รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว

[nathanielnong]

พูดถึง Perry Como แล้วนึกถึง crooner อีกหลายคนแต่ที่ผมคิดว่าใกล้เคียงกันที่สุดในด้านการสะสมชื่อเสียงก็ Andy Williams

ผมรู้จัก AW มาตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถม  เธอไม่ได้เคยมาหาผมหรอกแต่ผมเห็นเธอเป็นประจำทางช่อง (ถ้าจำไม่ผิด) 7 สี  ในรายการ The Andy Williams Show  ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คลั่งไคล้อะไรแต่น้าสาวผมชอบมาก  และทีวีก็มีอยู่เครื่องเดียว  พอถึงเวลาฉายรายการนี้  ใครไปยุ่งแถวปุ่มปรับช่องเป็นมีเรื่อง  ผมก็เลยได้รู้จัก AW ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผมมารู้จักเธออย่างเป็นการเป็นงานจากรายการ Golden Oldies รายการนี้เปิดเพลงของเธออยู่เนือง ๆ อาทิเช่น







และเพลงโปรดของผม



AW กลับมาดังทางวิทยุบ้านเราอีกครั้งในปี 1971 และ 1972 กับ 2 เพลงจากหนัง 2 เรื่องที่เพราะดังอบอวลไปทั่วกรุงเทพฯ

[เทาชมพู]

ขอคุยถึง Perry Como อีกครั้งค่ะ
Perry ร้องเพลงหวานเนิบนาบชวนฝันเป็นส่วนใหญ่  แต่เพลงของเขาก็เคยขึ้นถึงอันดับ 1  เหมือนกัน  อย่างเพลงนี้
ไม่รู้ว่าเคยผ่านหูคุณโหน่งไหม
เพลงนี้  เป็นเพลงที่พ่อแม่รุ่นคุณทวด ห้ามลูกสาว(รุ่นคุณย่า)ร้องเด็ดขาด   เนื้อร้องมันล่อแหลมเกินไปสำหรับยุคนั้น  ส่วนยุคนี้ได้ยินคงหัวเราะกลิ้งว่าห้ามอะไรยังงั้น

   

[เทาชมพู]

ส่วน Andy Williams  ขอคุยหน่อยว่าเคยเห็นตัวจริงมาแล้ว 2 ครั้ง   ครั้งแรกที่ลาสเวกัส  เขาเดินลงบันไดโรงแรมซีซาร์พาเลซลงมาพอดี ตอนนักเรียนไทย 2 คนยืนเกะกะอยู่แถวนั้น
ครั้งที่สอง ตอนมาร้องเพลงในกรุงเทพ  ดูเหมือนจะที่เซนทรัลพลาซ่า (จำโรงแรมไม่ได้ค่อยได้แล้ว) หรือเซนธาราในปัจจุบัน
Moon River  เป็นเพลงลายเซ็นของเขาค่ะ

คริสต์มาสเพิ่งผ่านไป  เอามาย้อนหลังให้ฟังกันอีกที

[nathanielnong]

ขอคุยถึง Perry Como อีกครั้งค่ะ
Perry ร้องเพลงหวานเนิบนาบชวนฝันเป็นส่วนใหญ่  แต่เพลงของเขาก็เคยขึ้นถึงอันดับ 1  เหมือนกัน  อย่างเพลงนี้
ไม่รู้ว่าเคยผ่านหูคุณโหน่งไหม
เพลงนี้  เป็นเพลงที่พ่อแม่รุ่นคุณทวด ห้ามลูกสาว(รุ่นคุณย่า)ร้องเด็ดขาด   เนื้อร้องมันล่อแหลมเกินไปสำหรับยุคนั้น  ส่วนยุคนี้ได้ยินคงหัวเราะกลิ้งว่าห้ามอะไรยังงั้น

สมัยเด็ก ๆ ไม่เคยได้ยินจากวิทยุครับ  มาได้ยินตอนซื้อแผ่นเสียงรวมเพลงฮิตของเธอครับ


(ภาพจาก คลังอากู๋)

[nathanielnong]

