V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 105 เมื่อ 05 พ.ย. 12, 06:35
|
|
ลำดับโทษ ๖ สถานเรียงจากหนักไปหาน้อยครับ ๑. จำขัง ๒. ขังเดี่ยว ๓. ขังรวม ๔. กักยาม ๕. โบย ๖. ภาคทัณฑ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:02
|
|
ขอบคุณค่ะ ถ้าเป็นงั้น ถือว่าโบย เบาเป็นอันดับ 2 คงไม่ได้โบกหนักหนาอะไร ส่วนจำขัง แตกต่างจากขังเดี่ยวยังไง และหนักกว่าตรงไหนยังไม่ทราบ ดิฉันสังเกตว่าเครื่องแบบตำรวจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เข้าไปค้นในเว็บทางการของตำรวจก็พบแต่หัวข้อ แต่เข้าไม่ได้ โชคดีไปเจอบล็อคของพ.ต.ท.สุพจน์ มัจฉา ท่านเข้าอีก เล่าเรื่องนี้ไว้ จึงขอนำมาลงให้กระทู้นี้ให้อ่านกันค่ะ http://mrsp2503.blogspot.com/2010/07/blog-post_1919.htmlการแต่งกายของตำรวจภูธรในปี พ.ศ.๒๔๔๐ คือ สมัยรัชกาลที่ ๕ ตามบันทึกจากเอกสารการรายงานของพระยามหาอำมาตย์ ผู้แทนเสนาบดีเสนอพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๗ ตอนหนึ่งระบุว่า
พลตำรวจภูธรใช้เสื้อแบบราชการสีกากี กระดุมแบบทองขาว อินทนูใช้ผ้าสักกลาดดำตัดเปนแผ่นกว้าง ๕ เซ็นติเม็ตร์พาดยาวตามบ่ากางเกงขาสั้นสีกากี หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กระบังหน้าหนังดำสายรัดคางใช้ด้ายขาวถัก คาดเข็มขัดหนังดำนอกเสื้อ เหน็บดาบปลายปืน
นายสิบแต่งกายใช้เสื้อกางเกง หมวกอย่างเดียวกับพลตำรวจ ผิดกันแต่นายสิบตรีมีบั้งด้ายขาวถักติดแขนเสื้อเหนือข้อศอกซ้าย ๑ บั้ง นายสิบโท ๒ บั้ง นายสิบเอก ๓ บั้ง จ่านายสิบ ๔ บั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 107 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:04
|
|
นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร์ แต่งกายในเวลาปรกติ เสื้อแบบราชการสีขาวแลสีกากี กระดุมทองขาว กางเกงขายาวขาวแลสีกากี สรวมรองเท้าหนังดำหุ้มข้อเท้า หมวกทรงหม้อตาลสีขาวแลสีกากี กระบังหน้าหนังดำ สายรัดคางเงิน มีตราอาร์มแผ่นดินติดที่หน้าหมวก คาดเข็มขัดในเสื้อ เหน็บกระบี่ยาว ภู่กระบี่เงิน ส่วนอินทนูถ้าเปนฝ่ายประจำการใช้สังกะสีตัดเปนแผ่นยาวตามบ่าย่อมุม ๒ มุมทางต้นบ่า หุ้มสักลาดดำ มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร ขลิบริม ๓ ด้านตั้งแต่ต้นบ่ามาปลายบ่า ถ้าเปนฝ่ายพนักงานใช้สังกะสีตัดเปนแผ่นย่อมุมทั้ง ๔ มุม หุ้มผ้าสักกลาดสีดำ มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร ขลิบริมทั้ง ๔ ด้านติดขวางบ่า นายร้อยตรีประจำการ จักร์ชุบทองติดบนปลายอินทนู ๆละ ๑ จักร นายร้อยตรีพนักงาน มีจักร์ชุบทองติดบนกลางอินทนูๆ ละ ๑ จักร นายร้อยโท ๒ จักร นายร้อยเอก ๓ จักร นายพันตรี นายพันโท นายพันเอก ใช้อินทนูและติดจักร์เครื่องหมายยศวิธีเดียวกันกับนายร้อย แต่มีแถบเงินกว้าง ๑ เซ็นติเม็ตร์ทาบบนกลางอินทนูตามอินทนู นอกจากนี้ยังแยกเป็นแต่งครึ่งยศ(เสื้อขาว กางเกงสักกหลาดดำมีแถบขาวด้านข้าง) , แต่งครึ่งยศใหญ่(เสื้อสักหลาดดำ) , แต่งเต็มยศดำ(ใช้หมวกแฮลเม็ดมีตราอาร์มแผ่นดินเงินดวงใหญ่ติดหน้าหมวก) และแต่งเต็มยศขาว(ใช้เสื้อสีขาว หมวกแฮลเม็ด)
