เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 270 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 21:09
|
|
ดาวของเอ็ดดี้เริ่มหรี่แสงลงเรื่อยๆ ชื่อเสียงสมัยเป็นนักร้องแถวหน้าของบริษัทแผ่นเสียง RCA เทียบเท่าเพอรี่ โคโมและเอลวิส เพรสลีย์ จางหายไปกับกาลเวลา เขาออกจากฮอลลีวู้ดไปร้องเพลงในลาสเวกัส และหาเวทีได้เล็กลงทุกที แต่งงานอีก 2 ครั้งก็หย่าทั้งสองครั้ง จนแต่งอีกครั้งที่สาม อยู่กันมาจนภรรยาตายจากไปก่อน เอ็ดดี้มีชีวิตยืนยาวมาจนอายุ 82 จึงถึงแก่กรรมเมื่อค.ศ. 2010
ฟังเพลงเก่าๆของเอ็ดดี้ ก็ยังเพราะอยู่ดี สมกับเป็นนักร้องขวัญใจของอเมริกามาแล้วในยุคหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 271 เมื่อ 06 พ.ย. 12, 21:14
|
|
สามดาวเสียงเสียงทอง เอ็ดดี้ ฟิชเชอร์ แอนดี้ วิลเลียมส์ และบ๊อบบี้ ดาริน ซึ่งล้วนแล้วแต่ขึ้นสวรรค์ไปหมดแล้ว ร่วมกันร้องเพลงจากหนัง The Sound of Music Do-Re-Mi
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 272 เมื่อ 07 พ.ย. 12, 09:44
|
|
Full Moon and Empty Arms เป็นอีกเพลงหนึ่งที่เอ็ดดี้ร้องได้เพราะมาก
จำได้ว่าเพลงนี้ดัดแปลงมาจากเพลงคลาสสิค แต่ไม่แน่ใจว่าเป็น Piano Concerto No. 2 ของ Sergei Rachmaninoff หรือเปล่า ใครทราบบ้างคะ
ครับ นำทำนองมาจาก Rachmaninoff's Piano Concerto หมายเลข 2
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 273 เมื่อ 07 พ.ย. 12, 09:48
|
|
นอกจากเพลง Oh My Papa แล้วอีกเพลงหนึ่งที่ชอบมากคือเพลงนี้ ครับ
Cindy Oh Cindy
ทำนองไพเราะมาก และเนื้อเพลงบรรยายความอ้างว้างท่ามกลางท้องทะเลเวิ้งว้างได้จับใจ ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 274 เมื่อ 07 พ.ย. 12, 10:25
|
|
คลิป(เรท น ๑๘+) Carrie Fisher ลูกสาว(อดีตนางเอก Star Wars) "ทอล์ค โชว์" ย้อนรอย เรื่องอื้อฉาวของพ่อ Eddie Fisher/Elizabeth Taylor Scandal ในรายการ Oprah Winfrey show
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 275 เมื่อ 07 พ.ย. 12, 13:54
|
|
เสียงของเอ็ดดี้หวานเศร้า ร้องเพลงหวานๆแล้วละลายใจแฟนเพลงยุค 1950s ได้โดยง่าย เพลง Take My Love เพลงนี้มาจากหนังเรื่อง The Glass Slipper ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นหนึ่งของเทพนิยายซินเดอเรลลา ที่เลสลี่ คารอง ดาวเต้นนักบัลเลต์ของฝรั่งเศสที่มาเอาดีในฮอลลีวู้ดแสดงนำ เอ็ดดี้ออกเพลงนี้ในค.ศ. 1955 ติดอันดับ 36 ในบิลบอร์ด
ทำนองเพลงนี้ ไทยนำมาดัดแปลงเป็นเพลง ดาวประจำใจ ขับร้องโดยสุเทพ วงศ์กำแหง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 276 เมื่อ 09 พ.ย. 12, 09:06
|
|
เพลงดังอีกเพลงหนึ่งของเอ็ดดี้ I Need You Now
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 277 เมื่อ 09 พ.ย. 12, 09:08
|
|
นี่คือ Coke Time รายการเล็กๆที่ทำให้เอ็ดดี้แจ้งเกิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 278 เมื่อ 09 พ.ย. 12, 09:10
|
|
ส่งท้ายเพลงของเอ็ดดี้ด้วยเพลงนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 279 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 10:23
|
|
คุณ SILA ยังไม่เข้ามาแนะนำดาวดับแสงคนต่อไป ขอคั่นโปรแกรมด้วยดาวเสียงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เคยโด่งดังในยุค 1950s ปลายๆมาจน 1960s ช่วงที่ร็อคแอนด์โรลเขย่าอเมริกาจนสั่นสะเทือนไปทั้งประเทศ นักร้องวัยรุ่นทั้งชายหญิงเกิดใหม่นับไม่ถ้วน ตอบสนองคนดูกลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นพวก baby boomers คือเด็กที่เกิดหลังสงครามโลก และเป็นกลุ่มบริโภคใหญ่ของประเทศ นักร้องคนนี้ชื่อบ๊อบบี้ ดาริน ค่อนข้างโชคดีกว่านักร้องอื่นตรงที่ชีวิตไม่ได้ล้มลุกคลุกคลานกว่าจะดัง เขาเป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลงเอง พออายุ 22 ได้รับเชิญไปออกรายการของดิ๊ค คลาร์ค ดีเจดังแห่งยุค เพลงที่นักร้องหนุ่มหน้าใหม่คนนี้ร้องก็ดังระเบิดเถิดเทิงขึ้นมาชั่วข้ามคืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 280 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 10:26
