เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 150 เมื่อ 16 ต.ค. 12, 19:56
|
|
กาย มิทเชลก็เช่นเดียวกับนักร้องอีกหลายคนที่มีปัญหาส่วนตัว จนมีผลกระทบต่อการงาน เมื่อพ้นยุครุ่งเรือง ในวัยสามสิบกว่าถึงสี่สิบ กายเริ่มมีปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากการดื่มจัด แต่เขาก็ยังร้องอยู่ตามไนท์คลับบ้าง ออกโชว์ในคอนเสิร์ตบ้าง จนกระทั่งจากไปเมื่อค.ศ. 1999 เสียงของกายมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ เมื่อร้องเพลงคนละแบบ เสียงเขาจะเนียนเข้ากับท่วงทำนองเพลง บางทีก็ฟังแทบไม่รู้ว่าเป็นนักร้องคนเดียวกัน เมื่อร้องแบบนักร้องครูนเนอร์ เสียงก็จะทุ้มนุ่มนวลโรแมนติค เมื่อร้องเพลงเร็ว เสียงก็ใสคึกคักกระฉับกระเฉง ยากจะหาใครเทียบได้
กายร้องเพลงร็อคแอนด์โรล ROCK A BILLY ขึ้นอันดับหนึ่งในอังกฤษเมื่อค.ศ. 1957
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 151 เมื่อ 16 ต.ค. 12, 20:00
|
|
กายร้องเพลงหวาน Jenny Kissed Me เสียงนุ่มเป็นคนละคนกับเพลงข้างบนนี้ เพลงนี้ร้องเมื่อค.ศ. 1952 เสียงเขาไม่แพ้นักร้องครูนเนอร์ดังๆเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 152 เมื่อ 17 ต.ค. 12, 17:44
|
|
เจ้าสีหนุนั้น เมื่อยังดำรงพระชนมชีพอยู่ทรงเป็นดาวอะไรต่อมิอะไรมากมาย รวมทั้งดาวเสียงด้วย โปรดที่จะร้องและบันทึกเผยแพร่ หลายต่อหลายเพลงของท่านสามารถหาดูได้ในยูทูป
บัดนี้ขออัญเชิญเพลงนึงมาลงในกระทู้นี้เป็นการถวายความอาลัย อย่างน้อยพระองค์ก็เป็นจ้าวนายเขมรที่มีสีสัน มีบทบาทเป็นที่รู้จักของชาวโลก และยากที่คนไทยรุ่นผมจะลืมพระองค์ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 153 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 09:28
|
|
บทความประกอบเพลงเรียบเรียงตัดทอนจาก 'นโรดม สีหนุ'กษัตริย์เก้าชีวิตแห่งกัมพูชา
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ครับ
แล้วโลกก็สิ้นอดีตพระมหากษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสีสันมากที่สุดในโลกอีกพระองค์หนึ่ง ผู้อยู่คู่การเมืองในกัมพูชามานานเกือบ 60 ปีจนได้รับยกย่องว่าเป็นพระบิดาแห่งกัมพูชายุคใหม่ ทรงมีบทบาทหลายสถานะด้วยกัน ทั้งในสถานะพระมหากษัตริย์หนุ่มที่ฝรั่งเศสปั้นขึ้นมาหมาย ให้เป็นกษัตริย์หุ่นแต่กลับสละราชย์ สุดท้ายก็กลับมาครองราชย์ใหม่ก่อนจะสละราชย์เป็นครั้งที่ 2 เป็นนักต่อสู้เพื่อสันติภาพที่ต้องเสด็จไปลี้ภัยต่างประเทศ 2 ครั้ง เป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายต่อต้านหลายยุค หลายสมัยและเป็นนักโทษสมัยรัฐบาลเขมรแดง กระทั่งกินเนสส์บุ้คได้บันทึกสถิติโลกไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นนักการเมือง ที่ทรงดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองหลากหลายตำแหน่งมากที่สุดในโลก โดยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ 2 สมัย ทรงเป็นประมุข แห่งรัฐหรือทรงดำรงตำแหน่งกษัตริย์โดยไม่มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2 สมัย ประธานาธิบดี 1 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประมุขแห่งรัฐของรัฐบาลพลัดถิ่นของพระองค์เองอีก 1 สมัย
แต่สำหรับคนไทยรุ่นศึกชิงเขาพระวิหารยกแรกเมื่อทศวรรษ. 2503 พระองค์คือ คนเขมรคนเดียว ที่คนไทยรู้จักและไม่ชอบหน้ามากที่สุด ในฐานะที่ทำให้ไทยต้องเสียเขาพระวิหาร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 154 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 09:31
|
|