ปี พ.ศ.๒๔๕๒ มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวทหารบกคือ พลตำรวจใช้หมวกทรงหม้อตาลสีเทา มีตราประทุมอุนาโลมติดหน้าหมวก(เดิมพลตำรวจไม่มีหน้าหมวก) เสื้อรูปกระสอบสีเทา คอพับ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินแก่ อินทนูผ้าสักกะลาดสีเทา มีเลขหมายราบตามทหารบกในมณฑลนั้นๆ ติดบนปลายอินทนู คาดเข็มขัดหนังสีเหลืองนอกเสื้อ เหน็บดาบปลายปืน นายสิบตรี นายสิบโท นายสิบเอก มีบั้งเช่นเดิม นายตำรวจสัญญาบัตร์ เสื้อแบบราชการสีเทา คอพับ ใส่กระดุมแบนในสาบเสื้อ มีพระเกี้ยวชุบทองติดที่พับคอเสื้อข้างละ ๑ คู่หากเป็น "ประจำการ" หรือมีดอกจันทน์ชุบทองติดที่พับคอเสื้อข้างหน้า ๑ คู่ หากเป็น "พนักงาน"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 108 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:06
|
|
ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๕๘ สมัยรัชกาลที่ ๖ จึงมีพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวตำรวจภูธรขึ้น หมวดที่ ๒ ว่าด้วยเครื่องแต่งตัวตำรวจภูธร มาตรา ๔ เครื่องแต่งตัวนายสิบตำรวจภูธร พลตำรวจภูธรให้มีดังนี้
หมวกทรงหม้อตาลสีน้ำตาล มีแถบดำรอบขอบหมวก สายรัดคางหนังดำ มีตราประทุมอุณาโลม เสื้อแบบราชการสีน้ำตาล กางเกงอย่างกว้าง ขาสั้นสีน้ำตาล , อินทร์ธนูรูป ๔ เหลี่ยมรีกว้าง ๕ เซ็นติเมเตอร์ หุ้มผ้าสีดำ ต้นแผ่นเปน ๓ เหลี่ยม ติดตามตรงบ่าตั้งแต่คอไปหาไหล่ ผ้าพันแข้งสีน้ำตาล , รองเท้าสีน้ำตาล จ่านายสิบนั้น ให้ใช้หมวกทรงหม้อตาล มีกระบังดำ กับใช้เสื้อแบบราชการสีขาวได้
มาตรา ๗ เครื่องแต่งตัวตำรวจภูธรชั้นนายร้อย นายพัน ให้มีดังนี้
หมวกทรงหม้อตาลสีน้ำตาล มีกระบังสีดำ มีแถบผ้าสักกระหลาดดำ พันรอบขอบหมวก สายรัดคางหนังดำ มีตราประทุมอุณาโลมติดที่หน้าหมวก เมื่อใช้เสื้อสีใดต้องใช้ปลอกหมวกสีนั้น , หมวกกันแดดสีน้ำตาล มีตราประทุมอุณาโลม สายรัดคางหนังดำ แถบผ้าสักกระหลาดดำ พันรอบหมวก
หมวกแฮ็ลเม็ดสีน้ำตาล มียอด มีโซ่รัดคาง มีตราที่หน้าหมวกทำด้วยเงิน มีแถบสักกระหลาดดำพันรอบหมวก เสื้อแบบราชการสีน้ำตาล ปลอกคอและข้อมือสีดำ มีขลิบแถวเงินกว้าง ๑ เซ็นติเมเตอร์ที่ปลายคอ ๑ เส้น ที่ข้อมือ ๒ เส้น , กางเกงผ้าขาสั้นสีน้ำตาล กางเกงสักกระหลาดสีน้ำตาลขาสั้นหรือขายาว มีแถบสีดำกว้าง ๕ เซ็นติเมเตอร์ติดที่ตะเข็บขากางเกงข้างนอก ผ้าพันแข้งสีน้ำตาล สนับแข้งสีน้ำตาล รองเท้าสีน้ำตาลหุ้มข้อเท้า ในเมื่อเวลาใชกางเกงขาสั้นให้ใช้ผ้าพันแข้งหรือสนับแข้งสีน้ำตาลหรือจะใช้รองเท้าสูงแทนสนับแข้งก็ได้
เครื่องหมายตำแหน่งดูจากบนอินทร์ธนูที่บ่า ยศนายร้อยตำรวจตรี นายพันตำรวจตรีและนายพลตำรวจตรีมีจักร์ ๑ จักร , นายร้อยตำรวจโท นายพันตำรวจโทและนายพลตำรวจโท มีจักร์ ๒ จักร , นายร้อยตำรวจเอก นายพันตำรวจเอก นายพลตำรวจเอก มีจักร์ ๓ จักร (มาตรา ๑๒ ข้อ ๒) นอกจากนี้บนกลางอินทร์ธนูหากเป็นตำรวจหัวเมืองให้ติดเลขหมายมณฑล หากประจำการตำรวจภูธรให้ติดพระมหามงกุฎ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๒ หน้า ๓๙ วันที่ ๔ เม.ย.๒๔๕๘)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 109 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:06
