เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 4019 ป๋ารักยิ่ง และหวังดียิ่ง จดหมายพ่อสอนลูก
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


 เมื่อ 18 ก.ย. 12, 14:13



พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (ทองคำ  เศวตศิลา)    เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน  พ.ศ. ๒๔๒๒

ที่บ้านพักในบริเวณพระบรมมหาราชวัง  จังหวัดพระนคร


บิดาคือ มิสเตอร์ เฮนรี  อาลาบาสเตอร์   มารดาคือ  นางเพิ่ม  อาลาบาสเตอร์

มีน้องชายร่วมบิดามารดา ๑ คน  ชื่อ ทองย้อย  เศวตศิลา (มหาอำมาตย์ตรี  พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง)


        เมื่อบิดาเสียชีวิต   ใน พ.ศ. ๒๔๒๗     ทองคำอายุ ๕ ปี   มิได้รับมรดกจากบิดาเลย   มีมานะหาเงินค่าหนังสือ  ค่าแต่งตัวโดยขายดินสอหิน   

เวลาโน้นนักเรียนใช้ดินสอหินเขียนบนกระดานชนวน      และให้นักเรียนกู้อัฐโดยคิดดอกเบี้ยสูง    เงินที่ขายดินสอกินหรือดอกเบี้ยที่ได้

โดยมากก็ไม่พอใช้ในการศึกษา    เมื่อขึ้นชั้นใหม่ครูสั่งให้ซื้อหนังสือ   ไม่มีเงินซื้อเลยต้องหยุดเรียนไป    ไปหาสตางค์จนพอซื้อแล้วจึง

กลับมาเรียนอีก       มีหลายครั้งหลายหนเป็นการเสียเวลามาก  แต่ก็จำใจต้องทำอย่างนั้น     (เรื่องนี้ท่านเขียนไว้ในจดหมายให้บุตรชาย

เมื่อจะไปเรียนต่างประเทศ)   

        คุณปู่คุณย่าของทองคำก็จากบิดาไปในเวลาใกล้เคียงกันนี้   ยังดีที่บิดาและลุงอีกสองคนมีพี่สาวแท้ ๆ ของคุณปู่นำไปเลี้ยงดูอย่างรักใคร่เมตตา

อุปนิสัยที่ถ่ายทอดมาจากสายเลือดที่อดทน   แสวงความก้าวหน้าให้กับชีวิต   ย่อมได้รับความเจริญเป็นรางวัลชีวิตตอบแทน
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 18 ก.ย. 12, 14:44




        ทองคำเรียนหนังสือที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ  ในพระบรมมหาราชวัง  จนจบประโยค ๒

ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในเวลานั้น   สอบไล่ได้เป็นที่ ๑   ได้จารึกนามบนแผ่นศิลาของโรงเรียน

        ได้เข้ารับราชการเป็นนักเรียนกรมแผนที่  ในกรมแผนที่  กระทรวงมหาสมบัติ  เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม  ๒๔๓๗ 

จนจบบริบูรณ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙    สอบได้ที่ ๑      ได้เป็นครูแผนที่    ได้รับเงินเดือนเกือบ ๑๐๐ บาท

เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ  พระยาเทเวศร์  ได้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ท่านเป็นหลวง   ท่านไม่ยอมรับสัญญาบัตร   

แต่ขอไปเรียนวิชาป่าไม้ที่ประเทศอินเดียแทน
   
        ท่านถูกส่งไปเรียนที่เดระกูน  ซึ่งเป็นโรงเรียนวิชาชีพชั้นสูงระหว่างปี ๒๔๔๔ - ๒๔๔๕    ท่านสอบได้ Higher Standard 

ได้ประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัล ๑ เหรียญ      นักเรียนไทยอีก ๓ คนที่ไปศึกษาในเวลาเดียวกันสอบไม่ได้

ความยากจนแสนสาหัสที่ท่านต่อสู้ผจญมา   ทำให้ท่านสามารถต่อสู้ชีวิตของนักเรียนป่าไม้ในประเทศที่นักเรียนชองชาตินั้นก็

ลือชากันว่าลำบากได้     แถมยังมีสติปัญญาเป็นเลิศ

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 18 ก.ย. 12, 15:19




        ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมป่าไม้ที่จังหวัดนครสวรรค์  เมื่อวันที่ ๑  เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๖

ต่อมาได้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมป่าไม้นครลำปาง  แพร่  กรุงเทพฯ  เชียงใหม่  ลำพูน  และกลับมายังแพร่อีกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒


        ได้เลื่อนยศเป็นพระวันพฤกษ์พิจารณ์

        เนื่องจากคุณพระมีความสนใจในวิชาพฤกศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง  จึงเดินทางไปศึกษาที่  Kew   ประเทศอังกฤษ ด้วย

ทุนทรัพย์ส่วนตัว   ได้ประกาศนียบัตรวิชาต้นไม้   ในเดือนพฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๔๕๗      และประกาศนียบัตรวิชาของป่า

เมื่อ กันยายน  พ.ศ. ๒๔๕๗         เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีพันธุ์ไม้หลายอย่างได้ตั้งชื่อตามนามของท่าน

ข้าราชการกระทรวงเกษตรต่อมา  และนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตร     ล้วนภาคภูมิใจในตัวท่านทั้งสิ้น


(ที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า   มีหนังสือในวงการเกษตรอยู่มาก   บิดาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในกรมข้าว     เมื่อไม่มีอะไรอ่าน
ข้าพเจ้า วันดี  ก็อ่านหนังสือตำราต้นไม้ของท่านเจ้าคุณวันพฤกษ์   ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากกว่ารู้เรื่อง    คนในบ้านขบขันว่าเด็ก
อย่างข้าพเจ้าจะรู้อะไร   จึงถามว่า  วันพฤกษ์พิจารณ์อยู่กรมอะไร        ข้าพเจ้าตอบเสียงดังว่า  กรมป่าไม้ซิ   
วรรณพฤกษ์  แปลว่าป่าอย่างไรเล่า     เรื่องอ่านแล้วพาดพิงแปลเองนั้น   สหายนักอ่านหนังสือเก่าทราบดี  ว่าข้าพเจ้า
แปลได้ไม่พลาดมากนัก)
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 19 ก.ย. 12, 14:45



      เมื่อสำเร็จการศึกษามาจากประเทศอังกฤษกลับมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗    ได้รับตำแหน่งเป็นปลัดกรมป่าไม้  และย้ายไปประจำที่กันตัง

ได้ออกไปจัดตั้งกองป่าไม้ในมณฑลภูเก็ต  นครศรีธรรมราชและปัตตานี

พ.ศ. ๒๔๕๙  ได้ย้ายจากกันตังไปอยู่สงขลา   แต่คงรักษาการมณฑลภูเก็ตด้วย

พ.ศ. ๒๔๖๐   ได้ย้ายเข้ามากรุงเทพ


      พ.ศ. ๒๔๖๕   ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บำรุงป่าไม้ตอนใต้ทั้งหมด    ย้ายจากกรุงเทพไปสงขลาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐


        เมื่ออายุครบ ๕๕ ปี  ออกมารับพระราชทานบำนาญ
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 19 ก.ย. 12, 15:36

เก็บรายละเอียดที่น่าสนใจเป็นที่ยิ่ง  จากหนังสืออนุสรณ์ของ คุณพูนศรี   พูนพิพัฒน์  ธิดาคนที่ ๑๒ เมื่อเล่าถึงครอบครัว



       บ้านพักข้าราชการป่าไม้  จังหวัดสงขลา  ชื่อว่าบ้านศุขสวัสดิ์  อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลสงขลา  ซึ่งบ้านนี้เคยเป็นตำหนัก

ของหม่อมเจ้าสืบศุขสวัสดิ์  อดีตข้าราชการกรมป่าไม้     

       ครั้นถึงเดือนตุลาคม  พ.ศ. ๒๔๗๖   เกิดเหตุการณ์กบฎบวรเดช    ระหว่างนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 

และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี  พระบรมราชินี  พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์  ข้าราชบริพารที่ใกล้ชิด   ได้เสด็จ ฯ ลงเรือมาประทับที่

จวนของเทศาภิบาลจังหวัดสงชลา          ท่านองคมนตรีขณะนั้นเป็นลูกเสือ  ได้ไปทำหน้าที่ยืนเฝ้าประตู ณ ที่ประทับด้วย


        บ้านในกรุงเทพอยู่ข้างวัดชนะสงคราม  ย่านบางลำภู   เป็นที่ดิน ๑๐๐ ตารางวา    บ้านเป็นเรือนไม้สักใหญ่สองชั้น

ชั้นบนแบ่งเป็นห้อง ๆ ทั้งสองด้าน  มีทางเดินผ่ากลาง  สำหรับภริยาแต่ละคนนอนรวมอยู่กับลูกสาวของตน    ส่วนลูกชาย

