ตั้งใจสอนถี่ยิบเลยละค่ะ

สมัยนี้ เศรษฐีถึงรวยแค่ไหนก็ต้องทำงาน ส่วนใหญ่ก็ดูแลกิจการของตัวเองไม่ให้รั่วไหล และขยายงานออกไปให้กว้างยิ่งขึ้น แต่เศรษฐีสมัยบาร์บาร่าไม่ต้องทำงานเพราะมีคณะกรรมการดูแลมรดกของเธอให้เสร็จสรรพ เศรษฐีไฮโซสมัยนั้นจึงท่องเที่ยวกันเป็นหลัก เดินทางรอบโลกกันเป็นของธรรมดา พักแต่ละที่นานเป็นเดือน ไม่ใช่ทัวร์สามวันเจ็ดประเทศเหมือนเดี๋ยวนี้
ปีต่อมาทั้งปี เจ้าชายและเจ้าหญิงนามสกุลเรียกยากคู่นี้ก็เดินทางมาตะวันออก พักอยู่ในจีนและญี่ปุ่น ตลอดเวลาบาร์บาร่าก็เป็นเจ้าหญิงบุญทุ่ม ประดังเงินทอง ของขวัญ และเช็คเงินสดจำนวนมากๆ ให้สามีตามแต่เขาจะปะเหลาะเอาจากเธอ
เงินทองของบาร์บาร่า เหมือนน้ำตกไนแอการาไหลพลั่งๆไม่รู้จบ เมื่ออายุครบ 21 เธอได้มรดกจากย่าเป็นมูลค่า 42 ล้านดอลล่าร์ คือเท่ากับ 2-2.5 พันล้านในยุคนี้ บวกขึ้นไปจากเงิน 50 ล้านดอลล่าร์ของเดิมที่พ่อเอาไปลงทุนไว้เป็นอย่างดี จนงอกเงยขึ้นมาอีก
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ของโลก กิจการของพ่อและห้างวูลเวิร์ธก็ยังประคองตัวเองให้รอดไปได้ ไม่ล้ม ออกดอกผลให้เธอมีรายได้เงินสดไหลเข้ากระเป๋าสบายๆปีละ 1.7 ล้านดอลล่าร์โดยไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไร

ในยุคที่บ้านใหม่ๆขายราคาหลังละสามพันถึงห้าพันดอลล่าร์ รถยนต์ใหม่ราคาคันละหกร้อยกว่าเหรียญ และน้ำมันราคาแกลลอนละ 10 เซ็นต์ ถ้าหากว่าเป็นทุกวันนี้ รายได้เฉพาะดอกเบี้ยแต่ละปีของเธอก็น่าจะซื้อศูนย์การค้าดีๆ เอาไว้มาดูเล่นได้ปีละแห่ง