รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว

[เทาชมพู]

[เทาชมพู]

[เทาชมพู]

ดาวที่อยู่ยืนยาวมาเกือบหนึ่งศตวรรษ (96 ปี) ก็ดับแสงไปอีกดวงหนึ่งแล้ว   Sue Thompson เจ้าของเพลงยอดฮิทในยุค 1960s  ชื่อ “Sad Movies (Make Me Cry)"
เธอจากไปด้วยโรค Alzheimer's disease เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2021

[เทาชมพู]

จนล่วงเข้าวัยคุณย่า  เธอก็ยังร้องเพลงเดิมด้วยเสียงแจ๋วเหมือนเมื่อเป็นวัยรุ่น
เธอขึ้นเวทีนี้เมื่อปี 1991   อายุ 66 ปี

[nathanielnong]

ดาวที่อยู่ยืนยาวมาเกือบหนึ่งศตวรรษ (96 ปี) ก็ดับแสงไปอีกดวงหนึ่งแล้ว   Sue Thompson เจ้าของเพลงยอดฮิทในยุค 1960s  ชื่อ “Sad Movies (Make Me Cry)"
เธอจากไปด้วยโรค Alzheimer's disease เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2021

แหม... รออยู่นาน  ว่าเมื่อไรป้าจะออกเดินทาง  จะได้เขียนถึง

ขอเสริมว่า  ที่บ้านเกิดของเธอ  เธอเป็นนักร้องระดับเล็ก ๆ มีเพลงขึ้น Top 10 ของ Billboard แค่ 2 เพลง (1961) คือ
Sad Movies ที่ อ. แนะนำ  อีกเพลงที่ดังกว่าคือ Norman



แล้วก็ดับ

เพราะงั้นคนอเมริกันจึงไม่ค่อยรู้จักเพลงของเธอมากเท่าไร  เพราะพวกเขาจะได้ฟังตามที่ DJ วิทยุเอามาเปิด  เป็นแผ่นที่เรียกว่า single (จุ 2 เพลง หน้า-หลัง) ที่ บ. แผ่นเสียงต้องการนำเสนอ
ประมาณว่าถ้าชอบเพลงนีั้ก็ออกไปหาซื้อแผ่นมาฟังเอาเอง  DJ เอาเพลงอื่น ๆ จากแหล่งอื่นมาเปิดออกอากาศไม่ได้เพราะมีลิขสิทธิ์




แต่บ้านเรา รังสีลิขสิทธิ์แผ่มาไม่ถึง DJ บ้านเราจึงไม่จำเป็นต้องหา singles มาเปิด ก็เลยหาแผ่นใหญ่มาเปิด ได้จำนวนเพลงมากกว่า ไม่เปลืองเงินด้วย




ดังนั้นบ้านเราจะรู้จักเพลงของ S.T. เยอะมาก  เยอะกว่าเจ้าบ้านซึ่งไม่มีโอกาสได้ยินเพลงเหล่านี้  เพราะติดลิขสิทธิ์

ตอนแรก ๆ ผมก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้  นึกว่า S.T. คงดังระเบิดเถิดเทิงที่อเมริกาเพราะเราได้ยินเพลงของเธอมากมาย  เพราะ ๆ ทั้งนั้น

มารู้เรื่องเมื่อได้มีโอกาสคุยเรื่องเพลงของ S.T. กับเพื่อนอเมริกัน  ยกตัวอย่างให้ฟังตั้งหลายเพลง  เธอบอกว่าไม่เคยได้ยินเลย
เธอยังให้ผมส่ง mp3 ไปให้ฟังด้วย   ย้ำด้วยว่าเพราะดีออก  เป็นงั้นไป

[เทาชมพู]

อ้าว ไม่รู้เลย นึกว่าคุณทวดจะดังในอเมริกาเหมือนในไทยยุค 60s

[nathanielnong]

[nathanielnong]

นักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคในบ้านเรา (ยกเว้นผม) คงลืมไปแล้ว  เธออยู่ร่วมสมัยกับ Bobby อื่น ๆ เช่น B. Darin, B. Vee, B. Vinton  เพลงของเธอไม่มีเพลงไหนขึ้นอันดับ 1  ใกล้เคียงก็อันดับ 2 คือเพลงนี้




แต่บ้านเราชอบเปิดเพลงนี้



มาดูเธอเต้น  พริ้วมาก





เธอเคยเล่นหนังด้วย



หมายเหตุ - clips เหล่านี้ถ้าไม่ใช่ยุค อตน.  ไม่มีโอกาสได้เห็น  สมัยนั้นเห็นแค่รูปภาพกับฟังเพลง  จึงไม่แปลกใจที่พวกเราจะลืมกันหมด  ส่วนตัว  ผมว่าเป็น Bobby ที่หล่อที่สุด

[เทาชมพู]

ดาวยุคเบบี้บูมเมอร์ดับแสงไปอีกดวง   

[เทาชมพู]

เมื่อพ้นยุค 1960s  วงการดนตรีเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบอื่น    นักร้องขวัญใจวัยรุ่น 3 คนซึ่งล่วงเลยวัยรุ่นมาถึงวัยอาวัยน้าแล้ว ก็ฟอร์มทีม ชื่อ  The Golden Boys   ประกอบด้วย Bobby Rydell, Frankie Avalon, and Fabian ออกตระเวนแสดงทั่วอเมริกา เป็นที่ต้อนรับของคนฟังซึ่งยังจดจำความสุขสมัยวัยรุ่นได้
ข้างล่างนี้ ปี 1986 อายุเข้าวัยกลางคนแล้วทุกคน

