เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 06 ต.ค. 12, 22:24
|
|
คราวนี้เปลี่ยนเป็นนักร้องชายบ้าง คุณ SILA อาจจะโตไม่ทัน Ricky Nelson เมื่อเขาเป็นวัยรุ่น แต่คงเคยได้ยินชื่อ เพราะหนุ่มหน้าหวานรายนี้ เป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุค 1960s ต้นๆ เพลงของเขาทำสถิติอันดับหนึ่งสูสีมากับเอลวิส เพรสลีย์ และเป็นเพลงร็อคแอนด์โรลเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 07 ต.ค. 12, 22:19
|
|
ริคกี...ริกกี...หริกกี...ริคกี้ เอาเป็นว่าเป็นคำยืมจากชื่อ Ricky ก็แล้วกัน ได้ไม่มีปัญหาเรื่องทับศัพท์
ริคกี้ เนลสัน เกิดเมื่อค.ศ. 1940 เป็นดาราเด็กมาหลายปีก่อนจะเป็นวัยรุ่นในยุค 1960s ต้นๆ พ่อแม่เขาอยู่ในวงการบันเทิง ดังขึ้นมาจากละครวิทยุ ซึ่งต่อมากลายเป็นหนังครอบครัวเรื่องยาวยอดฮิททางทีวี เรื่อง The Adventures of Ozzie and Harriet ริคกี้กับพี่ชายชื่อเดวิดเล่นเป็นลูกชายพ่อแม่ในเรื่อง คนอเมริกันก็หลงรักเด็กน้อยตัวผอมบางมาจนกระทั่งโตขึ้นมาเป็นหนุ่มน้อยหน้าใส สไตล์สะอาดสะอ้าน อย่างที่นิยมกันในยุค 1960s ต้นๆ
ยุคนั้นเป็นยุคทองของเพลงป๊อบ โดยเฉพาะร็อคแอนด์โรล แม้ว่าเสียงของริคกี้ไม่ได้วิเศษอย่างเสียงของเอลวิส เขาร้องเพลงเสียงใสๆ อย่างเด็กหนุ่ม ออกจะเสียงขึ้นจมูกด้วยซ้ำ แต่ด้วยความหล่อหวานแบบเทพบุตร สาวๆก็กรี๊ดกันสนั่นทั้งประเทศ ไม่ว่าร้องเพลงไหนก็ฮิทติดอันดับหนึ่งอย่างง่ายดาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 07 ต.ค. 12, 22:38
|
|
ในยุค 1960s ภาพลักษณ์ของดาราสำคัญมาก แฟนคลับชอบวาดฝันไว้ว่าดาราหรือนักร้องในดวงใจจะต้องเป็นเทพ ไม่ใช่คนเดินดินชั่วๆดีๆปนกันอย่างชาวบ้าน ดาราจึงต้องสร้างภาพกันสุดฤทธิ์ พ่อของริคกี้สร้างภาพลูกชายออกมาเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก สะอาดสะอ้านราวกับผ้าขาว เพื่อให้ครองคะแนนนิยมสูงสุดเอาไว้ ทั้งๆในความเป็นจริง ริคกี้ถูกกดดันกับอาชีพดาราที่ทำให้เขาไม่มีวัยเด็กเป็นอิสระอย่างที่ควรเป็น พอโตเป็นหนุ่ม เจ้าหนุ่มก็เลยแอบเฮ้ว ไปโลดโผนหัวหกก้นขวิด ทำตัวเป็นอันธพาลครองเมืองยามค่ำคืนเวลาอยู่นอกจอทีวี ทำให้พ่อแทบสิ้นสติ ต้องวิ่งเต้นหาทางกลบเกลื่อน ซ่อนเร้นพฤติกรรมลูกชายเอาไว้ ไม่ให้รั่วไหลออกมาได้ ริคกี้ในสายตาสื่อและคนดู จึงเป็นหนุ่มน้อยเรียบกริบ สะอาดสะอ้านตั้งแต่ทรงผมจดปลายเท้า ร้องเพลงร็อคด้วยกิริยาเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 08 ต.ค. 12, 09:57
|
|
