เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 10:48
|
|
ทายาทมหาเศรษฐีมักจะเกิดยาก ในกรณีนี้ กว่าพ่อหนูจะคาบช้อนเพชรออกมาชมโลก แม่ก็แทบเอาชีวิตไม่รอดจากการผ่าตัดหน้าท้อง ซึ่งสมัยนั้นไม่ได้สะดวกง่ายดายอย่างสมัยนี้ เคราะห์ดีที่เธอมีเงินมหาศาลพอจะจ้างสูติแพทย์ชั้นเยี่ยมและทีมงานให้ประคบประหงมจนรอดมาได้ ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
มีลูกน้อยได้ไม่นาน บาร์บาร่าเกิดความกลัวที่ถูกข่มขู่ว่าจะจับลูกเธอไปเรียกค่าไถ่ บ้านที่อยู่แถวมาร์เบิล อาชก็เริ่มร้อน ไม่อยากอยู่อีกต่อไป เธออยากจะไปอยู่ที่อื่นที่ใหญ่โต และมั่นคงปลอดภัยกว่าเดิม ก็เลยเที่ยวหาทำเลใหม่จนกระทั่งเจอที่ดินผืนงามเข้าผืนหนึ่งเนื้อที่ 12.5 เอเคอร์ใจกลางกรุงลอนดอน ติดกับรีเจนท์สปาร์ค มีบ้านเก่าแก่แบบรีเจนซีที่ถูกไฟไหม้ครึ่งๆ ทิ้งร้างอยู่ ไม่ต้องสงสัยอีกว่าราคาที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้ใจกลางมหานครจะแพงมหาโหดขนาดไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 10:51
|
|
สำหรับบาร์บาร่า คำว่าแพงไม่เคยมีในสมองเธอ มาแต่ไหนแต่ไร เธอก็เลยดำเนินเรื่องกับเทศบาลขอรื้อบ้านเก่าทิ้งแล้วสร้างคฤหาสน์ขึ้นใหม่เป็นแบบจอร์เจียน ก่ออย่างอลังการด้วยอิฐสีแดง เรียกสถาปนิกและมัณฑนากรเจ้าเดิมจากนิวยอร์คที่เคยออกแบบตกแต่งบ้านของเธอที่นั่น ให้บินข้ามมหาสมุทรมาออกแบบตกแต่งบ้านใหม่ที่เธอให้ชื่อว่า Winfield House ซึ่งก็ออกมาโก้หรูสมใจ Winfield House ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ในสภาพหรูหราเช่นเดิม ปัจจุบันทางการของสหรัฐอเมริกาได้รับมอบจากเจ้าของ จึงกลายมาเป็นบ้านพักของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหราชอาณาจักร
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 10:55
|
|
.... มีบ้านเก่าแก่แบบรีเจนซีที่ถูกไฟไหม้ครึ่งๆ ทิ้งร้างอยู่ ไม่ต้องสงสัยอีกว่าราคาที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้ใจกลางมหานครจะแพงมหาโหดขนาดไหน
"คุณครูคั๊าบ" นักเรียน 'Sujittra' ยกมือถามกลางคัน "บ้านแบบรีเจนซี เป็นยังไงค๊าบ และทำไมเรียกว่า บ้านรีเจนซีค๊าบ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 13:03
|
|
บ้านแบบรีเจนซี (Regency)ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบรั่นดีไทย แต่หมายถึงสไตล์ของบ้านที่สร้างสมัยช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยที่เจ้าฟ้าชายจอร์ช พระโอรสของพระเจ้าจอร์ชที่ 3 ทรงสำเร็จราชการ (regent)แทนพระบิดา ซึ่งวิกลจริตไม่สามารถว่าราชการเองได้ จึงเรียกว่าสไตล์รีเจนซี่ค่ะ เจ้าฟ้าชายจอร์ชต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์ชที่ 4 เป็นลุงของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย
บ้านแบบรีเจนซีมีลักษณะเฉพาะตัวเช่นขนาดสูง 2หรือ 3 ชั้น หลังคาแบบปั้นหยา (hip roof) มีปล่องไฟอยู่ด้านข้างแทนที่จะอยู่ตรงกลางหลังคา นิยมสร้างหน้าต่างแปดเหลี่ยมเหนือประตู มีหน้าต่างกระจกสองชั้นชนิดเลื่อนขึ้นลงได้ ฯลฯ แบบนี้ละค่ะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ต้องเรียนถามท่านสถาปนิกใหญ่ในเรือนไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 16:15
|
|
"คุณครูน่ารักจังคับที่ช่วยอธิบาย ผมเข้าจายแล้วฮับ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 09 ก.ย. 12, 21:09