แล้วก็มาถึง Dean Martin ในรายการ golden oldies  3 เพลงนี้เป็นขาประจำ

เริ่มจากเพลงที่ผมชอบมาก



ตามด้วยเพลงนี้



และเพลงอันดับ 1 ของเธอซึ่งมี 2 เพลง  แต่อีกเพลงผมไม่เคยได้ยินในรายการฯ



DM มีลูกหลายคน  1 ในนั้นเป็นผู้ชายชื่อ Dino Martin (Dean Paul M.) เป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายของ Desi Arnez และ Lucille Ball ชื่อ Desi Arnez Jr.  2 คนนี้ชวนเพื่อนมาอีกคนหนึ่งเพื่อตั้งวงดนตรีชื่อ Dino, Desi & Billy  วงนี้มีเพลงที่มาออกอากาศในเมืองไทยเมื่อปลายยุค 60s (ปีจริง ๆ คือ 1965  แต่ผมได้ยินหลังจากนั้นคือปลาย 60s) คือเพลงนี้



ทั้ง 3 คนอายุยังไม่ถึง 15  Dino หล่อลากดิน  Starpics เคยลงรูปเธออยู่ช่วงหนึ่ง  เป็นช่วงที่เธอเป็นหนุ่มแล้วและกำลังคั่วกับ Olivia Hussey  ต่อมาก็ลงข่าวว่าเธอตายด้วยอุบัติเหตุทางอากาศ เป็นข่าวดังมาถึงเมืองไทย  เพราะตอนนั้นพ่อ DM ยังดังคับโลก





(หมายเหตุ - เขียนเรื่องเพลงนี่สนุกกว่าเขียนเรื่องหนังมากกกกก  อยากหา clip อะไรมาสนับสนุนเป็นเจอหมด)

[nathanielnong]

ในยุค Golden Oldies ชื่อของ Ricky Nelson ไม่ต้องอารัมภบทมาก  คนอะไรไม่รู้หล่อชะมัด  รูปปากสวยมาก




นักฟังเพลงฯ รู้จักชื่อนี้ดีทุกคน  วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของเธอมากมาย Poor little fool, Travelin’ man, Hello Mary Lou, Lonesome town ฯลฯ  รวมถึงเพลงนี้ที่เปิดบ่อยมากพอๆ กันจนผมนึกว่าต้องเพลงดังของเธอ  จนกระทั่งผมมีปูมเพลงของ Joel Whitburn ปรากฏว่าหาชื่อเพลงนี้ไม่เจอ  มาเจอตอน Wikiฯ ถือกำเนิดแล้ว  ถึงพบว่ามันขึ้นไม่ผ่านอันดับที่ 100 ของตาราง billboard ด้วยซ้ำ  



สมัยเด็ก ๆ ผมรู้ว่าชื่อเธอคือ Ricky Nelson  แต่พอมาตอนโตชื่อเธอที่ผมได้ยินคือ Rick Nelson  ความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นกมลสันดานเดิมออกฤทธิ์ว่าเป็นเพราะอะไรละหว่า  กว่าจะมารู้คำตอบก็อีตอน Wikiฯ เติบโตแล้ว  ข้อมูลบอกว่า  เธอเปลี่ยนชื่อแบบเป็นทางการในปีที่อายุครบ 21 ซึ่งหมายความว่าฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว  จะได้สลัดความเป็น Teenage Idol (ตามเพลงข้างบน) เสียที  แต่ปรากฏว่าทำได้ยากกว่าที่คิดเพราะ  ในช่วงนั้นแฟนเพลงที่ล้วนเห็นเธอมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ยังคงเรียกเธอว่า Ricky อยู่เหมือนเดิม  ไม่ว่าเธอจะไปแสดงสดที่ไหนในเวลาต่อ ๆ มา  แฟน ๆ ก็ขอให้เธอร้องเพลงดังสมัยก่อนเป็นประจำ  บางครั้งเธอพยายามสอดแทรกเพลงใหม่แนวผู้ใหญ่ก็โดนโห่  ส่วนแผ่นเสียงในแนวใหม่ก็ขายได้ไม่ดี  แม้แต่ดีเจก็ไม่ชอบเปิด  ซึ่งเธอบอกว่าเซ็งชิบเป๋ง  ไม่ยอมปล่อยให้เธอโต

