เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
อ่าน: 73513 อาหารการกินใน "บ้านเล็ก" (2)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 05 พ.ย. 12, 21:26

ขอต้อนรับเข้าร่วมโต๊ะอาหารบ้านเล็ก ด้วยแพนเค้กแบบที่แอลแมนโซกินค่ะ    
สมัยนั้นเขากินกันคนละหลายๆตั้ง  ตั้งละ 10 แผ่น ก็ไม่ยักมันจุกอก    สมัยนี้กินแผ่นเดียวราดเมเปิ้ลซีรับก็ไม่ไหวแล้ว  ขอดูรูปแทนดีกว่า


บันทึกการเข้า
mrpzone
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 05 พ.ย. 12, 21:57

ขอตัดตอนย้อนกลับไปต่อเรื่องกวาง

กวางที่ยิงมาได้นั้น เมื่อแผ่ท้องเอาเครื่องในออกหมดแล้ว ก็จะขึงพืดแขวนไว้ภายในโรงนาประมาณ 7 วัน  จากนั้นก็จะเอามาถลกหนัง วิธีการก็คือ ขวั้นรอบข้อเท้า กรีดหนังตามร่องแขน ขวั้นรอบคอ ค่อยๆเลาะหนังออกจากเนื้อส่วนรอบคอนี้   เอาเชือกผูกคอแล้วผูกไว้กับเสา ส่วนหนังนั้น เอาหนังที่เลาะออกมาหุ้มก้อนอิฐ เอาเชือกผูกแล้วไปผูกกับท้ายรถ ใช้รถช่วยถลกหนังออกมาเป็นผืนเดียวกันทั้งตัว     


แบบนี้หรือเปล่าครับ?

nneTTeoPDYU

ดูเหมือนสมัยนี้ พอล่ากวางได้เค้าก็..ขวั้นเท้า..ขวั้นคอ..เลาะหนังส่วนรอบคอ..กรีดกลางลำตัว แล้วใช้รถลาก
เหมือนถอดเสื้อกวางออกแบบง่ายๆ เลยนะครับ  ขยิบตา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 05 พ.ย. 12, 22:23

She baked vinegar pies and dried-apple pies, and filled a big jar with cookies

ขนมพายมีหลายชนิด ทั้งกินเป็นของหวาน และของคาว   ถ้าหากว่าเป็นพายเนื้อ หรือพายไก่  ก็รู้ว่าเป็นของคาว     แต่ถ้าเป็นพายผลไม้ อย่างพายสตรอเบอรี่  อย่างนี้ก็รู้ว่าเป็นของหวาน  ไม่ใช่อาหารจานหลักบนโต๊ะ
แต่บางทีอ่านๆแล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไหนกันแน่     พายแอปเปิ้ลนั้นเคยกิน ก็พอนึกออก  แต่พายน้ำส้ม(สายชู) ไม่เคยรู้จักค่ะ
ไปหารูปมาดู  เข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกับพายผลไม้    น้ำส้มที่ว่านั้นหมักจากน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์
ส่วนผสมของพายน้ำส้ม นอกจากแป้ง น้ำตาล ไข่ และน้ำส้มหมักจากแอปเปิ้ลไซเดอร์แล้ว ยังมีน้ำมะนาวด้วย    รสชาติพายคงอมเปรี้ยวอมหวานอ่อนๆ

ภาพข้างล่างคือพายน้ำส้มแบบต่างๆ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 05 พ.ย. 12, 22:30

dried-apple pies  พายแอปเปิ้ลแห้ง  หามากินได้ไม่ยากในกรุงเทพฯ จึงขอเว้นไม่บรรยายมาก   เอารูปมาให้ดูค่ะ
แอปเปิ้ลก็เช่นเดียวกับผักอย่างอื่นที่ต้องเก็บในฤดูใบไม้ร่วง  ตากแห้ง โดยไม่ให้เสียรส ยังคงเก็บความหวานในเนื้อไว้ได้    พอจะทำพายก็แช่น้ำไว้ให้นิ่มก่อนจะมาทำไส้ขนมพาย


