Wandee
|
พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (ทองคำ เศวตศิลา) เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๒
ที่บ้านพักในบริเวณพระบรมมหาราชวัง จังหวัดพระนคร
บิดาคือ มิสเตอร์ เฮนรี อาลาบาสเตอร์ มารดาคือ นางเพิ่ม อาลาบาสเตอร์
มีน้องชายร่วมบิดามารดา ๑ คน ชื่อ ทองย้อย เศวตศิลา (มหาอำมาตย์ตรี พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง)
เมื่อบิดาเสียชีวิต ใน พ.ศ. ๒๔๒๗ ทองคำอายุ ๕ ปี มิได้รับมรดกจากบิดาเลย มีมานะหาเงินค่าหนังสือ ค่าแต่งตัวโดยขายดินสอหิน
เวลาโน้นนักเรียนใช้ดินสอหินเขียนบนกระดานชนวน และให้นักเรียนกู้อัฐโดยคิดดอกเบี้ยสูง เงินที่ขายดินสอกินหรือดอกเบี้ยที่ได้
โดยมากก็ไม่พอใช้ในการศึกษา เมื่อขึ้นชั้นใหม่ครูสั่งให้ซื้อหนังสือ ไม่มีเงินซื้อเลยต้องหยุดเรียนไป ไปหาสตางค์จนพอซื้อแล้วจึง
กลับมาเรียนอีก มีหลายครั้งหลายหนเป็นการเสียเวลามาก แต่ก็จำใจต้องทำอย่างนั้น (เรื่องนี้ท่านเขียนไว้ในจดหมายให้บุตรชาย
เมื่อจะไปเรียนต่างประเทศ)
คุณปู่คุณย่าของทองคำก็จากบิดาไปในเวลาใกล้เคียงกันนี้ ยังดีที่บิดาและลุงอีกสองคนมีพี่สาวแท้ ๆ ของคุณปู่นำไปเลี้ยงดูอย่างรักใคร่เมตตา
อุปนิสัยที่ถ่ายทอดมาจากสายเลือดที่อดทน แสวงความก้าวหน้าให้กับชีวิต ย่อมได้รับความเจริญเป็นรางวัลชีวิตตอบแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 18 ก.ย. 12, 14:44
|
|
ทองคำเรียนหนังสือที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง จนจบประโยค ๒
ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในเวลานั้น สอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ได้จารึกนามบนแผ่นศิลาของโรงเรียน
ได้เข้ารับราชการเป็นนักเรียนกรมแผนที่ ในกรมแผนที่ กระทรวงมหาสมบัติ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๓๗
จนจบบริบูรณ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ สอบได้ที่ ๑ ได้เป็นครูแผนที่ ได้รับเงินเดือนเกือบ ๑๐๐ บาท
เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ พระยาเทเวศร์ ได้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ท่านเป็นหลวง ท่านไม่ยอมรับสัญญาบัตร
แต่ขอไปเรียนวิชาป่าไม้ที่ประเทศอินเดียแทน ท่านถูกส่งไปเรียนที่เดระกูน ซึ่งเป็นโรงเรียนวิชาชีพชั้นสูงระหว่างปี ๒๔๔๔ - ๒๔๔๕ ท่านสอบได้ Higher Standard
ได้ประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัล ๑ เหรียญ นักเรียนไทยอีก ๓ คนที่ไปศึกษาในเวลาเดียวกันสอบไม่ได้
ความยากจนแสนสาหัสที่ท่านต่อสู้ผจญมา ทำให้ท่านสามารถต่อสู้ชีวิตของนักเรียนป่าไม้ในประเทศที่นักเรียนชองชาตินั้นก็
ลือชากันว่าลำบากได้ แถมยังมีสติปัญญาเป็นเลิศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 18 ก.ย. 12, 15:19
|
|
ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมป่าไม้ที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๖
ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมป่าไม้นครลำปาง แพร่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ลำพูน และกลับมายังแพร่อีกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒
ได้เลื่อนยศเป็นพระวันพฤกษ์พิจารณ์
เนื่องจากคุณพระมีความสนใจในวิชาพฤกศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง จึงเดินทางไปศึกษาที่ Kew ประเทศอังกฤษ ด้วย
ทุนทรัพย์ส่วนตัว ได้ประกาศนียบัตรวิชาต้นไม้ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗ และประกาศนียบัตรวิชาของป่า
เมื่อ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๗ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีพันธุ์ไม้หลายอย่างได้ตั้งชื่อตามนามของท่าน
ข้าราชการกระทรวงเกษตรต่อมา และนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตร ล้วนภาคภูมิใจในตัวท่านทั้งสิ้น
(ที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า มีหนังสือในวงการเกษตรอยู่มาก บิดาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในกรมข้าว เมื่อไม่มีอะไรอ่าน ข้าพเจ้า วันดี ก็อ่านหนังสือตำราต้นไม้ของท่านเจ้าคุณวันพฤกษ์ ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากกว่ารู้เรื่อง คนในบ้านขบขันว่าเด็ก อย่างข้าพเจ้าจะรู้อะไร จึงถามว่า วันพฤกษ์พิจารณ์อยู่กรมอะไร ข้าพเจ้าตอบเสียงดังว่า กรมป่าไม้ซิ วรรณพฤกษ์ แปลว่าป่าอย่างไรเล่า เรื่องอ่านแล้วพาดพิงแปลเองนั้น สหายนักอ่านหนังสือเก่าทราบดี ว่าข้าพเจ้า แปลได้ไม่พลาดมากนัก)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 19 ก.ย. 12, 14:45
|
|
เมื่อสำเร็จการศึกษามาจากประเทศอังกฤษกลับมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้รับตำแหน่งเป็นปลัดกรมป่าไม้ และย้ายไปประจำที่กันตัง
ได้ออกไปจัดตั้งกองป่าไม้ในมณฑลภูเก็ต นครศรีธรรมราชและปัตตานี
พ.ศ. ๒๔๕๙ ได้ย้ายจากกันตังไปอยู่สงขลา แต่คงรักษาการมณฑลภูเก็ตด้วย
พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้ย้ายเข้ามากรุงเทพ
พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บำรุงป่าไม้ตอนใต้ทั้งหมด ย้ายจากกรุงเทพไปสงขลาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐
เมื่ออายุครบ ๕๕ ปี ออกมารับพระราชทานบำนาญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 19 ก.ย. 12, 15:36
|
|
เก็บรายละเอียดที่น่าสนใจเป็นที่ยิ่ง จากหนังสืออนุสรณ์ของ คุณพูนศรี พูนพิพัฒน์ ธิดาคนที่ ๑๒ เมื่อเล่าถึงครอบครัว
บ้านพักข้าราชการป่าไม้ จังหวัดสงขลา ชื่อว่าบ้านศุขสวัสดิ์ อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลสงขลา ซึ่งบ้านนี้เคยเป็นตำหนัก
ของหม่อมเจ้าสืบศุขสวัสดิ์ อดีตข้าราชการกรมป่าไม้
ครั้นถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ เกิดเหตุการณ์กบฎบวรเดช ระหว่างนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารที่ใกล้ชิด ได้เสด็จ ฯ ลงเรือมาประทับที่
จวนของเทศาภิบาลจังหวัดสงชลา ท่านองคมนตรีขณะนั้นเป็นลูกเสือ ได้ไปทำหน้าที่ยืนเฝ้าประตู ณ ที่ประทับด้วย