กระนั้น ยามเมื่อพระองค์ต้องทรงหนีภัยการเมือง โดยเฉพาะในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ ประเทศไทยกลับเป็นประเทศแรกที่ให้ความช่วยเหลือ ทั้งให้พระองค์เสด็จผ่านก่อนจะเดินทางไปปักกิ่ง หรือให้เสด็จประทับชั่วคราวระหว่างเยี่ยมราษฎรชาวกัมพูชาที่หนีภัยมาอยู่ชายแดน รวมไปถึงการรับรอง รัฐบาลเขมรสามฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลหุ่นเฮง สัมริน ตามด้วยการรับรองรัฐบาลเขมรสี่ฝ่ายที่พระองค์ทรง เป็นผู้นำในการเจรจาสันติภาพที่กรุงปารีสจนนำมาซึ่งการเลือกตั้งภายใต้การกำกับดูแลของกองกำลัง รักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติเมื่อปี 2536
อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงพูดถึงพระองค์เองว่าทรงเป็น "เด็กซน" ชอบชีวิตที่สุขสำราญ และชื่นชอบงานศิลป์โดยเฉพาะภาพยนตร์ ทรงกำกับภาพยนตร์ถึงกว่า 10 เรื่องด้วยกัน
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ประสูติเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต และสมเด็จพระมหากษัตริยานี ศรีสวัสดิ์ กุสุมะ นารีเรศ สิริวัฒนา เสด็จขึ้นครองราชย์ครั้งแรกเมื่อปี 2484 - 2498 ภายใต้การผลักดัน จากฝรั่งเศสที่คิดว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าชายหนุ่มหัวอ่อน อ่อนหัดและไร้เดียงสาทางการเมือง
แต่กลับผิดคาดเพราะทรงเป็นคนนำขบวนเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส จนกระทั่งสมปรารถนา เมื่อปี 2496 แต่เป็นเพราะไม่อยากเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจำกัดพระราชอำนาจทาง การเมือง พระองค์จึงทรงสละราชย์เมื่อปี 2498 ให้พระราชบิดาเสด็จครองราชย์แทน
สำหรับชีวิตส่วนพระองค์นั้น ทรงมีพระชายารวม 6 พระองค์ด้วยกัน มีพระโอรส 7 พระองค์ และ พระธิดาอีก 7 พระองค์ โดยพระอัครมเหสีองค์สุดท้ายคือ พระมหาวีรกษัตรีย์ นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในพระนาม ราชินีโมนิก พระราชมารดาพระบาทสมเด็จ พระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 155 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 14:51
|
|
ขอนำเสนอดาวเสียงและดาวแสงผู้เป็นหนึ่งในตำนานสำคัญของวงการบันเทิงแห่งศตวรรษ ที่แล้ว เจ้าของสมญา The Voice (of the Century) และ Ol' Blue Eyes ครับ
Frank Sinatra (December 12, 1915 – May 14, 1998) คุณปู่สืบเชื้อสายอิตาเลียน เรียนไม่จบเพราะโดนให้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากมีความประพฤติ ไม่เหมาะสม ปู่ชอบฟังเพลงบิ๊กแบนด์ และเริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุแปดขวบ ปู่เรียนร้องเพลง'ด้วยหู'จึงไม่รู้ การอ่านตัวโน้ตดนตรี
เรื่องราวตำนานชีวิตและผลงานของคุณปู่เมื่อเป็นนักร้องและนักแสดงมากมายเกินเล่าขาน ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 156 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 14:53
|
|
ตอนเด็กๆ ชอบฟังเพลงดังที่ปู่ร้องกับลูกสาว
Something Stupid - Frank & Nancy Sinatra
ปู่มีภรรยาเป็นนักแสดงสาวสองคน คนนี้ปู่รักมากจนถึงกับทิ้งภรรยาคนแรกมาแต่งงานด้วย Ava Gardner นักแสดงสาวที่ได้รับการยอมรับว่างามที่สุดในปฐพีฮอลลีวู้ดยุคนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 157 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 14:57
|
|
หลายปีต่อมา คุ้นเคยกับเพลงลายเซ็นของปู่
My Way
คลิปแสดงสด Live in London 1971
http://www.youtube.com/watch?v=dqBlIyFcjXs&feature=related
ไร้เทียมทาน เหนือกาลเวลา