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 07:11

พายแอปเปิ้ลที่เคยทานมาอย่างหนึ่งจะออกหวานมาก อย่างหนึ่งจะอมเปรี้ยวอมหวาน คงเนื่องมาจากการใช้ผลแอปเปิ้ลเปลือกสีต่าง ๆ มาทำ มีทั้งเปลือกสีเขียว สีแดง สีเหลือง บางครั้งจะเพิ่มความหอมให้กับตัวพายก็จะใส่ผงอบเชย (cinimon) เพิ่มเข้าไปด้วยเพื่อขับรสและกลิ่นให้หอมยิ่งขึ้นไปอีก แต่บางครั้งก็สามารถทานคู่กับไอศกรีมได้เช่นกัน

แต่ผมชอบหวานอมเปรี้ยมไม่ใส่อบเชย มีเนื้อแอปเปิ้ลฝานบาง ๆ ไม่หนามากก็อร่อยแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 10:47

เมื่อพ่อแม่พาลอร่ากับพี่น้องไปงานเต้นรำที่บ้านคุณปู่    คุณย่าทำ hasty pudding เลี้ยงเป็นอาหารมื้อเย็น    เป็นพุดดิ้งที่ทำจากแป้งข้าวโพดป่น   ร่อนแป้งลงในหม้อน้ำเกลือเดือดๆ  จนเต็มหม้อที่ตั้งอยู่บนไฟ  แล้วค่อยๆให้มันสุกไปทีละน้อย   
พอสุกมันก็เป็นแป้งสีเหลืองข้นๆเต็มหม้อ   ทิ้งไว้ในอากาศเย็นจัดมันก็จะแข็งเป็นแท่ง หั่นได้

Grandma made hasty pudding.

She stood by the stove, sifting the yellow corn meal from her fingers into a kettle of boiling, salted water. She stirred the water all the time with a big wooden spoon, and sifted in the meal until the kettle was full of a thick, yellow, bubbling mass. Then she set it on the back of the stove where it would cook slowly.
 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 10:54

hasty pudding หรือพุดดิ้งแป้งข้าวโพด  ไม่ได้กินเปล่าๆ  ในเรื่องราดน้ำตาลเคี่ยวกินเป็นอาหารมื้อเย็น  แสดงว่าเป็นของคาว ที่มีรสหวาน
หน้าตาคงคล้ายๆกับภาพนี้


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 11:16

มีขนมอย่างหนึ่งเรียกว่า maple candy   ทำจากน้ำตาลเมเปิ้ล    วิธีทำก็ง่ายๆคือเคี่ยวน้ำตาลที่ได้จากต้นเมเปิ้ลจนเหลวข้น   จากนั้นก็ตักหิมะใส่ภาชนะ  ตักน้ำตาลเคี่ยว ราดลงไปบนเกล็ดหิมะ    ความเย็นจากหิมะจะทำให้มันแข็งตัวเป็นขนมหวาน  
กินเท่าไรก็ได้เพราะน้ำตาลเมเปิ้ลไม่เสาะท้อง

Grandma stood by the brass kettle and with the big wooden spoon she poured hot syrup on each plate of snow. It cooled into soft candy, and as fast as it cooled they ate it.

They could eat all they wanted, for maple sugar never hurt anybody. There was plenty of syrup in the kettle, and plenty of snow outdoors. As soon as they ate one plateful, they filled their plates with snow again, and Grandma poured more syrup on it.


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 11:26

Then Grandma said:
"Now bring the patty-pans for the children."
There was a patty-pan, or at least a broken cup or a saucer, for every little girl and boy. They all watched anxiously while Grandma ladled out the syrup. Perhaps there would not be enough. Then somebody would have to be unselfish and polite.
There was just enough syrup to go round. The last scrapings of the brass kettle exactly filled the very last patty-pan. Nobody was left out.
เมื่อเคี่ยวต่อไปจนน้ำตาลเริ่มจับเป็นเกล็ดแข็ง     ก็จะเทใส่ภาชนะต่างๆ เก็บไว้ใช้เหมือนน้ำตาลปึก   ส่วนเด็กๆก็จะได้รับแจกน้ำตาลปึกพวกนี้ เทใส่ถ้วยหรือจานเล็กๆ เป็นก้อนๆกินอย่างขนมหวาน 

ข้างล่างนี้ เป็นน้ำตาลปึกทำจากเมเปิ้ล (maple candy) ที่อัดพิมพ์เป็นรูปต่างๆ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 11:31

When they had eaten the soft maple candy until they could eat no more of it, then they helped themselves from the long table loaded with pumpkin pies and dried berry pies and cookies and cakes. There was salt-rising bread, too, and cold boiled pork, and pickles.