บ้านในกรุงเทพอยู่ข้างวัดชนะสงคราม ย่านบางลำภู เป็นที่ดิน ๑๐๐ ตารางวา บ้านเป็นเรือนไม้สักใหญ่สองชั้น
ชั้นบนแบ่งเป็นห้อง ๆ ทั้งสองด้าน มีทางเดินผ่ากลาง สำหรับภริยาแต่ละคนนอนรวมอยู่กับลูกสาวของตน ส่วนลูกชาย
จะนอนที่ห้องชั้นล่างซึ่งส่วนหนึ่งกั้นเป็นห้องรับแขกและห้องซักรีด ท่านเจ้าคุณอยู่ที่เรือนไม้หลังเล็กแยกต่างหากคนเดียวอีกหลังหนึ่งทาง
ด้านหลังที่มีชานแล่นต่อมาถึงเรือนหลังใหญ่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 19 ก.ย. 12, 22:23
|
|
เจ้าคุณวันพฤกษ์พิจารณ์ได้รับบำนาญเดือนละ ๗๐๐ บาท บวกเงินค่าจ้างที่ทางบริษัทอิสเอเชียติค จำกัด ได้มาจ้างให้ท่าน
เขียนรายงานการสำรวจราคาไม้ตามโรงเลื่อยต่าง ๆ ย่านคฃองบางลำพูอีดเดือนละ ๒๐๐ บาท มิได้เป็นเงินจำนวนมากมาย
เจ้าคุณจะไม่นั่งรับประทานอาหารร่วมกับบุตรและธิดาคนใด ท่านจะรับประทานอาหารเองตามลำพัง
โดยมีแม่ครัวประจำตัวของท่าน คือคุณยายแตนผู้เป็นญาติกับคุณหญิงขลิบ และเป็นมารดาของคุณยายน้อย ภรรยาคนเล็กสุดของท่าน
คุณยายแตนมีฝีมือดีมากเพราะเคยอยู่ในวังมาก่อน
ท่านคุ้นเคยกับอาหารฝรั่ง ไม่ทานน้ำปลา หรืออาหารไทยรสจัด ท่านทานอาหารอ่อนเช่นข้าวโอ้ต มื้อกลางวันหรือเย็นจะมีซุบใส
ผักต้มจานเล็ก ๆ เช่นถั่วฝักยสว ผักกาดขาว ปลาทอด แกงเนื้อหรือแกงไก่ที่ไม่เผ็ดเลย ข้าวหกช้อนใส่ในหม้อดินใบเล็ก ๆ
จากนั้นก็เป็นผลไม้
ท่านจะไม่รับประทานอาหารนอกบ้าน แม้กระทั้งน้ำดื่ม เวลาไปไหนจะมีคนถือชุดน้ำชาจีนเล็ก ๆ ติดตามไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 19 ก.ย. 12, 22:54
|
|
เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ได้เขียนจดหมายเป็นเรื่องเตือนใจ
บุตรชายคนโตที่กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
ขอให้ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด และกลับมารับราชการโดยความสุจริตให้เต็มความสามารถ ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย
อย่าลืมว่าคนเราเกิดมาต้องมีความกตัญญูกตเวที และต้องรักชาติยิ่งชีพ
ให้รักษาสุขภาพ
การใช้จ่าย ให้ตระหนี่ถี่ถ้วน
การเล่าเรียน ให้นำเกียรติยศมาสู่ปรเทศไทยและนำความภาคภูมิใจมาสู่บิดา
การสมาคม ให้ระวังการใช้จ่ายและเลือกคบคน
ให้แต่งตัวเรียบร้อยทันสมัย สะอาด วางสีหน้าให้ยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดช้า ๆ ใครขัดใจก็อย่าโกรธเขา
การซื้อของ ซื้อเท่าที่จำเป็น ซื้อที่ถูกที่สุดและดีที่สุดเท่านั้น
หน้าที่ ย่อมปฎิบัติหรือกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ให้ผิดหรือขัดกับกฎหมาย ข้อบังคับ ขนบธรรมเนียมของโรงเรียนหรือประเทศ เรียนให้ดีที่สุด กลับมาปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
ปฎิบัติงานโดยเคร่งครัด ซื่อตรงอย่างยิ่ง ควรผ่อนผันแต่อย่าผ่อนปรนจนเสียหลักราชการ ให้ถือเอางานของประเทศชาติ อย่างเดียวเป็นใหญ่
จดหมายฉบับนี้ ทายาทของสกุลเศวตศิลาถือปฎิบัติทุกคน จนมีความสุข ความเจริญ สมตามที่ท่านต้นตระกูลได้อำนวยพรไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|