|
|
ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๗๗ มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบตำรวจอีกครั้งหนึ่งแบ่งเครื่องแบบเป็น ๕ ประเภท คือ เครื่องปกติ , เครื่องหัด , เครื่องสโมสร , เครื่องเต็มยศขาวและเครื่องเต็มยศ เครื่องปกติ หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กะบังหน้าหนังสีดำ มีสายรัดคางหนังสีดำ กว้างหนึ่งเซ็นติเมตร มีดุมสีดำขนาดเล็กติดข้างละหนึ่งเม็ด ที่ด้านหน้าหมวกติดตราทำด้วยโลหะสีเงินเป็นรูปอุณณาโลมอยู่กลางจักร รอบนอกวงจักรมีลายเปลวในรอบวงจักรมีอักษรว่า "พิทักษ์สันติราษฎร์" นอกจากนี้ให้มีหมวกกันแดดสีกากีและมีตราติดหน้าหมวกลักษณะดุจเดียวกับตราติดหน้าหมวกทรงหม้อตาล ให้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีกากีและกางเกงสีกากี แต่จะใช้เมื่อใดให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะกำหนด
นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ให้ใช้หมวกกันแดดสีขาวและมีตราติดหน้าหมวกดั่งกล่าวแล้วในวรรคก่อนใช้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีขาวและกางเกงสีขาวได้ด้วย
เสื้อแบบราชการ ผ้าหรือสักหลาดสีกากี มีดุมที่อกเสื้อเจ็ดดุม มีกะเป๋าเย็บติดภายนอกข้างขวาและข้างซ้ายข้างละสอง เป็นกะเป๋าบนและล่างอย่างละสอง กะเป๋าบนมีใบปกรูปมนชายกลางแหลม มีแถบเย็บติดตรงกึ่งกลางตามทางดิ่ง กะเป๋าล่างเป็นอย่างย่ามมีใบปกรูปตัด ทั้งสี่กะเป๋ามีรัดดุมที่ใบปกสำหรับขัดดุมซึ่งติดอยู่ตรงปาก กับมีอินทรธนูสีเดียวกันกับเสื้อเย็บเป็นแผ่นเหลี่ยมเรียวทางด้านไหล่ไปทาง ด้านคอติดอยู่เหนือบ่าทั้งสองข้าง ด้านทางไหล่กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร เย็บกับตะเข็บเสื้อ ด้านทางคอกว้าง ๒.๕ เซนติเมตร ปลายมนและขัดดุมด้วยวิธีเจาะเสื้อสอดก้านดุมลงไปติดควงภายในเสื้อ ดุมทั้งสิ้นที่กล่าวมาแล้วมีลักษณะกลมมนทำด้วยวัตถุสีน้ำตาล
กางเกงทำด้วยผ้าหรือสักหลาดสีกากีขายาว พับปลายขา ส่วนนักเรียนนายร้อยตำรวจ นายดาบตำรวจหรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้ใช้กางเกงขายาวสีขาวพับปลายขาประกอบกับเสื้อสีขาวได้ด้วย กับให้มีกางเกงทำด้วยผ้าหรือสักหลาดสีกากีชะนิดขาสั้นหุ้มเข่า ใช้ประกอบกับเสื้อแบบราชการสีกากีในเวลาขี่ม้า หรือในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะกำหนดให้ อนึ่งเมื่อใช้กางเกงสีกากีชะนิดขาสั้นดั่งว่านี้ต้องใช้ผ้าพันแข้งสีกากีหรือสนับแข้งสีน้ำตาลประกอบกับรองเท้าบู๊ตทำด้วยหนังสีน้ำตาล และถ้าเป็นนักเรียนนายอร้อยตำรวจ นายดาบตำรวจ หรือนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร จะใช้ทอปบู๊ตหนังสีน้ำตาลก็ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 110 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:08
|
|
มาดูรูปกันดีกว่าค่ะ