จะนอนที่ห้องชั้นล่างซึ่งส่วนหนึ่งกั้นเป็นห้องรับแขกและห้องซักรีด       ท่านเจ้าคุณอยู่ที่เรือนไม้หลังเล็กแยกต่างหากคนเดียวอีกหลังหนึ่งทาง

ด้านหลังที่มีชานแล่นต่อมาถึงเรือนหลังใหญ่ได้ 
บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 19 ก.ย. 12, 22:23




       เจ้าคุณวันพฤกษ์พิจารณ์ได้รับบำนาญเดือนละ ๗๐๐ บาท  บวกเงินค่าจ้างที่ทางบริษัทอิสเอเชียติค จำกัด  ได้มาจ้างให้ท่าน

เขียนรายงานการสำรวจราคาไม้ตามโรงเลื่อยต่าง ๆ ย่านคฃองบางลำพูอีดเดือนละ ๒๐๐ บาท   มิได้เป็นเงินจำนวนมากมาย

        เจ้าคุณจะไม่นั่งรับประทานอาหารร่วมกับบุตรและธิดาคนใด             ท่านจะรับประทานอาหารเองตามลำพัง

โดยมีแม่ครัวประจำตัวของท่าน  คือคุณยายแตนผู้เป็นญาติกับคุณหญิงขลิบ  และเป็นมารดาของคุณยายน้อย ภรรยาคนเล็กสุดของท่าน

คุณยายแตนมีฝีมือดีมากเพราะเคยอยู่ในวังมาก่อน

        ท่านคุ้นเคยกับอาหารฝรั่ง  ไม่ทานน้ำปลา  หรืออาหารไทยรสจัด      ท่านทานอาหารอ่อนเช่นข้าวโอ้ต   มื้อกลางวันหรือเย็นจะมีซุบใส

ผักต้มจานเล็ก ๆ   เช่นถั่วฝักยสว  ผักกาดขาว   ปลาทอด   แกงเนื้อหรือแกงไก่ที่ไม่เผ็ดเลย   ข้าวหกช้อนใส่ในหม้อดินใบเล็ก ๆ

จากนั้นก็เป็นผลไม้

        ท่านจะไม่รับประทานอาหารนอกบ้าน  แม้กระทั้งน้ำดื่ม   เวลาไปไหนจะมีคนถือชุดน้ำชาจีนเล็ก ๆ  ติดตามไปด้วย

บันทึกการเข้า
Wandee
หนุมาน
********
ตอบ: 4006


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 19 ก.ย. 12, 22:54

        เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม  พ.ศ. ๒๔๘๓    พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ได้เขียนจดหมายเป็นเรื่องเตือนใจ

บุตรชายคนโตที่กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา


        ขอให้ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด  และกลับมารับราชการโดยความสุจริตให้เต็มความสามารถ  ให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย

อย่าลืมว่าคนเราเกิดมาต้องมีความกตัญญูกตเวที  และต้องรักชาติยิ่งชีพ

        ให้รักษาสุขภาพ      

        การใช้จ่าย  ให้ตระหนี่ถี่ถ้วน

        การเล่าเรียน  ให้นำเกียรติยศมาสู่ปรเทศไทยและนำความภาคภูมิใจมาสู่บิดา

        การสมาคม   ให้ระวังการใช้จ่ายและเลือกคบคน

        ให้แต่งตัวเรียบร้อยทันสมัย   สะอาด      วางสีหน้าให้ยิ้มแย้มแจ่มใส  และพูดช้า ๆ   ใครขัดใจก็อย่าโกรธเขา

       การซื้อของ   ซื้อเท่าที่จำเป็น  ซื้อที่ถูกที่สุดและดีที่สุดเท่านั้น


        หน้าที่   ย่อมปฎิบัติหรือกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง    ไม่ให้ผิดหรือขัดกับกฎหมาย  ข้อบังคับ  ขนบธรรมเนียมของโรงเรียนหรือประเทศ
เรียนให้ดีที่สุด      กลับมาปฎิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด

        ปฎิบัติงานโดยเคร่งครัด  ซื่อตรงอย่างยิ่ง     ควรผ่อนผันแต่อย่าผ่อนปรนจนเสียหลักราชการ    ให้ถือเอางานของประเทศชาติ
อย่างเดียวเป็นใหญ่

        
        จดหมายฉบับนี้    ทายาทของสกุลเศวตศิลาถือปฎิบัติทุกคน      จนมีความสุข  ความเจริญ  สมตามที่ท่านต้นตระกูลได้อำนวยพรไว้
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 19 คำสั่ง