Wandee
|
ข่าวเบ็ดเตล็ด จาก หนังสือสยามไมตรี รายสัปดาห์ หรือ ศิริ ออบเซอร์เวอร์สัปตะมะวาร
ซึ่งเก็บความมาจากหนังสือ ออบเซอร์เวอร์
เริ่มพิมพ์ปี ร.ศ. ๑๑๓
เจ้าของคือ มิศเตอร์ ดับลิว. เอ. ยี. ตีเลกี
หนังสือสยามไมตรี จัดว่าเป็นหนังสือข่าวที่หาอ่านยากมาก นักสะสม/นักเขียนเรื่องเก่าก็ได้เห็น
เพียงฉบับสองฉบับ ในปัจจุบันเข้าใจว่าห้องสมุดสำคัญ ๆ เก็บเอกสารไม่ให้บริการแล้ว เนื่องจากกระดาษ
ชำรุดเปื่อย จับก็ขาดคามือ
ดิฉันค้นหาข้อมูลบางประการในเรื่องสกุลใหญ่ของสยาม ได้ข้อมูลจากหอจดหมายเหตุบ้าง แต่รายละเอียด
ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเป้าหมายแทบหาไม่ได้เลย มาเจอในสยามไมตรีหลายเรื่อง เพราะสยามไมตรีออกอยู่หลายปี
อ่านเจอเรื่องแปลก ๆ หลายเรื่อง จึงขอนำบางเรื่องมาฝากเพื่อน ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 12:31
|
|
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการวิ่งราวหมวกสุภาพบุรุษ ที่เกิดขึ้นชุกชุม เพราะหมวกจำนำได้ราคาดี
มีลูกค้าต้องการ และเปลี่ยนมือเร็ว หมวกสักหลาดสีดำ น้ำตาล เทา ของนอกที่มีริบบิ้นคาด ที่บอกขายอยู่ราคาใบละ ๘ บาท
หมวกที่ทำจากใยสับปะรสก็มี หมวกสานก็มี แต่ยังไม่มีการเอ่ยถึงหมวกหางนกยูงเลย(ประดิษฐจากก้านแข็งของ
ขนหางนกยูง สีขาวนวล ดัดทรงได้ดี)
การวิ่งราวนั้น ตัวโจรโดยมากออกกระทำการคนเดียว บางครั้งมีสองคน คนแต่งตัวดีจะเป็นคนลงมือ
เพราะเหยื่อไม่ทันระวังตัว โจรที่แต่งตัวมอซอจะยืนอยู่ห่างออกไป เช่นหลังประตูวัดเป็นต้น เมื่อฉกฉวยโฉบ
หมวกได้มาแล้ว ก็กวดแหน่บมาทางที่ผู้ร่วมคิดคอยอยู่ โจรที่คอยก็จะรีบปิดประตูวัดทันทีที่เพื่อนร่วมทาง
ผ่านประตูวัดเข้ามา เจ้าของหมวกที่ติดตามมาก็ไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้
การวิ่งราวหมวกนั้น ไม่ค่อยมีรายงานเรื่องจับผู้ร้ายได้ เพราะพลตระเวณมีจำนวนน้อย ขนาดตัดจี้ หรือ
ง้างกำไลเท้าเด็ก พลตระเวณก็ดูแลแทบไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พลตระเวณยังต้องเผชิญกับอั้งยี่ที่เดินกันเป็นกลุ่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 12:42
|
|
รายงานของ สยามไมตรี ดูจะมีสีสันอยู่ไม่น้อย เพราะเรียกการโฉบหมวกจากผู้โดยสารรถว่า นกแสกโจมตี
นกฮูกโจมตี
วิธีปฎิบัติการที่เลือกลูกค้าที่นั่งอยู่ในรถ เป็น วิธีปฎิการที่เชี่ยวชาญมาก โดยมากรถกำลังอยู่บนสพาน ถ้าเป็นเวลา
กลางคืนกลับจากดูหนังดูลคร ผู้โดยสารก็เหนื่อยเพลีย คนขับหรือคนลากก็มัวออกแรงบังคับรถอยู่ ไม่สามารถจะช่วยเหลือ
ผู้โดยสารของตนได้ แค่ช่วยร้อง ไอ้หยา ไอ้หยา ไอ้หยา ก็น่าจะนับว่าเป็นการแสดงความเห็นใจที่พอเพียงแล้ว(กับค่าโดยสาร)
เรื่องคำอุทานซ้ำนั้น สยามไมตรีเล่าไว้ค่ะ คนนำมาเล่าต่อคิดเองไม่เป็นว่าควรจะร้องกี่ครั้งดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 13:24
|
|
เรื่องนกแสก นกฮูก และนกทึดทือนี่ มีความหมายบางอย่างแฝงอยู่