เครื่องแบบตำรวจประมาณพ.ศ. 2460
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 111 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:10
|
|
ภาพนี้บรรยายว่า เครื่องแบบตำรวจก่อน พ.ศ.๒๔๗๐ น่าจะเป็นพลตระเวนหรือตำรวจชั้นประทวน เท้ายังเป็นหนังธรรมชาติอยู่เลย ไม่ได้สวมรองเท้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:11
|
|
เครื่องแบบตำรวจลำปางปี พ.ศ.๒๔๗๒
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 113 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:14
|
|
เครื่องแบบนายตำรวจปี พ.ศ.๒๔๘๑ สวมรองเท้ากันหมดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 114 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:17
|
|
เครื่องแบบตำรวจปี พ.ศ.๒๔๘๓ ดูไม่ออกว่ามือขวาตำรวจคนนี้หิ้วอะไรไว้นะคะ ไหล่ซ้ายขวาก็สะพายอะไรเอาไว้ทั้งสองไหล่ เหมือนจะเดินทางไกล งั้นแหละ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 115 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:21
|
|
ภาพทั้งสองนี้บรรยายว่าเป็นตำรวจในพ.ศ. 2495 เช่นกัน แต่ก็เพิ่งรู้ว่าตำรวจพ.ศ.เดียวกันแต่คนละเมืองแต่งเครื่องแบบไม่เหมือนกัน ภาพซ้ายเป็นหัวหน้าจราจร กก.ภ.จว.เชียงใหม่ (มิถุนายน ๒๔๙๕)นุ่งกางเกงเหมือนทหารม้า ส่วนภาพขวาไม่ได้บอกว่าที่ไหน แต่เดาว่าเป็นกรุงเทพ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 116 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:23
|
|
โทษจำขัง แตกต่างจากขังรวมตรงที่เป็นการขังเดี่ยว ตรงที่ขังเดี่ยวเป็นการแยกผู้ต้องขังไปควบคุมเป็นรายบุคคล แต่จำขังนั้น เป็นการขังเดี่ยวที่ใส่ขื่อคาเครื่องจองจำครบ
การโบยนั้น ให้โบยด้วยหวายที่น่อง ครั้งหนึ่งไม่เกิน ๓๐ ที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 117 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:25
|
|
รูปนี้เคยลงในเรือนไทยมาก่อน คุณตำรวจจราจรที่กางแขนรำสวยคนนี้น่าจะอยู่ในช่วงทศวรรษ 2490s ไม่เกิน 2500 กางเกงปลายรวบ ไม่ปล่อยตรงอย่างสมัยนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 118 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:26
|
|
เครื่องแบบตำรวจนั้นอนุโลมตามเครื่องแบบทหารครับ ในสมัยก่อนนายทหารสัญญาบัตรนอกจากสวมกางเกงขายาวตามปกติแล้ว ยังมีกางเกงขี่ม้าให้ใช้ประกอบเครื่องแต่งกายด้วย นายตำรวจสัญญาบัตรในยุคก่อนจึงใช้กางเกงขี่ม้าประกอบเครื่องแต่งกายในบางโอกาสด้วย แต่ส่วนจ่านายสิบ นายสิบ และ พลทั้งทหารและตำรวจ เว้นแต่เหล่าม้าแล้ว ไม่มีสิทธิ์สวมกางเกงขี่ม้าไม่ว่าในกรณีใดๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 119 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 17:27
|
|
ขอบคุณที่เฉลยค่ะคุณ V_Mee ดิฉันก็คิดเหมือนกันว่า จำขังน่าจะมีอะไรบวกเข้ามาอีกจากขังเฉยๆ จึงเป็นโทษหนักสุด ส่งท้ายด้วยเครื่องแบบตำรวจสมัยกึ่งพุทธกาล 2500
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|