ช่วงกลางของทศวรรษ 1960s วงการร็อคแอนด์โรลของอเมริกาถูกถล่มหนักด้วยกระแสคลื่นลูกใหม่(และใหญ่มหึมา) จากอังกฤษ คือนักร้องวง "The Beatles" หรือที่ไทยเรียกว่า "สี่เต่าทอง" นักร้องขวัญใจวัยรุ่นอเมริกันที่กำลังฮิทๆอยู่ในขณะนั้นจมหายลงไปใต้กระแสคลื่นกันมาก รวมทั้งริคกี้ เนลสันด้วย เขาหายจากเวทียอดนิยมไปนานร่วม 10 ปี กลับมาอีกครั้งในค.ศ. 1972 กลายเป็นหนุ่มใหญ่มาดเข้ม ผมยาวเป็นกระเซิง ร้องเพลงที่เขาแต่งเอง คือ Garden Party เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิท แผ่นเสียงจำหน่ายได้เป็นล้าน ขึ้นถึงอันดับ 6 ของบิลบอร์ด เพลงนี้ ริคกี้เขียนอย่างถอดหัวใจออกมา เขาผ่านประสบการณ์ทั้งรุ่งและร่วงมาแล้ว จนบัดนี้จึงเข้าใจบทเรียนจากชีวิต ตอนหนึ่งของเพลงคือ Can't please everyone, gotta please yourself เขียนขึ้นจากเหตุการณ์เมื่อปรากฏตัวร้องเพลงบนเวทีที่เมดิสัน สแควร์ ริคกี้เปลี่ยนสไตล์ร้องจากร็อคแบบเดิมมาเป็นคันทรีร็อค เพราะไม่อยากหากินกับความสำเร็จสมัยเป็นวัยรุ่น แต่แฟนเพลงมาฟังเพราะอยากฟังเขาร้องเพลงเก่าๆอีกครั้ง ก็เลยโห่ไล่ว่าไม่ชอบ ทำให้ริคกี้เจ็บปวดมากจนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 08 ต.ค. 12, 10:08
|
|
แม้ว่าเพลงต่อๆมาของริคกี้จะไม่ฮิทติดอันดับอีก เขาก็ยังมีงานร้องเพลงไม่ขาดสาย ให้ตระเวนไปโชว์ที่โน่นที่นี่ทั่วอเมริกา จนกระทั่งคืนส่งท้ายปีเก่า ค.ศ. 1985 เมื่อนั่งเครื่องบินส่วนตัวจากอลาบาม่า เพื่อจะร้องโชว์บนเวทีงานปีใหม่ที่ดัลลัส เทกซัส เครื่องบินประสบอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ริคกี้เสียชีวิตพร้อมคู่หมั้น เมื่ออายุเพียง 45 ปี ขอส่งท้ายด้วยเพลงดังที่สุดของเขา Hello, Mary Lou ที่ร้องเมื่อค.ศ. 1961 นอกจากขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาแล้ว ยังขึ้นอันดับ 1 อีกใน 32 ประเทศทั่วโลก http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=zLkCWT2neuIด้วยเสียงเรียกร้องจากแฟนๆคอนเสิร์ต อยากเห็นรูปลักษณ์เดิม ริคกี้ก็ต้องกลับมาร้องเพลงนี้อีกเวลาไปโชว์ตามเวทีต่างๆ แต่งตัวดี ตัดผมตัดเผ้าเรียบร้อยคล้ายๆสมัยวัยรุ่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 08 ต.ค. 12, 12:11
|
|
มีเพลงฮิทอีกเพลงหนึ่งของริคที่วิทยุสมัยก่อนนิยมเปิดบ่อยๆ ฟังเหงาๆ เศร้า ๆ ครับ
Down Home
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 08 ต.ค. 12, 12:14
|
|
อีกเพลงทีชอบ - ความทุกข์ ความเหงา ความในใจของขวัญใจวัยรุ่น ครับ
Teenage Idol
http://www.youtube.com/watch?v=q2xeL2_eSUY
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 08 ต.ค. 12, 15:57
|
|
ตอนที่รุ่ง ริคกี้ก็รุ่งจริงๆ เมื่ออายุ 19 เขาได้เล่นหนังใหญ่สไตล์คาวบอยตะวันตก ประกบคู่กับดาราชั้นนำอย่างจอห์น เวย์น และดีน มาร์ติน เรื่อง Rio Bravo (ค.ศ. 1959) จากบทในเรื่องนี้ ริคกี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทอง ในฐานะดาราชายหน้าใหม่ดาวรุ่งพรุ่งนี้แห่งปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 10:04
|
|