คดีืีที่เกิดขึ้น อ่านแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เพราะนกแสกโฉบเฉี่ยวมา แล้วหมวกก็หายไป
ผู้โดยสารนั้นจะมีผ้าคลุมปิดอยู่ด้านหน้า รายงานบางชิ้นก็ลงรายละเอียดว่า
มีผ้าคลุมลายดอกไม้ ผู้โดยสารส่วนมากก็วิ่งตาม แต่ไม่ทัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 13:35
|
|
ขอนำเรื่องที่จำไว้มาเล่าพอครึกครื้นนะคะ
สยามไมตรี ๑๔ มกราคม ร.ศ. ๑๑๓
เมื่อวันที่ ๗ มกราคม เวลา ๕ ทุ่มเศษ นายสินนั่งรถมากับภรรยาจะกลับบ้าน
นายผันคนร้ายก็ลอบฉวยหมวกที่นายสินสรวม นายสินก็นั่งงงอยู่
ภรรยานายสิน(เสียดายมากที่ไม่ได้ลงชื่อ) ก็กระชากไม้ถือจากสามี วิ่งตามผู้ร้ายไป
ผู้ร้ายโชคร้ายมาก อำแดงผู้นี้ก็ฟาดไม้ลงกลางศีรษะผู้ร้าน แตกยาว ๔ นิ้ว กว้าง ๑ เมล็ดข้าวเปลือก
ผู้ร้ายล้มลงแทบพื้นถนน (คุณนายเธอคงตวาดสุดเสียงด้วยล่ะ/คนเล่า)
พลตระเวณซึ่งรักษาหน้าที่จึงตรงเข้าจับตัวอ้ายผันคนร้ายไว้ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 13:42
|
|
"โจรขโมยหมวก" ในละครเรื่อง "สาวน้อย" ตั้งแต่นาทีที่ ๗.๓๐ ถึงนาทีที่ ๑๐.๐๐ ข่าวใหญ่ขณะนั้นคือการฟอร์มรัฐบาล คาดว่าหลวงพิบูลจะได้ขึ้นเป็นนายก ข่าวเล็กคือโจรขโมยหมวกอาละวาดแถวคลองหลอด การโฉบหมวกไม่ใช้นกแสก นกฮูก แต่ใช้ตุ๊กแก 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 13:48
|
|
วันที่ ๑๔ มกราคม
จีนเจียงเปิดร้านขายของที่สำเพ็งเวลาเช้า ๑ โมงเศษ อ้ายผ่องคนร้ายลอบเข้าไปขโมยผ้าห่มลายสกอต
ไปได้หนึ่งผืน แล้ววิ่งไป พลตระเวณจึงวิ่งไล่จับตัวไอ้ผ่องคนร้ายกับของกลาง ส่งศาลแล้ว
(เรื่องคำว่า อ้าย หรือ ไอ้เป็นธรรมเนียมเรียกผู้ต้องคดีค่ะ ขนาดพระยาโดนถอดยศก็คือ "อ้าย" เหมือนกัน)
๑๙ มีนาคม ผู้ร้ายวิ่งหมวก ติดคุกหนึ่งเดือน
นกฮูกเฉี่ยวหมวกข้าราชการที่อ่างศิลา
๒๑ พฤษภาคม นกแสก ปฎิบัติการเชิงสพานวัดสุทัศน์
๔ มิถุนายน จีนบู๊เสียหมวก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 13:57
|
|
ขอบคุณค่ะ คุณเพ็ญชมพูชูใจ
ฮ่ะ ๆ สมัยหนึ่ง รัชกาลที่ ๖ กระมัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์หนึ่งยืนสนทนาอยู่กับ
ข้าราชการสองสามคนแถวสนามหลวง พระมาลาฝรั่งของเสด็จในกรมก็โดนเบ็ดเกี่ยวหายแว่บไป ข้าราชการที่อยู่แถวนั้น
หายใจไม่ทั่วท้อง เสด็จในกรมก็รับสั่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แป้บเดียวก็มีเสียงวิ่งตึก...ตึกมา พระมาลา
ของเสด็จในกรมก็กลับมาอย่างเรียบร้อย คนที่วิ่งราวพึ่งจำเสด็จในกรมได้ พลทหารเรือนี้วิ่งได้เร็วจริง ๆ
ใช้เบ็ดเกี่ยวค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 14:02
|
|
๒ กค จ.ศ. ๑๑๔ วิ่งราวในเรือ
๒๓ กค วิ่งราวหมวก
๒๗ สค วิ่งราวหมวกสาน
๑ กย ผู้หญิงวิ่งราวหมวก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 14:23
|
|
ชื่อนกที่ สยามไมตรีเรียกนักวิ่งราว เป็นสัญลักษณ์ของนกที่หากินกลาางคืน
ไม่ใช่หัดนกให้เป็นนกจารกรรมค่ะ
นกแสกบินมาร้อง "แสก....." แว่บหายไป
นกฮูก ร้องดัง "ฮูก....ฮูก" ตกใจแน่นอน อะไรแว่บ ๆ มาข้างตัว