เพลงนี้ลุงพอล แองก้าแต่งคำร้องใส่ทำนองจากเพลงฝรั่งเศสเพื่อให้คุณปู่ร้อง ลุงพอลเล่าว่าเวลาแต่งเนื้อร้องลุงจะนึกถึงปู่ว่าถ้าเป็นปู่ๆ จะพูด(ร้อง)ว่าอย่างไร ในเนื้อเพลง จึงมีประโยคอย่าง 'I ate it up and spit it out.' ที่ตัวลุงเองจะไม่ใช้คำอย่างนี้
ภรรยานักแสดงสาวอีกคนของปู่ - Mia Farrow ในวัย 21 ปีอ่อนกว่าปู่ถึง 30 ปี ทั้งสองครองคู่อยู่ด้วยกันเพียง 2 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 158 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 15:03
|
|
อีกเพลงฮิทของปู่ในเวลาต่อมาคือ Let Me Try Again และ อีกหนึ่งเพลงลายเซ็นของปู่
Theme from New York, New York (1980)
บันทึกปู่ร้องสด สุดยอด เท่คอดๆ
และ การร้องครั้งสุดท้ายอย่างไว้ลายหงส์*ในงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ครบอายุ 80 ปี
* "Swan song" is a metaphorical phrase for a final gesture, effort, or performance given just before death or retirement. The phrase refers to an ancient belief that the Mute Swan (Cygnus olor) is completely silent during its lifetime until the moment just before death, when it sings one beautiful song.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นอแรด
มัจฉานุ
ตอบ: 99
|
ความคิดเห็นที่ 159 เมื่อ 18 ต.ค. 12, 16:14
|
|
Yeah ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุดยอดจริงๆ ครับ สำหรับ My Way และ New York New York ...........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 160 เมื่อ 19 ต.ค. 12, 09:30
|
|
ในช่วงปัจฉิมวัย ปู่ยังออกอัลบั้มให้ติดตามฟัง คราวนี้เป็นนำเพลงเก่ามาร้องใหม่ คู่กับนักร้องดังหลายคนในชุด Duets
เลือกเพลงไพเราะ Bewitched, Bothered and Bewildered ปู่ร้องคู่กับนักร้องหญิง คนโปรด - Patti LaBelle(ผู้ร้องเพลงลายเซ็น - Lady Marmalade)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 161 เมื่อ 19 ต.ค. 12, 09:37
|
|
เมื่อได้มีโอกาสไป "ขุด" หาแผ่นเสียงและซีดีอัลบั้มเพลงเก่าแก่ของปู่มาฟัง ก็ได้ประจักษ์ถึงความสามารถอันเอกอุในการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงร้องของปู่ที่ไม่มีใคร สามารถทำได้เท่าเทียม
ชอบเพลงนี้ ครับ
เสียงปู่ร้องประกอบทำนองและการเรียบเรียงเสียงประสานให้อารมณ์ว้าเหว่มาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 162 เมื่อ 19 ต.ค. 12, 09:58
|
|
หลังปู่จากไป Robbie Williams ออกอัลบั้ม Swing When You're Winning (2001) ในอัลบั้มนี้ร็อบบี้ได้(บันทึกเสียง)ร้องเพลงคู่กับนักร้องที่เขาเคารพรักมาตลอดชีวิต
It Was a Very Good Year
คลิปบันทึกการแสดงสด
http://www.youtube.com/watch?v=gOYdUq0O6N4
หนุ่มห่ามอย่างร็อบบี้ออกอาการอินสุดๆ กับเพลงในช่วงที่เป็นเสียงปู่ร้องด้วยท่วงทำนองและ เนื้อร้องหวนหาอาลัยวันเวลาที่ผ่านเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 163 เมื่อ 20 ต.ค. 12, 09:51
|
|
ปู่ยังเป็นดาวแสงที่เจิดจรัสแม้ว่าจะมีเสียงลือเล่าว่าลุงได้เล่นบทดีเพราะมีมาเฟียจัดให้* (Ava Gardner นักแสดงสาวภรรยาของปู่ในตอนนั้นก็ใช้เส้นสายช่วยปู่ด้วย) จนคุณปู่คว้าออสการ์ นักแสดงสมทบจาก From Here To Eternity
คลิปบางตอนจากหนัง
* หนึ่งในคดีที่เอฟบีไอเปิดเผยแฟ้มลับ 2,000 คดี ผ่านเว็บไซต์ชื่อว่า"The Vault" คือ คดีที่พาดพิงว่า ปู่มีความสัมพันธ์กับมาเฟีย และเคยพยายามขู่กรรโชกเงินจากเอลวิส เพรสลีย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 164 เมื่อ 20 ต.ค. 12, 09:55
|
|
ปู่แสดงนำในหนังเรื่อง Von Ryan's Express
ชื่อไทยว่ารถด่วนมฤตยู เข้าฉายที่กรุงเกษม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|