NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:13
|
|
ประมาณกลางปี พ.ศ.๒๔๒๓ จมื่นเสมอใจราช(หม่อมราชวงศ์เทวหนึ่ง ศิริวงศ์) ข้าราชสำนักคนหนึ่งได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ขอให้ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้น ทรงเห็นด้วยแต่เนื่องจากเป็นงานใหญ่ หากพลาดพลั้งไปจะเสียหายได้ จึงโปรดฯให้จมื่นเสมอใจราชเดินทางไปศึกษาดูงานการไปรษณีย์ที่ประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นก่อน และทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯ ทรงสนพระทัยและทรงเข้าใจเรื่องการไปรษณีย์ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงออกหนังสือข่าวราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯทรงเป็นผู้นำในการจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในสยาม โดยร่วมมือกับจมื่นเสมอใจราชและนายเฮนรี่ อาลาบาศเตอร์ ตั้งสำนักงานอยู่ที่ตึกซึ่งเดิมเป็นบ้านของพระปรีชากลการที่ริบราชบาทว์มา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า“ไปรสะนียาคาร”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:20
|
|
นายอาลาบาศเตอร์ ได้รับผิดชอบจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น เครื่องชั่งน้ำหนักและตู้ไปรษณีย์ พิมพ์ตราไปรษณียากร และจัดระเบียบข้อบังคับไปรษณีย์ จมื่นเสมอใจราชได้ทดลองเปิดกิจการไปรษณีย์ขึ้นในบางท้องที่ของจังหวัดพระนครก่อน ด้วยการจัดให้บ้านเรือนมีเลขที่บ้าน เพื่อที่จะได้นำส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง แล้วจึงจะค่อยๆขยายออกไปยังหัวเมือง เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯจึงทรงมีหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า เห็นควรที่จะประกาศเปิดการไปรษณีย์ขึ้นในกรุงเทพได้ในวันที่๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๒๖ และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีกฎหมายแผ่นดินสำหรับการไปรษณีย์ขึ้นไว้เป็นหลักฐานตามร่างที่นายอาลาบาศเตอร์เสนอ หลังจากทรงมีพระราชวินิจฉัยแล้วจึงได้ประกาศให้ใช้บังคับได้ นับว่าเป็นกฎหมายไปรษณีย์ฉบับแรกของสยาม
ก่อนหน้านั้นนิดเดียว สถานกงสุลอังกฤษได้มีหนังสือถึงรัฐบาลสยามลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๒๖ อ้างว่าข้าหลวงใหญ่ที่สิงคโปร์ให้สอบถามเรื่องจะขอจัดตั้งไปรษณีย์สาขาของอังกฤษขึ้นที่กรุงเทพอย่างเป็นทางการ รวมทั้งขอมีอำนาจสิทธิขาด ในการพิมพ์จำหน่ายตราไปรษณียากร และรับฝากจดหมายติดต่อกับต่างประเทศทั้งหมด แต่กระทรวงต่างประเทศสยามได้ตอบกงสุลอังกฤษไปว่าไม่อนุญาต เพราะรัฐบาลกำลังจะเปิดการไปรษณีย์ขึ้น และได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์ไปแล้วเมื่อวันที่๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๒๘ ทำให้กิจการไปรษณีย์ของสถานกงสุลอังกฤษซึ่งดำเนินการมากว่า๓๐ปี เป็นอันยุติลง
ฝรั่งตรงกลางน่าจะเป็นนายอาลาบาศเตอร์ ที่ยืนอยู่ท่ามกลางข้าราชการการไปรณีย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:22
|
|
การเปิดบริการไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ปรากฎว่า เมื่อดำเนินการมาได้เดือนเศษ ปรากฎว่ามีผู้ใช้บริการมาก ได้ยังความชื่นชม สมพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง ดังจะเห็นได้จากกระแสพระราชดำรัส ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา เมื่อวันที่๒๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๒๖ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีความตอนหนึ่งว่า