นกเค้าแมวร้องว่าอย่างไร วันดีถามสหายหนุ่มน้อย ผมดกปกไหล่ ใบหน้าผ่องใสดังทองทาผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มตอบว่า "เมี้ยว ๆ" ครับ
วันดี "บ้านคุณหรือนกเค้าแมวร้อง เมี้ยวๆ"
นกทึดทือ นี้ หนังสือพิมพ์ใช้ในเรื่องเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการระดับอธิบดี เพียงสองครั้งเท่านั้น
วันหนึ่ง เสด็จในกรมองค์หนึ่งนั่งรถ มีคุณหลวงนั่งตรงข้าม นกทึดทือโจมตี คุณหลวงผู้สังเกตอยู่แล้วป้องกันไว้ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 14:32
|
|
๒๕ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๑๔ หมวกใยสับปะรด
๓ มิถุนายน ร.ศ. ๑๑๔ คนสรวมหมวกสาน ยืนคอยขึ้นรถไออยู่เชิงสพานเหล็ก คลองผดุง
ผู้ร้ายดึง เจ้าของหมวกมีกำลังมากดึงหมวกไว้อยู่
๑๐ มีนาคม ร.ศ. ๑๑๔ เกิดเหตุริมถนนเฟื่องนคร วิ่งราวหมวก
๒๖ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๕ นายหึงเสียหมวก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 14:54
|
|
๙ มีนาคม ๑๑๕
วิ่งหมวกที่ประตูวัดสามจีนบ่อย พลตระเวณไม่พอกับงาน
๑๖ มีนาคม ๑๑๕
นายปุ่นเดินอยู่ผู้เดียวที่ถนนรอบกำแพงพระนคร เสียหมวก
๕ เมษายน ๑๑๖ สยามไมตรีโวยวายว่านกทึดทือบุกบ้านขุนหลวงพระไกรศรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลพระราชอาชญา
งัดเข้ามาในบ้าน กำลังจะแกะรูปภาพที่ผนัก สองรูปไป บังเอิญทีเด็กหนุ่มนอนอยู่ในห้องรับแขก
จึงไม่เสียของ
๒๐ เมษายน นายโชคเข้าตรอกวัดราชบูรณะ โชคไม่ดีเสียหมวกไป
วันเดียวกัน นายชุ่ม แย่งหมวกกับคนร้าย เสียสายนาฬิกาทองคำไปหลายร้อยบาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 15:09
|
|
สยามไมตรี รายงานข่าวค่ะ
อั้งยี่เกะกะมาก นึกไม่ถึงว่ารายละเอียดจะมีมากถึงเพียงนี้
ปล้นแบบไอ้เสือเอาวาไม่มี แต่ร้องไอ้เสือถอยมี
อั้งยี่ให้สิทธิสตรีมาก คือทำร้ายก่อนทำร้ายฝ่ายชายด้วยซ้ำไป
ปล้นแม่ค้าขายขนม เหยียบเรือล่ม ถ้วยขนมจมน้ำ แม่ค้าขอค่าเสียหายนิดเดียว
ใครขายอะไรได้ อั้งยี่ปล้นหมดไม่เกี่ยง
หลอกเด็กผู้หญิงไปขายต่อที่ซ่องหรือสำนักโสเภณี
กระชากต่างหูเพชร หูขาดทั้งสองข้างก็มี
ปล้นแล้วเผา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 15:13
|
|
ฝากปัญหาไว้ข้อหนึ่งนะคะ
นกทึดทือร้องว่าอย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 26 ต.ค. 12, 18:46
|
|
ทึดทือ น. ชื่อนกในวงศ์ Strigidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับนกเค้า ตัวสีนํ้าตาล มีลายกระสีขาว ลําตัวด้านบนและปีกสีเข้มกว่าด้านท้อง ขนคิ้วยาว เห็นได้ชัด ตาสีเหลือง ขาไม่มีขน หากินในเวลากลางคืน ในประเทศ ไทยมี ๒ ชนิด คือทึดทือพันธุ์เหนือ ( Ketupa zeylonensis) และ ทึดทือมลายู ( K. ketupa). ทึดทือพันธุ์เหนือ ( Ketupa zeylonensis) ชื่อภาษาอังกฤษคือ Brown Fish Owl คุณวันดีฟังเสียงร้องของมันได้จากคลิปนี้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|