[เทาชมพู]

เมื่่อปี 2021  คุณปู่ก็ยังขึ้นเวทีได้ ไม่ถอย

[เทาชมพู]

ดาวเสียงดวงนี้ดับแสงไปตั้งแต่ปี 2017 แต่ยกขึ้นมาในกระทู้เพราะเพิ่งไปดูหนังชุดทางทีวีที่เขาเล่น  แล้วได้ยินเพลงที่เขาร้องลงแผ่นกับบริษัทโคลัมเบีย   ก็เลยอยากให้รู้จักค่ะ
เขาเป็นดาวตลกชื่อดังทะลุฟ้าของอเมริกา ในยุค 1960 คุณหมอ SILA และคุณโหน่งอาจจะยังไม่เกิด  หรือเกิดก็จำความยังไม่ได้
ชื่อ Jim Nabors   เป็นหนุ่มบ้านนอกเกิดในรัฐอลาบามา (เห็นในกูเกิ้ลเรียกว่า แอละแบมา   เดาว่าราชบัณฑิตกำหนดอีกแล้ว) เมื่อปี 1930  เป็นหนุ่มหน้าตาบ้านๆมาก  เชยเกินกว่าจะใฝ่ฝันอยากเป็นดาราฮอลลีวู้ดได้   ยุคนั้นมีแต่หนุ่มหล่อสาวสวยกันทั้งนั้น 
จิมมีทั้งโชคและเคราะห์ที่พระเจ้าประทานมาให้พร้อมกัน    โชคคือเป็นคนเสียงไพเราะมากโดยกำเนิด   เดี๋ยวฟังเสียงร้องของเขาจะรู้  แต่เคราะห์คือเขาเป็นเกย์ตั้งแต่กำเนิด   
ในยุคนั้น  พฤติกรรมรักร่วมเพศไม่อาจเปิดเผยได้อย่างนุคนี้   เพราะไม่ใช่แค่ถูกมองว่าผิดศีลธรรมอย่างเดียว  แต่ผิดกฎหมาย และเป็นอาการป่วยทางจิตด้วย  จิมจึงต้องเก็บพฤติกรรมเอาไว้ไม่ให้เผยแพร่ต่อมหาชน    ก้มหน้าก้มตาเป็นนักแสดงเล็กๆในไนท์คลับ  จนกระทั่งบุญหล่นทับ  ถูกค้นพบ และถูกดึงมาเล่นเป็นตัวประกอบในหนังชุดทางทีวีชื่อ The Andy Griffith Show  ซึ่งเป็นหนังชุดทางทีวีเรื่องดังที่สุดของอเมริกาในยุค 1960s
อัจฉริยภาพเ่ิ่มปรากฏ    จิมตีบทแตก   เป็นหนุ่มบ้านนอกเด๋อๆ พูดสำเนียงเหน่อๆแบบชาวใต้  ชื่อ Gomer Pyle  เล่นตลกถูกอกถูกใจคนดูมาก  จนถูกเรียกมาเล่นอีกในหลายตอน   
ต่อมาผู้สร้างแยกบทนี้ออกไปเป็นหนังชุดใหม่ ให้เขาเล่นโดยเฉพาะ ชื่อ Gomer Pyle  USMC  เขียนให้โกเมอร์ ไพล์สมัครเข้าเป็นพลทหารหน่วยนาวิกโยธินของอเมริกา

ลองดูสักตอนนะคะ  ตอนนี้ผู้สร้างล้อเลียนนายทหารจากประเทศเผด็จการในอเมริกาใต้

[เทาชมพู]

จิม เนเบอร์มีแก่วเสียงระดับ baritone ที่ไพเราะขั้นแถวหน้า   เทียบชั้นนักร้องใหญ่ๆของอเมริกาได้เลยทีเดียว    ผู้สร้างหนังชุดจึงแทรกฉากที่เขาร้องเพลงให้คนดูทั้งได้ดูและได้ฟังกัน แบบซื้อ 1  แถม  1

ตอนนี้  พลทหารโกเมอร์ ไพล์ ไปร้องเพลงประกวดนักร้องสมัครเล่นในไนท์คลับ   แล้วเกิดไปถูกหูเจ้าพ่อเจ้าของไนท์คลับเข้า

[เทาชมพู]

หนังชุดนี้ยืนยาวมาถึง 5 ปี  ทำท่าจะยาวต่อไปอีก  ถ้าหากว่าจิม เนเบอร์ไม่เบื่อเต็มทีจนขอเลิกเล่นเสียก่อน    มีฉากสำคัญในตอนหนึ่ง เขาร้องเพลงที่วอชิงตันกับวงของนาวิกโยธิน
ในเรื่อง พลทหารโกเมอร์ หวาดวิตกที่จะต้องออกไปโชว์บนเวทีใหญ่ จนเสียงหายไปจากคอ     กว่าจะรวบรวมสติและได้ข้อเตือนใจ    ก็นาทีสุดท้าย
อยากให้ฟังเพลงนี้ค่ะ ว่าเสียงของจิมมีพลังมากขนาดไหน

[เทาชมพู]

อีกตอนหนึ่งค่ะ ที่แสดงถึงพลังเสียงของเขา