เพลงดังของเธอเพลงสุดท้ายในอันดับเพลงเกิดขึ้นในปี 1972 เป็นเพลงใหม่เอี่ยมที่เธอแต่งขึ้นเสียดสีบรรดาแฟน ๆ ที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ  มันเป็นเพลงในแนวที่แหกคอกไปจากภาพพจน์เดิมที่ฝังอยู่ในหัวแฟน ๆ ได้เป็นผลสำเร็จ

[เทาชมพู]

ริคกี้ เนลสันเป็นดาราเด็กขวัญใจชาวบ้านมาก่อน จากหนังชุดทางทีวีเรื่อง The Adventures of Ozzie and Harriet เป็นหนังครอบครัวยุค 1950s ที่นิยมกันมากในบรรดาคนดูยุคเบบี้บูมเมอร์    เรื่องนี้ตัวแสดงยกครอบครัวมาจริง  ใช้ชื่อจริงทั้งหมด  คือพ่อ แม่ และลูกชายสองคน   ริคกี้เป็นลูกชายคนเล็ก
เป็นเรื่องครอบครัวคนชั้นกลางแบบอเมริกัน ที่ดีงามตรงตามอุดมคติของคนดูยุคนั้น   ทุกวันของริคกี้อยู่ในสายตาประชาชน  ตั้งแต่เป็นเด็กน้อยจนรุ่นหนุ่ม   ก็กลายเป็นขวัญใจแห่งยุค จนได้สมญาว่า The Prince   ในขณะที่เอลวิส เป็น The King
ความจริงริคกี้ตอนวัยรุ่น เสียงร้องไม่เพราะนัก  อู้อี้ขึ้นจมูก    แต่โปรดิวเซอร์ก็ปรับจูนจนเพลงออกมาฮิททั่วบ้านทั่วเมือง
พ่อเขาซึ่งในทีวีเป็นพ่อแสนดี ตัวจริงเข้มงวดมาก   พยายามรักษาภาพลักษณ์สะอาดๆน่ารักแสนดีของลูกชายไว้  จนริคกี้อึดอัด  เพราะไม่มีโอกาสแหกคอกอย่างวัยรุ่นทั่วไป
พอเขาพ้นวัยรุ่น   อเมริกาถูกสี่เต่าทองตีตลาดจนนักร้องเมกันดับแสงไปตามๆกัน  ชะตากรรมของริคกี้ก็เป็นอย่างที่คุณโหน่งเล่าไว้ค่ะ

[เทาชมพู]

ริคพยายามหันไปเอาดีทางหนังด้วย   เรื่องดัง คือ Rio Bravo  ได้ประกบเพลงกับยักษ์ใหญ่อย่างดีน มาร์ติน

[nathanielnong]

ต่อไปเป็น Frank Sinatra  

นักฟังเพลงฯ รู้จักชื่อนี้ดีแล้วก็เคยได้ยินเพลงของเธอมามากมาย  แต่คงมีน้อยคนที่สังเกตว่าในยุคของเรา  เพลงของเธอเพลงอะไรบ้างที่ได้ยินทางวิทยุบ๊อยบ่อย

เริ่มแรกก็เพลงนี้ ไม่ใช่นักฟังเพลงฝรั่งก็ต้องรู้จัก

(สมัยเที่ยวบาร์เกย์  พอถึงช่วงโชว์  drag queen จะ lip sync เพลงนี้เป็นประจำ)


ต่อมาเป็นเพลงที่เพราะมาก  แต่ไต่อันดับเพลงฯ ได้ไม่ดี



แต่ 2 เพลงนี้กระหึ่มทั้งในบ้านเขาและบ้านเรา



เพลงนี้เป็นการร้องคู่กับลูกสาวที่ในยุคปลาย 60s เธอก็เป็นนักร้องระดับแม่ของวงการคนหนึ่ง


Clip นี้เพิ่งพบ  พ่อลูกดูดีมาก  Nancy Sinatra เอาเพลง signature ของเธอมาหยอดในเพลงนี้นิดนึง (0.52 - คุ้นหูป่าว  ดังในบ้านเรามากนะ)

[nathanielnong]

งานชุดนี้ยกยอดไปพรุ่งนี้ครับ

[nathanielnong]

ยังมี crooner (ผิวขาว) อีกหลายคนที่วิทยุเปิดเพลงของพวกเขาในยุคของผม  ลองเช็คดูเท่าที่นึกออกในตอนนี้  มี Vic Damone, Tony Bennett, Roger Whittaker แต่ลุง ๆ ก็ยังอยู่ดีกินดี  เลยเอามาลงไม่ได้
แต่คนนี้เดินทางไปเรียบร้อยนานแล้น...