|
|
ขอบรรยายถึงบ้านของบาร์บาร่าอีกนิดค่ะ ตั้งแต่เด็ก บาร์บาร่าเป็นเด็กขี้อายและช่างฝัน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง เธอจึงมักวาดฝันตัวเองเป็นเจ้าหญิงน้อยๆเหมือนในเทพนิยายที่เคยอ่าน เมื่อมีเงินเป็นตะเกียงวิเศษ โตขึ้นเป็นสาวเธอก็ 'เนรมิต' ชีวิตเหมือนฝันให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคู่ครอง หรือว่าบ้านช่องห้องหอ Winfield House เป็นปราสาทหลังที่สองของเธอนอกเหนือจากบ้านคุณตาที่ลองไอส์แลนด์ชื่อ Winfield Hall บาร์บาร่ามีรสนิยมดีในการสะสมของแพง เพราะเธออยู่กับมันมาตั้งแต่เกิด ภายในบ้านจึงเลอเลิศไปด้วยเครื่องเรือนหลุยส์ของแท้สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พื้นปูพรมเปอร์เชียราคาแพงลิบลิ่ว และเครื่องลายครามกับศิลปวัตถุชิ้นงาม ส่วนตัวบ้านก็ตกแต่งเลือกสรรคแล้วด้วยเพดานแบบฝรั่งเศสศตวรรษที่ 18 พื้นปาเก้ต์ไม้โอ๊ค และห้องน้ำหินอ่อนหรูหรา ส่วนนอกของตัวบ้าน บาร์บาร่าสั่งต้นไม้มาปลูกนับพันๆต้น ทั้งไม้พุ่มและไม้ดอกล้วนเนรมิตมาเร็วทันใจ กำแพงรอบบ้านสูงสิบฟุต ติดระบบสัญญาณกันภัยแข็งแรงรอบบ้าน นอกจากนี้ เธอเป็นคนชอบจัดงานปาร์ตี้ บริเวณบ้านของเธอจึงมีสวนดอกไม้ที่สุดเป็นที่สองรองลงมาจากพระราชวังบัคกิ้งแฮม เอาไว้จัดงานกลางแจ้ง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 10 ก.ย. 12, 08:17
|
|
คุณครูครับ แปดโมงเช้าแล้ว โรงเรียนเข้าแล้วครับ นักเรียนเต็มห้องแล้วครับ คุณครูหายไปไหนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sirinawadee
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 10 ก.ย. 12, 14:35
|
|
อยากได้ A กะเค้าบ้าง อาจารย์ยังไม่มา นักเรียนก็รอค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 10 ก.ย. 12, 17:58
|
|
ไม่มีใครรู้ว่าความหรูเริ่ดอลังการที่รายล้อมตัวเธออยู่เป็นสิ่งที่พระพรหมชดเชยให้ความขาดแคลนในใจบาร์บาร่าหรือเปล่า เพราะเธอรวยในทุกเรื่องยกเว้นความสุขส่วนตัว ความสุขใจกลายเป็นสิ่งยากไร้หาเท่าไรก็ไม่ได้ เธอตกเป็นลูกไก่ในกำมือสามี ผู้ชักนำให้เธอสละสัญชาติอเมริกันไปถือสัญชาติเดนมาร์ค เพื่อเลี่ยงภาษีจากสรรพากรอเมริกัน ยังผลให้หนังสือพิมพ์ในอเมริกาก่นด่าเธอเสียไม่นับ ธุรกิจของเธอเพิ่มพูนขึ้นมาจากผู้บริโภคชาวอเมริกันแท้ๆ แต่พอจะต้องเสียภาษีบุคคลกลับคืนไปให้รัฐ กลับเลี่ยงไปว่าเป็นคนชาติอื่น แล้วไปเสียภาษี(ซึ่งถูกกว่า) ให้เดนมาร์คแทน นอกจากเรื่องนี้ เคานต์เร้นโลว์ยังเป็นสาเหตุชักนำให้บาร์บาร่าติดยาจนถอนตัวไม่ขึ้น ความกดดันอย่างหนักทำให้เธอป่วยเป็นโรค Anorexia Nervosa โรคนี้แปลง่ายๆว่าโรคกลัวอ้วน คนป่วยแม้ว่าตัวเองไม่ได้อ้วน บางคนอาจจะผอมด้วยซ้ำไป แต่ก็เชื่อฝังใจว่าตัวเองตุ้ยนุ้ยกว่าที่ควร บางคนก็ไม่ยอมกินอะไรจนหนังหุ้มกระดูก บางคนก็ไปติดยาลดความอ้วน โรคอานอเร็คเซียเป็นโรคเรื้อรังติดตัวบาร์บาร่าไปจนตาย ดูจากรูปเธอ จะเห็นว่าไม่มีวัยไหนเลยที่ผู้หญิงคนนี้อ้วน หรือแม้แต่มีเนื้อหนังอวบอิ่มเมื่ออายุมากขึ้น เธอผอมตลอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sujittra
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 10 ก.ย. 12, 18:03
|
|
