รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว

[SILA]

                      Like Someone in Love

         

เพลงไพเราะหวานจากภาพยนตร์เรื่อง   Belle of the Yukon

[SILA]

และ                Buttons and Bows


           

อีกหนึ่งเพลงโปรดในวัยเด็ก ครับ

[เทาชมพู]

เคยดูการ์ตูนดิสนีย์ชุด Fun and Fancy Free  มีเสียงร้องของคุณย่าคุณ SILA ด้วยค่ะ    จำได้ว่าหวานจับใจ 
อนิจจา! จากไปสิบกว่าปีแล้ว ไม่รู้เลย  ลืมเธอเสียสนิท

รำลึกถึงควบไปกับคุณปู่ Perry Como เสียเลย

[เทาชมพู]

คุณย่าทั้งสอง ป่านนี้คงประชันเสียงกันอยู่บนสวรรค์

[เทาชมพู]

           คุณย่ามีรายการทีวีดัง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมด้วยส่วนผสมของเสน่ห์สาวชาวใต้
ใบหน้างดงาม และความเป็นมิตร

             คุณย่าอยู่คู่กับสปอนเซอร์เจ้าประจำ Chevrolet หลายปี จนกลายเป็น “Ms. Chevrolet”             

อีกชุดหนึ่งค่ะ

         

[เทาชมพู]

สำหรับแฟนของปู่แฟร้งค์ค่ะ

[เทาชมพู]

คุณย่า เธอเคยเป็นแฟนของดาราหนุ่มเซกซี่ เบิร์ท เรย์โนลด์ ด้วยนะคะ  เป็นคู่รักต่างวัยที่รักกันยาวนานมาก    
อายุอานามก็ห่างกันไม่เท่าไหร่  คุณย่าแก่กว่า 20 ปี เอง

[เทาชมพู]

เพลงหวานจากเสียงสวรรค์อีกเพลงหนึ่ง   เนื้อเพลงนี้ทำให้นึกถึงเพลง คำมั่นสัญญา จากบทกวีของสุนทรภู่ ที่ว่า..ถึงม้วยดินสิ้นฟันมหาสมุทร   ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน

[เทาชมพู]

ย้อนหลังไปเมื่อค.ศ.1953 บริษัทโค้กเป็นสปอนเซอร์ให้รายการทีวีโชว์เล็กๆ สั้นแค่ 15 นาที ของนักร้องหนุ่มคนหนึ่ง  แต่เขาก็ทำให้รายการนั้นฮิทระเบิดเถิดเทิงขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์  จนโค้กเซ็นสัญญายอมจ่ายถึง 1 ล้านเหรียญจ้างนักร้องคนนั้นเป็นพรีเซนเตอร์   ซึ่งเป็นส้มทองคำหล่นลงมาทั้งเข่ง ชนิดไม่เคยมีมาก่อน
นักร้องเสียงนุ่มคนนั้นชื่อเอ็ดดี้ ฟิชเชอร์ ซึ่งกลายเป็นนักร้องขวัญใจแถวหน้าของคนอเมริกัน   ในปี 1955 เขาแต่งงานกับดาราสาวดาวรุ่ง เด็บบี้ เรย์โนลด์  มีลูกสาวและลูกชายอย่างละหนึ่ง    คนอเมริกันในยุค 1950s ชอบภาพลักษณ์ครอบครัวสวยงามอบอุ่น  ครอบครัวของเอ็ดดี้กับเด็บบี้ก็เป็นครอบครัวในฝัน ในสายตาประชาชน  เป็นผลดีทางอ้อมที่ทำให้งานของเขาและเธอยิ่งรุ่งโรจน์เป็นที่ประทับใจ

เอ็ดดี้เป็นนักร้องสไตล์ครูนเนอร์  หรือนักร้อง "ครวญเพลง"   เพลงของเขานุ่ม เนิบนาบ  กังวานเพราะพริ้งสะเทือนใจ  ถ้าเป็นรักก็รักแบบประทับจิต   ถ้าเป็นเศร้าก็แบบหลั่งน้ำตาเงียบๆ
เพลงดังที่สุดเพลงหนึ่งที่เขาร้องในปี 1954 คือเพลง"คิดถึงพ่อ" Oh My Papa   ประทับใจคนฟังทุกคนที่รักพ่อ  อาลัยยามพ่อจากไปไม่มีวันกลับ

[เทาชมพู]

อีกเพลงหนึ่งที่ดังมาก  Wish You Were Here เมื่อปี 1952

[เทาชมพู]

เอ็ดดี้มีเพื่อนรักเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ชื่อไมค์ ท็อดด์     ผู้ซึ่งแต่งงานกับดาราสาวคนสวยโด่งดัง เอลิซาเบธ เทย์เลอร์   แต่อาชีพที่กำลังไปได้ดีของไมค์ ท็อดด์ก็จบลงกะทันหันจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในค.ศ. 1958  สามปีหลังเอ็ดดี้แต่งงาน     
ในเมื่อครอบครัวของเอ็ดดี้กับครอบครัวของท็อดด์สนิทสนมกันดี    ทั้งเอ็ดดี้กับเด็บบี้จึงรับหน้าที่ปลอบโยนแม่ม่ายสาวผู้เศร้าโศกและยังช็อคไม่หาย    แต่เอ็ดดี้สนิทกับลิซมากกว่า เพราะเด็บบี้ต้องแบ่งเวลาไปดูลูกเล็กๆสองคน   
ผลก็เลยออกมาช็อคคนอเมริกันทั่วประเทศว่า เอ็ดดี้แอบไปมีสัมพันธ์ลับกับลิซเสียแล้ว   จนเด็บบี้จับได้   ตามมาด้วยการหย่าร้าง  แล้วเอ็ดดี้ก็ไปแต่งงานกับลิซในเวลาต่อมา
ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็คงไม่เท่าไหร่    ชาวบ้านเอามาเม้าท์กับสักพักก็จบ   ถือว่าชีวิตใครชีวิตมัน   ในยุค 1950s เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบกระเทือนอาชีพของเอ็ดดี้จนยากจะกู้ขึ้นมาอีก    ตรงกันข้ามกับลิซที่กลับไม่กระทบกระเทือนอะไร    เธอกลับได้เล่นหนังดัง และค่าตัวเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

[เทาชมพู]

ซ้าย  เอ็ดดี้กับเด็บบี้  ขวา เอ็ดดี้กับลิซ

[เทาชมพู]

เอ็ดดี้แต่งงานกับลิซตั้งแต่ค.ศ. 1959  อยู่กันมาจนถึงค.ศ. 1962  เธอได้รับบทนำในหนังพันล้านเรื่อง Cleopatra  ด้วยค่าตัวถึงหนึ่งล้านดอลล่าร์    ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่องนี้เองเธอก็พบรักครั้งใหม่กับริชาร์ด เบอร์ตัน ดารานำฝ่ายชาย   นำไปสู่การหย่าร้างกับเอ็ดดี้ในปี 1964

[เทาชมพู]

เอ็ดดี้เป็นดารารับเชิญในรายการของเพอรี่ โคโม

[เทาชมพู]

Full Moon and Empty Arms เป็นอีกเพลงหนึ่งที่เอ็ดดี้ร้องได้เพราะมาก



จำได้ว่าเพลงนี้ดัดแปลงมาจากเพลงคลาสสิค  แต่ไม่แน่ใจว่าเป็น  Piano Concerto No. 2 ของ Sergei Rachmaninoff หรือเปล่า ใครทราบบ้างคะ