Matt Monro






(Clip จากหนัง Sabrina (1954))


2 เพลงหลังนี้เพราะถูกใจมาก ๆ  ผมหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่าเพลงนี้ต้นฉบับเป็นของศิลปินชาว Austria ชื่อ Udo Jurgens (1934-2014)

เพลง Walk away มาจากเพลงชื่อ Warum nur warum? (1964)



ส่วนเพลง The music played มาจากเพลง Was Ich Dir Sagen Will (1967)

เพิ่งได้ฟังฉบับนี้ก็ตอนเขียนเรื่องนี้แหละ  โดยส่วนตัวผมว่าต้นฉบับเพราะกว่าแฮะ  ทำนองโรแมนติกแทงใจโดยเฉพาะช่วง intro (ฉบับของ MR ออกดราม่าไปหน่อย) นี่คือเหตุผลที่ขอถอนเรื่องจากเมื่อวานออกมาลงวันนี้  ขอหลับตาแล้วดื่มด่ำกับเสียง piano ก่อน

[เทาชมพู]

เป็นนักร้องคนโปรดของเพื่อนค่ะ    เมื่อก่อนส่งไลน์สวัสดีตอนเช้าจะต้องส่งเพลงของแมทท์ไปให้เป็นประจำ

[nathanielnong]

เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการแหกโค้ง....

วันหนึ่งในปี 1995 ผมกำลังดูรายการเสนอหนัง (ฝรั่ง) ใหม่ที่กำลังจะเข้าฉาย (ที่เมืองนอก) ทางทีวี IBC  รู้สึกรายการนี้จะมีชื่อว่า Cinema, cinema, cinema  รายการนี้จะตบท้ายด้วยอันดับหนังทำเงิน  ในงวดนั้นอันดับ 1 คือหนังชื่อ Dangerous minds เล่าเรื่องราวของ US Marine ผู้หญิงที่ลาออกจากงานเพื่อไปสอนหนังสือให้กับเด็กในโรงเรียนเหลือขอ  หนังเรื่องนี้มี soundtrack เป็นเพลง hip hop ชื่อ Gangsta’s paradise 

เพลงนี้มีทำนองที่กลมกล่อมกับหูของผมมาก  จนผมรู้สึกติดใจและประหลาดใจไปด้วยว่า  ฉันชอบเพลง hip hop บ้าบอได้ด้วยหรือนี่  เพลงแนวนี้อยู่นอกวงจรการฟังเพลงของผมไปโขเลย

ตอนนั้น อตน. ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์  และยุควิทยุก็กำลังจะสูญพันธุ์  ผมจึงไม่สามารถหาเพลงนี้ฟังได้  จะให้ซื้อแผ่นเสียงน่ะไม่มีทาง  จนกระทั่ง youtube ถือกำเนิดผมจึงได้มีโอกาสฟังเพลงนี้และ download เพลงเก็บไว้ฟัง
 



ปรากฏในเวลาต่อมาว่ามันเป็นเพลงแนว hip hop ที่ดังมากในบ้านเขา  ไม่ใช่แค่ติดอันดับ 1 ประจำสัปดาห์ของ billboard แต่เพลงนี้ติดอันดับ 1 ประจำปีนั้นเลยทีเดียว  ตัวคนร้องมีชื่อในวงการว่า Coolio ร่วมแต่งเพลงด้วยได้รับรางวัลมากมายรวมถึงรางวัล Grammy อันเปรียบเสมือนรางวัล Oscar ทางวงการเพลง

จะว่าไปหูผมเปิดกว้างเหมือนกันนะนี่

[nathanielnong]