ขอเล่าถึงเสียงสวรรค์อีกเสียงหนึ่งที่ล่วงไปสู่สวรรค์ตั้งแต่ปี 2008 ด้วยวัยสุกงอมถึง 90 ปี เธอชื่อ Jo Stafford เป็นดาวเสียงที่พุ่งแรงมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1930s จนถึงต้น 1960s ในวงการเพลงป๊อปและเพลงแจ๊ซ ที่มาแรงในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียงของโจ สตัฟฟอร์ด สูง ใส และเจื้อยแจ้ว เหมาะจะร้องเพลงเนิบช้า ทอดเสียงโหยหวน เพลงที่รู้จักกันดีคือ You Belong to Me (ค.ศ. 1952)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 10:08
|
|
ในยุคที่จังหวะบีกินเป็นที่นิยมในงานลีลาศ เพลงนี้ของ Jo กลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวะบีกิน วงดนตรีเล่นจังหวะนี้ทีไร ก็ต้องมีเพลงนี้อยู่ด้วยเสมอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 11:44
|
|
เพลงเก่าอีกเพลงหนึ่งที่โจนำมาร้องจนติดหูคนฟัง ทั้งๆก็มีนักร้องร้องอยู่หลายคน คือเพลง Till We Meet Again เป็นเพลงฮิทในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ซาบซึ้งตรึงใจคนฟัง เพราะถือกันว่าเป็นเพลงสัญลักษณ์ของการอำลาของคู่รักที่ชายหนุ่มต้องจากไปสงคราม ฝ่ายหญิงสาวก็เฝ้ารอว่าเมื่อไรจะกลับมา จะได้แต่งงานกัน สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงไปแล้ว เพลงนี้ก็ยังแพร่หลายอยู่ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น เพลงนี้ก็กลับมาซาบซึ้งตรึงใจคนฟัง ยากจะหาเพลงลาเพลงใดเทียบได้อีกครั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 15:20
|
|
เพลง It's Almost Tomorrow ขึ้นอันดับ 14 ของบิลบอร์ดในปี 1955. เพลงนี้เคยร้องโดยคณะนักร้อง Dream Weavers ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิทประจำวง ขึ้นถึงอันดับ 7.
เนื้อเพลงก็น่าสงสาร ผู้หญิงไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเพราะคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่กับแฟน วันรุ่งขึ้นก็จะสูญเสียเขาไปแล้ว ในเนื้อเพลงไม่ได้บอกว่าเจ้าหนุ่มจะไปไหน แต่มีนัยยะว่าคงจะไปแต่งงานเพราะท่าทางบอกให้รู้ว่ากำลังตีจาก แต่ผู้หญิงก็ยังพร่ำเพ้อเพราะตัดใจไม่ได้อยู่ดี แต่ความคิดแบบนี้เป็นสมัย 1955 ไม่ใช่ 2012 ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 15:29
|
|
โจร้องประกบกับเอลลา ฟิตซเจอรัลด์ สุดยอดแห่งเสียงสวรรค์อีกคนหนึ่งในยุคเดียวกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 15:45
|
|
อีกเพลงเอกที่รายการวิทยุนิยมเปิด ครับ
No Other Love
จากทำนองเพลง Étude No. 3 in E, Op. 10 ของโชแปง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 09 ต.ค. 12, 16:01
|
|
ผัดผ่อนตัวเองไม่โพสต์เพลง No Other Love เพราะยังหาไม่เจอว่ามาจากเพลงคลาสสิคของใคร จำชื่อเพลงเดิมไม่ได้ว่าของโมสาร์ท หรือใคร คุณ SILA เข้ามาตอบพอดี ประหยัดพลังงานและเวลาได้มากค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|