เล่ามาเพื่อจะปูทางเข้าเรื่องเงี้ยวครับ
คนเงี้ยวแต่ดั้งเดิมจริงๆนั้น เป็นอย่างไร แต่งตัวอย่างไรผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าในภาคเหนือแถบงาว แพร่ พะเยา มีการใช้หมวกที่เรียกว่า หมวกเงี้ยว ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมวกกุยเล้ยของจีน แต่ขนาดเล็กกว่า แสดงว่า เงี้ยวคงจะทิ้งเอกลักษณ์บางอย่างไว้ให้เหมือนกัน และก็มีประเพณีบางอย่างที่ยังคงหลงเหลืออยู่ต่อมา คือ การฟ้อนเงี้ยว ซึ่งรู้จักและแพร่หลายอยู่แถวเขต จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย ที่คิดว่าไม่เคยได้ยินเรื่องฟ้อนเงี้ยวเลย ก็ดูเหมือนจะเป็นในเขตแพร่ น่าน และลำปาง และซึ่งดูเหมือนว่าจะมีชื่อเรียกขานคำว่า เงี้ยว หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันเพียงเท่านี้
คำว่าเงี้ยว ถูกทดแทนด้วยคำว่าไทยใหญ่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
ที่ตัวเมือง จ.เชียงราย มีประตูเชียงใหม่ ซึ่งเป็นประตูต้นทางของเส้นทางคมนาคมเดิมระหว่างเชียงรายกับเชียงใหม่ ปัจจุบันนี้เรียกชื่อถนนสายนี้ว่าถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ (เส้นทางนี้ สเด้จพระนเรศวรทรงใช้เป็นเส้นทางเดินทัพ) ซึ่งจะมุ่งไปหาแม่น้ำแม่ลาว เส้นทางจะทวนน้ำแม่ลาวขึ้นไป ผ่าน อ.แม่สรวย อ.เวียงป่า แยกไป อ.วังเหนือ สู่พะเยาและลำปางที่จุดนี้ หากทวนน้ำต่อไปก็จะเป็น อ.แม่ขะจาน ข้ามเขาไปลง อ.ดอยสะเก็ด อ.สันทราย แล้วก็เมืองเชียงใหม่ จากเชียงรายประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะมีบ้านท่าล้อ (ท่าเกวียน) ปัจจุบันเรียกว่าบ้านประตูล้อ ที่จุดนี้ คือจุดพักเกวียนที่เดินทางจากเชียงรายไปลำปางและเชียงใหม่ ชาวบ้านเล่าว่าเป็นจุดพักเกวียนของพวกไทยไหญ่ ซึ่งในปัจจุบันก็มีคนเชื้อสายไทยใหญ่ตั้งรกรากอยู่ เส้นทางนี้คือเส้นทางที่มีการเดินสายโทรเลขเชื่อมระหว่างเชียงใหม่กับเชียงราย ซึ่งคงจะดำเนินการไม่นานหลังกรณีเงี้ยวปล้นเมืองเชียงราย บางที่อาจจะเป็นระบบโทรเลขในท้องถิ่นห่างไกลแรกๆของไทยก็ได้
ข้อสังเกตคือ ชาวบ้านก็เรียกคนที่ใช้เส้นทางนี้ว่าเป็นคนไทยใหญ่ ผมก็เลยทึกทักเอาเองว่า คนไทยใหญ่กับเงี้ยวนั้น ก็น่าจะเป็นคนเชื้อสายไตเหมือนกัน แต่อาจจะต่างกันที่ขื่อที่ใช้เรียกสำหรับกลุ่มเชื้อสายคนไตที่เป็นคนธรรมดาหากินตามปรกติ แยกออกไปจากกลุ่มคนพวกที่เฮี้ยว
ตรงนี้อาจจะทำให้คงพอเห็นได้ว่า ในท้องที่ภาคเหนือตอนบนด้านตะวันตกบางส่วน (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย และพะเยา) นั้น แท้จริงแล้วมีคนไทยใหญ่อยู่อาศัยและไปมาหาสู่กัน ทำการค้่าขายอยู่เป็นประจำกับคนเมืองอยู่นานแล้ว
คนไทยใหญ่บางส่วนก็อาจจะเดินข้ามเขาไปทางตะวันออกลงไปในแอ่งระหว่างหุบเขาแล้วเดินเลาะน้ำลงไปก็จะถึงบ้านบ่อแก้วของแพร่ เดินต่ำลงมาก็จะเป็น อ.วังชิ้น แล้วฮึกเหิมรวมพลปล้นเมืองแพร่เสียเลย
ผมเคยเดินทำงานอยู่ในแถบนี้เมื่อสัก 40 ปีมาแล้วยังพอสัมผัสได้กับสภาพที่ตกค้างอยู่ แล้วก็เคยเจอบางเรื่องด้วยตนเองอีกด้วย
อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่พอจะตอบคุณนวรัตน์ก็ได้ว่า เหตุใดจึงมีคนเงี้ยวอยู่กระจายและสามารถรวมพลได้
โรงเรียนป่าไม้ของไทยครั้งแรกๆก็ตั้งอยู่ที่บ้านบ่อแก้วนี้แหละครับ ก็คงจะมีเหตุผลอยู่พอสมควรเลยทีเดียว