ในปี 1975 วิทยุปล่อยเพลงหนึ่งออกมา  ฟังเหมือนเสียงเด็กร้องเพลงอยู่ในสวนร่มรื่น  เพลงนี้มีเสียงลา ลา แล้วตามด้วยเสียงหวีดหวิวหวาน ๆ คลอตลอด  เป็นเพลงดังมากในบ้านเขารวมมาถึงบ้านเรา




ไม่กี่ปีต่อมาก็ได้อ่านข่าว เป็นข่าวเล็ก ๆ จาก นส. Starpics ของผมว่าเธอตายแล้วด้วยโรคมะเร็ง  ตอนนั้นรู้แค่นี้  พอมายุค Wikiฯ ถึงได้รู้รายละเอียดเพิ่มเพิมว่า  มะเร็งลุกลามหลังจากเธอปล่อย Lovin’ You ออกมาไม่นาน

[nathanielnong]

ตั้งแต่รู้ว่าชอบฟังเพลงฝรั่ง  ผมก็ได้ยินเพลง Witch Doctor ดังออกมาจากลำโพงวิทยุอยู่เนือง ๆ (ในช่วงนั้น)  ตอนนั้นจำชื่อเพลงไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่จำชื่อคนร้องเลย  แต่เพลงแปลก ๆ แบบนี้จำได้ไม่ลืม  พอมีหนังสือ Golden Oldies เล่มที่เคยเอ่ยถึง  ผมถึงรู้ชื่อเพลงและชื่อนักร้องคือ David Seville



ตัดฉากไป...  ในช่วงเวลาเดียวกันผมได้รู้จักการ์ตูน ‘ชิปมั้ง’  ทางทีวี  ตัวละครเป็นตัว chipmunk 3 ตัว ชื่อ Simon, Theodore แล้วก็ Alvin  รายการทีวีที่ดูพากษ์ไทยผมจึงไม่รู้เสียงที่แท้จริงของตัวละครทั้ง 3  รู้แต่เสียงคนพากษ์ดัดเป็นเสียงเด็ก  นอกจากฉากร้องเพลงถึงรู้ว่าเสียงต้นฉบับเหมือนคนดัดเสียง  ฟังแล้วเหมือนเสียงประสานในเพลง Witch Doctor ที่ได้ยินทางวิทยุ  แล้วมาวันหนึ่งวิทยุก็กระจายเสียงเพลงนี้

ดีเจวิทยุบอกว่าร้องโดยคณะ The Chipmunks ซึ่งผมเดาเอาว่าก็คือตัวละครในการ์ตูนที่ผมเคยดูนั่นเอง


ทั้งหมดนี้ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่าชื่อ DS กับชื่อ TC ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกัน  จนกระทั่ง ณ ตอนนี้ที่ผมนึกถึงเพลง Witch Doctor  แล้วก็สงสัยว่าคนร้องคือ DS ยังอยู่หรือม่องเท่งไปแล้ว  ถ้าม่องเท่งไปแล้วจะได้เอามาลง  แต่ปรากฏว่าหาชื่อไม่เจอ  ผมชักสงสัยเพราะไม่เคยมีอะไรใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยมลพิษนี้ที่จะรอดหูรอดตา อากู๋ ไปได้  ผมก็เริ่มพลิกแพลงการหาแล้วก็พบสิ่งที่ต้องการจนได้  อากู๋ ซะอย่าง

คำตอบที่ได้เป็นความรู้ใหม่เอี่ยมของผม  ชื่อ David Seville ไม่มีตัวตนอยู่จริงเป็นเพียงชื่อสมมติของ Ross Bagdasarian ซึ่งเป็นศิลปินมากความสามารถ  เท่านี้ยังไม่พอ  ชื่อ DS นี้คือตัวละครที่สวมบทผู้จัดการคณะ The Chipmunks ในการ์ตูนที่ผมเคยดู

2 เพลงข้างต้นมาจากนักร้องคนเดียวกัน คือ RB ซึ่งเธอเป็นเจ้าของเสียงทั้งหมดที่เราได้ยินโดยอาศัยเทคนิคในการอัดเสียง

ข้อมูลบอกว่า 2 เพลงดังกล่าวออกตลาดในปี 1958 โดยใช้ชื่อศิลปินต่างกันอย่างที่บอก  และสามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ในตาราง billboard ได้ทั้งคู่