พายฟักทอง หน้าตาเป็นอย่างนี้ค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 11:43

dried berry pies  พายเบอรี่ มีหลายอย่าง แล้วแต่ว่าจะเป็นลูกเบอรี่ชนิดไหน สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ แบล็คเบอรี่  ฯลฯ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 16:54

มีพายชนิดหนึ่งที่ดิฉันเคยได้ยินแต่ชื่อ   แต่ไม่เคยกิน  ในนิยายบ้านเล็กก็ไม่มีพายชนิดนี้  แสดงว่าคนอเมริกันยุคบุกเบิกน่าจะไม่นิยมกิน  เรียกว่า steak and  kidney pie     เพื่อนที่เคยไปเรียนที่อังกฤษรู้จัก  คุณประกอบก็น่าจะรู้จัก แต่จะเคยรับประทานหรือเปล่าไม่ทราบ
ฟังจากชื่อ น่าจะเป็นพายที่กินแบบของคาว มีไส้เป็นเนื้อและไต (เครื่องในวัว?)


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 18:48

ไปถึงขนมหวานกันแล้ว เร็วจัง

ขอย้อนกลับอีกเหมือนเดิมครับ นี๊ดเดียวจริงๆ

กวางนั้นสมัยนี้ต้องมีใบอนูญาตถึงจะยิงได้ และจำกัดจำนวนด้วย จำได้ว่าคนหนึ่งยิงได้สองตัวเท่านั้น  เนื้อกวางจึงเป็นของอร่อยและหายาก    stake  เนื้อกวางจึงมีชิ้นเล็กนิดเดียว ขนาดตามแบบอเมริกันชนก็หนาประมาณหนึ่งนิ้วถึงหนึ่งนิ้วครึ่ง เป็นก้อนเล็กๆประมาณซาละเปาลูกเล็ก   สำหรับเนื้อกวางในสตูว์ก็หั่นเล็กเหมือนกัน แต่ละชิ้นขนาดไม่เกินหัวแม่มือครับ
 
ปัจจุบันมีฟาร์มเลี้ยงกวางกันแล้ว แต่ stake เนื้อกวางก็ยังหายาก  มีแต่สตูว์ที่ทำขายกันทั่วไป หาทานได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ในยุโรปจะมีขายกันค่อนข้างมาก เขาจะเสิร์ฟมากับแยมพวกผล currant  ในสหรัฐฯไม่ทราบว่าหายากง่ายเพียงใด ไม่ได้ไปมานานแล้วครับ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 19:08

จำไม่ได้ว่า Kidney pie ของอังกฤษ มีรสชาติอย่างไร แต่คงจะต้องอร่อย เพราะจำได้แต่ว่าเคยกินของออสเตรเลียในเมืองเล็กๆ (เมือง Coolgardie) ได้คำสองคำเท่านั้นเองครับ ขิ่วกลิ่นฉี่ขนาดหนักเลย
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 06 พ.ย. 12, 19:35

เห็นรูปพายแบบต่างๆแล้ว นึกอยากอีกเช่นเคย

พายเป็นของหวานและของคาวที่ทำได้ทั้งแบบง่ายและแบบยาก     

ทำพายของหวานแบบห่ามๆแบบผม ก็หาขนมปังบุหรี่หรือแครกเกอร์ เอามาป่น ละลายเนย เอาทั้งลองมาคลุกเคล้ากัน ใส่น้ำตาลเล็กน้อย พยายามปรับปริมาณส่วนผสมให้ออกมาพอดีเป็นคล้ายแ้ป้งนวด (dough) จัดลงถาดพาย กดลงให้เป็นไปตามทรงของถาด หนาบางตามใจ แล้วเอาเข้าเตาอบ คะเนว่าจับตัวแข็งกันดีแล้ว (เริ่มเห็นว่าจะเกรียม) ก็เอาออกมาทิ้งให้เย็น เอาครีมชีสโปะลงไปเป็นชั้นฐาน แล้วเปิดบลูเบอรี่กระป๋องเททับลงไป เอาเข้าตู้เย็นให้แข็งตัว    เอาออกมาตัดกินได้แล้วครับ
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 19 คำสั่ง