"การไปรษณีย์ซึ่งได้เปิดใช้โดยส่งหนังสือในแขวงจังหวัดกรุงเทพนั้น ก็เป็นที่แปลกใจของเราที่ไม่คิดว่าคนไทยจะใช้หนังสือกันถึงเพียงนี้ ทำให้เรามีความประสงค์ที่จะจัดการให้ได้ส่งหนังสือไปมาให้ได้ตลอดพระราชอาณาจักรสยามได้โดยเร็ว จะเป็นประโยชน์ในการค้าขายแลทางราชการมาก แล้วภายหลังเราหวังใจว่าคงจะทำตามคำเชิญของท่านผู้จัดการไปรษณีย์ใหญ่ในกรุงเยอรมนี ให้กรุงสยามเข้าจัดการส่งหนังสือไปมาได้ทั่วโลก คือเข้าในหมู่พวกการไปรษณีย์อันรวมกัน"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:22
|
|
ถ้าคุณหมอCVTเข้ามาอ่านแล้ว จะกรุณาสันนิฐานหน่อยว่าท่านเสียชีวิตเพราะโรคอะไรก็จะเป็นพระคุณยิ่งนะครับ
ระหว่างรอคุณหมอ ผมมีเอกสารชิ้นหนึ่งระบุว่า นายเฮนรี่นั้นเสียชีตด้วย "เส้นเลือดสมองแตก" หรือ Stoke ทำให้เกิดอัมพาต ขออภัยครับ คำที่ถูกต้องคือ Stroke ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:23
|
|
ก่อนจะมีกิจการไปรษณีย์ในประเทศไทยนั้นการติดต่อสื่อสารของคนไทยในสมัยโบราณ ก็ใช้วิธีการสื่อสารในระบบม้าเร็ว หรือใช้คนเดินข่าวด้วยเท้าและพาหนะสุดแต่จะสะดวก
ต่อมากงสุลอังกฤษได้นำเอาระบบการสื่อสารทางไปรษณีย์มาใช้ติดต่อระหว่างกรุงเทพกับสิงคโปร์ ตั้งแต่ปลายรัชสมัยแผ่นดินรัชกาลที่๔ โดยเปิดรับบรรดาจดหมายที่ต้องการส่งไปมากับประเทศต่างๆขึ้น ใช้สถานที่ตึกยามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาหลังที่ทำการกงสุล
เอาภาพนำมาหยอดให้ชมครับ  เป็นภาพตึกยามที่เปลี่ยนเป็นที่ทำการไปรษณีย์กงสุลอังกฤษ ที่ทำการรับฝากจดหมายไปยังสิงคโปร์และฮ่องกง ในส่วนบทบาทของนายเฮนรี่ ในด้านกิจการไปรษณีย์มีจดหมายลงนามโดยท่านเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๔๐๗ ให้จัดการแก้ไขปัญหาการหายของจดหมาย ด้วยการนำกุญแจมาล๊อคไว้ ๒ ดอก เก็บไว้ที่เลขาการ และเจ้าของถุงไปรษณีย์ และจดหมายต่าง ๆ ไม่ต้องนำส่งให้เจ้าหน้าที่กงสุลอีกต่อไป ให้ทำการมาส่งที่ตึกยามได้ทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:28
|
|
ก่อนจะมีกิจการไปรษณีย์ในประเทศไทยนั้นการติดต่อสื่อสารของคนไทยในสมัยโบราณ ก็ใช้วิธีการสื่อสารในระบบม้าเร็ว หรือใช้คนเดินข่าวด้วยเท้าและพาหนะสุดแต่จะสะดวก
เปิดขายดวงตราไปรษณียากรของมลายูและอินเดีย ที่มาพิมพ์อักษร "B" แทนคำว่าBangkokทับลงไป ให้ผู้ต้องการไปติดจดหมายที่จะส่งไปต่างประเทศ แล้วส่งไปรณีย์เหล่านั้นไปประทับตราวันที่ที่สิงคโปร์ โดยฝากไปกับเรือค้าขายภายใต้ร่มธงอังกฤษ ก่อนจัดส่งไปประเทศต่างๆผ่านเส้นทางคมนาคมของอังกฤษต่อไป
เราเรียกว่า แสตมป์ Straits Settlement นำมาใช้ในสยาม ก่อนที่จะสยามจะดำเนินการพิมพ์ตราไปรษณียการถึง ๓๐ ปี พิมพ์ประทับตัว B คือ Bangkok จึงนำมาให้ชมครับ มี ๓ รุ่น ต่างกันที่ลายน้ำ รุ่นแรกลายน้ำหัวช้าง รุ่นสองลายน้ำ มงกุฎ อักษร CC และรุ่นสาม ลายน้ำมงกุฎ อักษร CA
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:31
|
|
ประมาณกลางปี พ.ศ.๒๔๒๓ จมื่นเสมอใจราช(หม่อมราชวงศ์เทวหนึ่ง ศิริวงศ์) ข้าราชสำนักคนหนึ่งได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ขอให้ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้น ทรงเห็นด้วยแต่เนื่องจากเป็นงานใหญ่ หากพลาดพลั้งไปจะเสียหายได้ จึงโปรดฯให้จมื่นเสมอใจราชเดินทางไปศึกษาดูงานการไปรษณีย์ที่ประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นก่อน และทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯ ทรงสนพระทัยและทรงเข้าใจเรื่องการไปรษณีย์ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงออกหนังสือข่าวราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีฯทรงเป็นผู้นำในการจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในสยาม โดยร่วมมือกับจมื่นเสมอใจราชและนายเฮนรี่ อาลาบาศเตอร์ ตั้งสำนักงานอยู่ที่ตึกซึ่งเดิมเป็นบ้านของพระปรีชากลการที่ริบราชบาทว์มา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า“ไปรสะนียาคาร”
คุณครู Navarat.C ครับ "ริบราชบาทว์" แปลว่าอะไรครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:40
|
|
