ มีแต่คนส่ายหน้าบอกไม่รู้จัก เอาหละสิ จะส่งการบ้านท่านอาจารย์ มาถึงที่แล้ว กลับหาไม่เจอซะนี่  มือถือ smartphone จะใช้หาข้อมูลเองก็ไม่มี แย่แล้ว


ค่อยมาลุ้นต่อพรุ่งนี้นะครับ ว่าจะเจอ Mason ไหม


รูปหล่อบรอนซ์ในเมือง Stratford ครับ เข้ากับอารมณ์ขณะเสาะหาบ้านของนักเขียนมารี คอเรลลียิ่งนัก

[เทาชมพู]

ตอนไปหาบ้าน Mason Croft ก็เหงื่อตกเหมือนกันค่ะ     ขนาดมีรูปภาพประกอบจากหนังสือเป็นคู่มือแล้วนะคะ   แต่รูปก็ถ่ายตั้งแต่ค.ศ. 1920 ตั้งแต่มารี คอเรลลียังมีชีวิตอยู่      ผ่านมาอีกค่อนศตวรรษ หน้าตามันก็เปลี่ยนไปจากในรูป   ทั้งๆตัวตึกยังไม่ได้รื้อทิ้ง   ถ้าเป็นบ้านเราคงไม่เหลือซากแล้ว
อย่าว่าแต่คุณประกอบจะบ่นว่าหายากเลย ดิฉันเองหลังจากหาบ้านนี้จนเจอ ไปกดกริ่ง มีเจ้าหน้าที่หญิงออกมาเปิด  ถามว่าที่นี่เคยเป็นบ้านของคอเรลลีใช่ไหม เธอยังทำหน้างง ถามว่าใคร   เผอิญมีป้ายทองเหลืองเล็กๆติดเป็นอนุสรณ์อยู่ข้างประตู เลยชี้ให้เธอดู     เธอก็ร้องอ๋อ  พอรู้ว่าอุตส่าห์ข้ามครึ่งโลกมาที่นี่ เธอก็อนุญาตให้เข้าไปดูข้างในได้

เมืองนี้คึกคักเพราะเป็นบ้านเกิดเชคสเปียร์   ถ้าเดินดูแถวร้านขายของที่ระลึกและจตุรัสที่มีรูปปั้นตัวตลก  จะคึกคักเกือบเป็นดิสนีย์แลนด์อยู่แล้ว
ขอบคุณสำหรับรูปปั้นบนหลุมศพที่ถ่ายมาให้ดูค่ะ      มารี คอเรลลีเป็นคนเลือกแบบนี้เอง    เทพธิดาที่ว่านี้คือ Victory สัญลักษณ์ของเธอ