เมื่อเช้าก็เพิ่งได้ข่าวว่า มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าของ หลุยส์ วิตตอง ได้ขอโอนสัญชาติไปเป็นเบลเยี่ยม ข่าวว่าเพื่อเลี่ยงภาษีแต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ใช่ พูดถึง anorexia nervosa ก็อดนึกถึง Karen Carpenter ไม่ได้ เธอก็เสียชีวิตเพราะโรคนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 11 ก.ย. 12, 09:39
|
|
ตัวอย่างผู้ป่วยเป็นอานอเร็คเซีย น่ากลัวมากค่ะ ถ้าเจอเข้าจังๆในที่มืด อาจจะต้องวิ่งหนีเพราะนึกว่าเจอผี เคราะห์ดีบาร์บาร่ายังไม่ป่วยมากถึงขั้นนี้ ดูจากรูปเธอก็เพรียวค่อนข้างผอมอย่างผู้หญิงสาวที่รักษาหุ่นไว้อย่างดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 11 ก.ย. 12, 09:56
|
|
บาร์บาร่าทนทุกข์ทรมานอยู่กับสามีคนที่สองได้ 3 ปี ก็หมดความอดทน เธอตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลแยกทาง เพื่อจะกลับไปทำเรื่องหย่าขาดในอเมริกา ไม่รู้ว่าเธอต้องจ่ายเงินไปมากมายมหาศาลเท่าใดจึงได้ตัวแลนซ์ ลูกชายคนเดียวมาอยู่ในความดูแลของแม่ โดยพ่อไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในค.ศ. 1939 จู่ๆเยอรมันก็บุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ ทำให้อังกฤษกลายเป็นประเทศคู่สงครามไปโดยอัตโนมัติ เพราะเคยทำสัญญาเอาไว้ว่าถ้าหากว่าโปแลนด์ถูกรุกรานจะให้การช่วยเหลือ บาร์บาร่าหวาดกลัวภัยสงครามที่ทอดเงามาถึงลอนดอน เธอก็เลยตัดสินใจละทิ้งคฤหาสน์หลังงามในอังกฤษ พาลูกชายตัวน้อยเดินทางกลับไปลี้ภัยสงครามในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอแน่ใจว่าสงครามข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคไปไม่ถึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 11 ก.ย. 12, 10:36
|
|
เมื่อไปถึงนิวยอร์ค ก้าวแรกบาร์บาร่า ผู้ยังมีตำแหน่งนำหน้าว่าเคานเตสโฮกวิตซ์-รีเวนท์โลว์ เพราะยังไม่ได้หย่าขาดจากสามี ก็ปะทะเข้ากับกลุ่มคนงานสหภาพแรงงานของร้านวูลเวิร์ดทั่วประเทศ ยกโขยงกันมาถือป้ายเขียนข้อความว่า " นี่แม่แบ๊บส์ เราหาเลี้ยงปากท้องด้วยเงินแค่อาทิตย์ละ $15.60 หล่อนทำได้ไหม?" นับเป็นการตบหน้าเศรษฐินีเข้าฉาดใหญ่ต่อหน้าสาธารณชนอย่างไม่มีอะไรเท่า บาร์บาร่าดำเนินนโยบายแก้ภาพลักษณ์ของเธอด้วยการบำเพ็ญสาธารณกุศลเป็นการใหญ่ เธอบริจาคเงินช่วยเหลือกองกำลังอิสระของฝรั่งเศสที่ต่อต้านเยอรมัน บริจาคเรือยอทส่วนตัวให้รัฐบาลสหรัฐ ตัวเธอเองก็อาศัยความกว้างขวางในสังคมไฮโซ ช่วยรณรงค์ขายพันธบัตรของรัฐบาล ผลก็คือบาร์บาร่าได้เสียงสะท้อนในทางดีกลับมาจากสื่อ พอจะทำให้หนังสือพิมพ์เลิกแคะไค้เรื่องสมรสอื้อฉาวทั้งสองครั้งได้ ในเมื่อรณรงค์ทำงานสาธารณกุศลให้สังคมอย่างแข็งขัน บาร์บาร่าก็ต้องเข้าไปคลุกคลีกับสังคมคนดังในอเมริกาหลายสังคมด้วยกัน รวมทั้งสังคมฮอลลีวู้ด เธอก็เลยย้ายไปอยู่คาลิฟอร์เนีย ที่นี่เองเธอก็มีโอกาสได้พบชายในดวงใจคนใหม่ ซึ่งสาวๆอเมริกันคลั่งไคล้กันทั่วประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 11 ก.ย. 12, 11:43
|
|
คั่นรายการรออาจารย์เล่าเรื่องสามีดาราลำดับที่สาม ครับ
เคยดูซีรีส์ Poor Little Rich Girl: The Barbara Hutton Story (1987) ทางช่องสาม Farrah Fawcett รับบทเป็น Barbara Hutton
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 11 ก.ย. 12, 11:44
|
|
Nicholas Clay(นักแสดงหนุ่มจากเรื่อง Excalibur และ Lady Chatterlley's Lover) เป็น Prince Alexis Mdivani
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|