|
|
เพลงแรกจำหน่ายไปได้กว่าหนึ่งล้านแผ่น ก็ไม่มีอะไรฉุดบ๊อบบี้ ดารินได้อีกแล้ว ปีต่อมาคือปี 1959 เป็นปีทองของเขา เขาได้รางวัลแกรมมี่ 2 รางวัลซ้อน คือได้จากเพลงยอดเยี่ยม Mack the Knife และรางวัลนักร้องดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี เพลงนี้ติดอันดับสิบอันดับแรกของบิลบอร์ดอยู่ถึง 52 สัปดาห์ และติดอันดับ 1 อยู่ 9 สัปดาห์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 281 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 10:34
|
|
บ๊อบบี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ร้องเพลง เป้าหมายต่อไปของเขาคือก้าวเข้าสู่ฮอลลีวู้ด ในปี 1960 เขาแต่งเพลงนำให้ภาพยนตร์เรื่อง Come September และแสดงร่วมในเรื่องนั้นด้วย ดารานำคือร็อค ฮัดสัน และจิน่า ลอลโลบริจิดา ดาราสาวเซกซี่ชาวอิตาเลียน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในโรม เป็นเรื่องรักโรแมนติคเบาๆ ถ่ายทำในยุโรปตามเมืองสวยๆ เห็นวิวงามๆ ให้คนดูอเมริกันได้ตื่นตาตื่นใจ ตามความนิยมสมัยนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 282 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 10:41
|
|
หนังเรื่องนี้มีพระเอกนางเอก 2 คู่ นอกจากดาราหนุ่มใหญ่สาวใหญ่แล้วก็มีหนุ่มน้อยสาวน้อยอีกคู่หนึ่ง บ๊อบบี้ได้ประกบคู่กับดาราสาวขวัญใจวัยรุ่นที่กำลังดังที่สุดในฮอลลีวู้ดยุคนั้น เธอชื่อแซนดรา ดี อายุเพียง 16 ปี หลังจากพบกัน 2 เดือน ทั้งคู่ก็หมั้นกัน เข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อแซนดราอายุ 18 ปี ทั้งสองมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 283 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 14:25
|
|
บ๊อบบี้ได้เล่นหนังคู่กับแซนดราต่อมาอีก เป็นขวัญใจวัยรุ่นด้วยกันทั้งคู่ เพลงดังของเขาก็ยังมีออกมาสู่วงการอีกเช่นกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 284 เมื่อ 13 พ.ย. 12, 14:55
|
|
ยังไงก็ตาม ชีวิตสมรสของขวัญใจวัยรุ่นจบลงหลังแต่งงานกันได้ 6 ปีกว่า ทั้งคู่อยู่กันไม่ได้ด้วยปัญหาส่วนตัวซึ่งสะสมกันมาเรื่อย อย่างหนึ่งคือต่างคนต่างยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาให้กัน อย่างที่สองคือสภาพทางจิตของแซนดรา ดี ที่มีปัญหามาตั้งแต่วัยรุ่น จบลงด้วยการหย่าในปี 1967 ผลกระทบจากการหย่าร้าง ทำให้อนาคตทั้งบ๊อบบี้และแซนดราดิ่งลงเบื้องล่างไปด้วยกันทั้งคู่ แซนดรากลายเป็นดาวดับไปเลย หาบทเล่นอีกไม่ได้ ส่วนบ๊อบบี้ก็พบว่าชื่อเสียงเริ่มเสื่อมความนิยม เขาไม่ใช่นักร้องวัยรุ่นอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่เป็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบกว่า กว่าจะกลับมามีรายการโชว์ของตัวเองทางทีวี "The Bobby Darin Show" ก็ผ่านไปถึงปี 1973 ชื่อเสียงของบ๊อบบี้เริ่มกระเตื้องขึ้นมาอีกครั้ง จากร้องเพลงโชว์ตามไนท์คลับ แต่โรคร้ายที่เป็นมาแต่เล็ก คือไข้รูมาติคที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจ ทำให้โรคหัวใจกลับมาคุกคามอีกครั้ง จนเสียชีวิตเมื่อค.ศ.1973 อายุเพียง 37 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|