ที่ยุโรปตอนนั้น พระองค์เจ้าปฤศฎางค์อัครราชทูตสยามประจำกรุงลอนดอนได้ถูกสั่งให้ไปติดตามล๊อบบี้ให้สำนักงานใหญ่สหภาพไปรษณีย์สากลที่กรุงเบอร์ลินรีบรับรองใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสยามโดยเร็วที่สุด เพราะเกรงว่ารัฐบาลอังกฤษเมื่อถูกปฏิเสธไปแล้วจะไม่ยอม และอ้างสิทธิในฐานะที่ทำการรับส่งไปรษณีย์ในสยามมาก่อนร่วม๓๐ปี เรียกร้องอะไรมาอีก
เมื่อสหภาพไปรษณีย์สากลตอบรับให้เป็นสมาชิกแล้ว จึงเป็นอันจบ สยามจึงมีดวงตราไปรษณียากรที่มีชื่อประเทศของตนปรากฏอย่างเต็มภาคภูมิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:48
|
|
คุณครู Navarat.C ครับ "ริบราชบาทว์" แปลว่าอะไรครับ? คุณครูใจหายวาบหวิดStrokeรับประทาน นึกว่าเขียนอะไรผิดปล่อยไก่ขายหน้าอีกแหล๋ว เข้าทรงเจ้าพ่อกู๋ปั๊บ เจ้าพ่อบอกตามนี้ จดไว้นะคร๊าบ ริบราชบาทว์ แปลว่า เอาเป็นของหลวงตามกฎหมาย เพราะเจ้าของต้องโทษแผ่นดิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:52
|
|
ใครจะพาเข้าซอยพระปรีชากลการ ขออดใจรอให้ปลงศพนายอาลาบาศเตอร์เรียบร้อยก่อนนะครับ เพราะเรื่องนั้นก็ยาวทีเดียว เปิดกระทู้ใหม่ได้เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 17:12
|
|
ขอบคุณคุณครูเนาวรัตน์มากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 18:02
|
|
เรื่องโทรเลข คู่กับการไปรษณีย์ และโทรศัพท์อีกต่างหาก ดูท่านจะรอบรู้ไปเสียทั้งหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 18:24
|
|
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งขึ้นในพระบรมมหาราชวังและพระราชทานนามว่า “ประพาสพิพิธภัณฑ์” เพื่อใช้เป็นที่จัดตั้งแสดงศิลปะโบราณวัตถุที่ทรงรวบรวมไว้ แต่มิได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดยเรียกพิพิธภัณฑสถานในครั้งนั้นทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Museum”
ครั้นถึงรัชสมัยต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้โปรดฯให้จัดตั้งมิวเซียมหลวงขึ้นที่หอคองคอเดีย ซึ่งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังชั้นนอก ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นศาลาสหทัยสมาคม เพื่อจัดแสดงสิ่งของต่างๆเหล่านั้น โดยพระยาภาสกรวงษ์(พร บุนนาค)เป็นหัวหน้าฝ่ายไทย และนายเฮนรี่ อาลาบาศเตอร์ เป็นผู้อำนวยการจัดการแสดงให้พิพิธภัณฑสถานหอคองคอเดียมีภาพลักษณ์เป็นแบบสากล
และนายอาลาบาศเตอร์จึงจัดแสดงในหอคองคอเดีย แบ่งเป็น ๓ กลุ่มคือ ๑. ศิลปะโบราณวัตถุของไทย ๒. ศิลปะโบราณวัตถุส่วนพระมหากษัตริย์ ๓. ศิลปะโบราณวัตถุจากต่างประเทศ
ทั้งหมดนั้นนายอาลาบาศเตอร์เป็นผู้ริเริ่มจัดทำแค็ตตาล็อกบัญชีภาษาอังกฤษและภาษาไทย และให้สิบเอกทัด ศิริสัมพันธ์ แห่งกรมทหารช่างมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ต่อมาได้เป็น พลโทพระยาสโมสรสรรพการ)เป็นภัณฑารักษ์คนแรกของมิวเซียมคองคอเดีย
เมื่อแล้วเสร็จ ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรกเนื่องในการเฉลิมพระชนมายุครบ ๒๑ พรรษา โดยมีกระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๔๑๗ ดังนั้นวันที่๑๙กันยายนของทุกปีจึงเป็น “วันพิพิธภัณฑ์ไทย”ตามมติครม.ในรัชสมัยรัชกาลที่๙
เมื่อเลิกวังหน้าแล้ว จึงโปรดฯได้ย้ายมิวเซียมหลวงจากพระบรมมหาราชวังไปจัดตั้ง ณ พระราชวังบวรสถานมงคลเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๐ ซึ่งต่อมาเรียกว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้โปรดให้ยกฐานะพิพิธภัณฑ์ขึ้นเป็นกรมพิพิธภัณฑสถาน ขึ้นกับกระทรวงธรรมการ และมีพระองค์เจ้าไชยานุชิต กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป เป็นเจ้ากรมคนแรก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 18:37
|
|
๔
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 18:43
|
|
๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|